การเกิดของไทยแลนด์ลีก ทำให้สปอนเซอร์ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าเริ่มหันมามองทีมฟุตบอลในระดับสโมสรมากขึ้น
และมีหลายทีมที่สินค้ายี่ห้อต่าง ๆ เขาไปเป็นสปอนเซอร์ให้ในทันที
หนึ่งในนั้นก็คือ สโมสรศาสนวิทยาที่บริษัท เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และเบียร์สิงห์เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้
และใช้ชื่อทีมว่า "สิงห์เทโรศาสน"
ครั้งนี้มีข่าวว่า เบียร์สิงห์ โดยสันติ ภิรมย์ภักดีให้งบถึง 10 ล้านบาทแก่สโมสรแห่งนี้
และต่อมา บริษัท เทโรฯ ได้เข้ามาซื้อสโมสรไว้เต็มตัวเลย แต่ก็ยังร่วมกับสิงห์
และทีมงานเดิมต่อไป
ข้อน่าสังเกตอยู่ที่ว่า ทีมศาสนวิทยานี้เป็นของวรวีร์ มะกูดี และเมื่อขายไปแล้วปต่วรวีร์ก็ยังมาดูแลอยู่ตลอด
หลังจากสิงห์เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้กับสโมสรศาสนวิทยาได้ไม่นาน โฆษกของเบียร์สิงห์ก็ประกาศยกเลิกการให้เงินสนับสนุนทีมชาติไทย
ภายใต้การดูแลของบิ๊กหอย ทั้ง ๆ ที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้าแล้วว่าจะให้การสนับสนุนต่อ
เหตุผลที่แจ้งไว้ มีเพียงประการเดียวคือ ไม่พอใจคำพูดของบิ๊กหอย ที่ห้ามสิงห์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการจัดสรรค่าใช้จ่ายที่ให้มาแล้ว
ก่อนจะเกิดเรื่องขึ้น ทางเบียร์สิงห์มีโครงการจะให้งบแก่ทีมชาติไทยในปี
2539 เป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากทีเดียว ดังนั้นตามหลักการแล้วน่าจะออกมาเป็นทางการเสียหน่อย
ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาการให้งบแก่ทีมชาตินั้น เป็นการให้โดยผ่านทางบิ๊กหอยเท่านั้น
ส่วนที่ว่าจะนำไปใช้จ่ายอะไรอย่างไร บิ๊กหอยเพียงแค่สรุปผลส่งกลับมาให้ทางเบียร์สิงห์
ทีนี้พอเงินมากขึ้น และกลายเป็นงบประมาณบริษัทไปแล้ว ความเป็นทางการจึงต้องมี
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเพื่อเอาไปหักภาษีเงินได้ เพื่อให้การทำบัญชีไม่ยุ่งยาก ว่าเงินจำนวนนี้หายไปไหนหรือจ่ายไปอย่างไร
ลำพังให้บิ๊กหอยสรุปแจ้งกลับมานั้น มันนำมาเป็นหลักฐานค่าใช้จ่ายไม่ได้
เบียร์สิงห์ต้องการเพียงแบบแผนที่ชัดเจน และต้องผ่านสมาคม ซึ่งมีหลักแหล่งแน่นอนอ้างอิงได้
เรื่องมีแค่นี้เท่านั้น แต่ทางบิ๊กหอยคิดมากเกินไป และจริง ๆ แล้วก็ไม่เห็นมีอะไร
ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง เขาให้ทำเป็นทางการโดยผ่านสมาคมฟุตบอล ก็น่าจะทำได้จะมาอ้างว่ายุ่งยากในทางปฏิบัติ
เช่นการเบิกจ่ายไม่สะดวก ล่าช้า ก็น่าจะมาแก้ไขที่จุดนั้นให้ตรงจุด
"ที่มีข่าวออกไปว่าปากพาจนนั้น ก็ถูกต้องแล้ว และที่บอกว่า สิงห์ไม่ช่วยก็มีเงินส่วนตัวพร้อมที่จะจ่ายอยู่แล้ว
คุณไม่น่าจะออกมาพูดอย่างนั้น เพราะนี่เป็นงานของชาติ ไม่ใช่ทีมของบิ๊กหอย"
แหล่งข่าววิจารณ์
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า การที่สิงห์หันมาทางทีมศาสนวิทยา ซึ่งเป็นของวรวีร์
นั้น ก็ชัดเจนระดับหนึ่งแล้วว่า สิงห์ไม่เอาบิ๊กหอย แต่ถ้าสิงห์กลับมาให้งบทีมชาติไทยอีกครั้ง
เหตุผลมีเพียงประการเดียวก็คือ เห็นแก่หน้าอาจารย์วิจิตร
วรวีร์ พูดถึงกรณีนี้ว่า คงต้องคุยกัน เป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจกันเล็ก ๆ
น้อย ๆ เท่านั้น แต่รายละเอียดคงต้องไปถามทางบิ๊กหอยว่าทำยังไงสิงห์ไม่ให้งบ
บิ๊กหอย พูดถึงกรณีนี้ว่า
"สำหรับสิงห์ที่ผมพูดแบบไม่มีเยื่อใยเพราะที่ผ่านมา เขาอยากเข้ามา
เขาก็มาขอ ซึ่งได้ผลทางโฆษณาอย่างไรหรือไม่นั้น ผมไม่ค่อยทราบ แต่พอข่าวรั่วออกมาทางหนังสือพิมพ์
ซึ่งที่จริงผมก็ไม่ได้พูดแรงอย่างที่เป็นข่าว เขาไม่พอใจจะไม่ให้ ก็ไม่ให้มาดื้อ
ๆ ซึ่งผมเสียความรู้สึกอย่างมาก แล้วถ้ามองว่าเป็นรัฐบาล ถ้ามีข่าวรั่วอย่างนี้แล้วต้องแตก
ก็คงต้องฟอร์มรัฐบาลกันทุกวัน"
บิ๊กหอยมองว่า จากนี้ไป เมื่อนักธุรกิจที่จะเข้ามาช่วยเหลือวงการฟุตบอลของไทยคงไม่ถือว่าเป็นการเสียสละแล้ว
เพราะอย่างน้อยมีผลทางด้านโฆษณาเกี่ยวกับตัวสินค้าหรือภาพพจน์กลับไป
"อย่างสิงห์ ช้าง หรือปูนทีพีไอ ผมว่าเขาได้กลับไปแน่นอน" บิ๊กหอยกล่าว
บิ๊กหอย คำนวณจำนวนเงินให้เราฟังอย่างคร่าว ๆ ว่าตลอดเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมาได้ใช้เงินสด
ๆ ของตนเองกับงานตรงนี้ไปร่วม 30 ล้านบาท
มองการเสียสละของบิ๊กหอย ก็น่าสรรเสริญไม่น้อย เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าการที่สีสันของวงการฟุตบอลไทยกลับมาอีกครั้งนั้น
บิ๊กหอยมีส่วนอยู่มากทีเดียว
บิ๊กหอยมั่นใจว่า จากสิ่งที่ตนเองได้เริ่มกระทำจะทำให้นักธุรกิจหรือผู้ที่นั่งมองอยู่รอบ
ๆ ได้คิด และการสนับสนุนในรูปแบบของงบประมาณที่ให้มาจะมีมากขึ้น เกือบจะกลายเป็นธุรกิจก็ว่าได้
และรายได้จากการแข่งขันต่าง ๆ จะทำให้การสร้างทีมชาติไทย ไม่จำเป็นต้องเสียสละกันอีก
และคำว่าไม่มีเงินสร้างทีมชาติคงไม่มีอีกต่อไป
นี่กระมังที่เป็นส่วนหนึ่ง ที่เมื่อสิงห์ปฏิเสธ บิ๊กหอยก็ไม่ยี่หระที่จะไปง้อ
แต่ขนาดสิงห์ ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาหลายปียังถอยฉาก แล้วสปอนเซอร์ที่บิ๊กหอยมั่นใจว่าต้องมี
จะยอมรับเงื่อนไขตามแบบฉบับของบิ๊กหอยได้ง่าย ๆ เชียวหรือ