บ้านสวนริมคลองบางมดหลังฝนตกกลางเดือนเมษายนวันนั้นดูชุ่มฉ่ำสดชื่น จากโครงการที่เริ่มเปิดขายเมื่อปี
2534 วันนี้บ้านสวนริมคลองแห่งนี้สร้างเสร็จ และโอนให้ลูกค้าหมดเรียบร้อยแล้ว
โครงการซึ่งมีทั้งหมด 244 หน่วย เริ่มมีคนเข้ามาอยู่ตั้งแต่กลางปี 2537 ปัจจุบันมีผู้ทยอยเข้ามาอยู่แล้วอย่างถาวร
ประมาณ 80 หลัง และยังมีลูกบ้านอีกประมาณ 20 หลังที่จะมาใช้ชีวิตที่นี่เฉพาะวันศุกร์
เสาร์ และอาทิตย์
บ้านสวนริมคลองบางมดจะมีทั้งบ้านและที่อยู่ติดคลองบางมด บางส่วนก็จะติดคลองยายวัน
ซึ่งเป็นลำคลองเล็ก ๆ ที่เข้าไปในร่องสวนของชาวสวนย่านนั้น และส่วนที่เหลือไม่ติดคลองแต่จะมีส่วนกลางแทน
เมื่อมีที่ส่วนกลางเป็นสัดส่วนที่สูง การจัดเก็บค่าส่วนกลางเพื่อเป็นหลักประกันในการดูแลความสวยงามเรียบร้อยของหมู่บ้านให้คงอยู่ตลอดไปเป็นเรื่องสำคัญ
นิคม ศิริมาลา หัวหน้าบริหารหมู่บ้าน เล่าให้ฟังว่า บ้านแต่ละหลังของที่นี่
เก็บค่าส่วนกลาง 5.8 หมื่นบาทต่อหลัง ซึ่งเงินจำนวนนี้คาดว่า ในอัตราค่าครองชีพที่ขึ้นเฉลี่ย
15% ต่อปีนี้จะไม่มีการเรียกเก็บอีกเลยในระยะเวลาประมาณ 4 ปี แต่หลังจากนั้นคณะกรรมการหมู่บ้านจะต้องกำหนดจำนวนเงินอีกครั้งหนึ่งในการจ่ายเงินนั้นลูกบ้านได้จ่ายมาแล้วพร้อม
ๆ กับการดอนบ้านโดยเริ่มนับปีที่ 1 ตั้งแต่ปี 2537 ที่ผ่านมา
เงินส่วนนี้บริษัทแปลนเอสเตทจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องเลยลูกบ้านจะต้องสั่งจ่ายในบัญชีของกองทุนบ้านสวนริมคลองบางมด
โดยใน 3 ปีแรกซึ่งยังมีคนเข้ามาอยู่เป็นจำนวนน้อยนี้ จะบริหารโดยคณะกรรมการหมู่บ้าน
ซึ่งเป็นตัวแทนของลูกบ้านร่วมกับทางบริษัท แต่ในระยะยาวจะเป็นการบริหารจัดการโดยคณะกรรมการหมู่บ้านเอง
ในชุมชนบางมดเพิ่งมีการเลือกตั้งคณะกรรมการ 7 คนครั้งแรกเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้เอง
สำหรับเงินกองทุนส่วนนี้ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งจะถูกกันไว้เสียค่าใช้จ่ายประจำ
คือค่าดูแลสาธารณูปโภคส่วนกลางทั้งหมด เช่นการรักษาความปลอดภัย ค่ารักษาความสะอาด
การซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้า
ส่วนที่ 2 คือการนำเงินไปฝากธนาคารเพื่อเอาดอกเบี้ยที่ได้มาเสียค่าส่วนกลางแต่ละเดือน
"ปัจจุบันเรามีเงินฝากประมาณ 11 ล้าน ได้ดอกเบี้ยเดือนละ 1 แสนบาทซึ่งไม่พอค่าส่วนกลาง
ดังนั้นหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ต้องคิดด้วยว่าจะบริหารเงินอย่างไรให้มีดอกเบี้ยมากกว่านี้แต่ต้องปลอดภัยด้วย"
ค่าใช้จ่ายที่หนักในการดูแลหมู่บ้านที่บางมดก็คือ ค่า รปภ. ที่มีประมาณ
10 คน และค่าดูแลสวนส่วนกลาง
บ้านสวนกรุงเทพกรีฑาจะใช้หลักการเก็บค่าส่วนกลางและการบริหารเงินของทุนหมู่บ้านเช่นเดียวกัน
โดยจัดเก็บในราคาประมาณ 4,000 บาทต่อตารางวา ระยะเวลาประมาณ 4-5 ปีก็จะมีการเรียกเก็บใหม่อีกครั้ง
ส่วนโครงการที่บางปะอินนั้นจะเก็บค่าส่วนกลาง 871 บาท ต่อตารางวาคาดว่า
4-5 ปีจะเรียกเก็บใหม่อีกครั้งเช่นกัน ซึ่งเงินก้อนนี้กำหนดให้จ่ายเงินก่อนวันโอน
โดยให้ผ่อนส่งเป็นงวด ๆ ได้
ชุมชนที่บางมด และชุมชนที่กรุงเทพกรีฑา เป็นบ้านหลังที่ 1 ซึ่งจะมีคนอยู่อาศัยประจำ
ปัญหาในการจัดเก็บค่าส่วนกลางในระยะต่อไปอาจจะมี ดังเช่นหมู่บ้านจำนวนมากกำลังประสบปัญหาโดยทั่วไป
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือบ้านหลังที่ 2 ที่บางปะอิน ซึ่งจะมีคนเข้าไปใช้ชีวิตส่วนใหญ่เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์
การตามเก็บค่าส่วนกลางในระยะเวลาต่อไปอาจจะสร้างปัญหาให้กับคณะกรรมการแน่นอน
ที่ผ่านมาแม้แปลนจะมีบทเรียนในการบริหารโครงการอื่น ๆ มาแล้วก็ตามแต่ส่วนใหญ่เป็นโครงการเล็ก
ๆ เช่น ปาริจฉัตถ์อพาร์ทเม้นท์มีเพียง 12 ยูนิต สิทธาคารคอนโดมิเนียมมีเพียง
20 ยูนิต เมื่อคนอยู่น้อยปัญหาก็น้อย แต่ตอนนี้แปลนจะต้องดูแลจัดการในโครงการที่ใหญ่ขึ้น
แน่นอนไม่มีคำตอบใดเป็นสูตรสำเร็จตายตัว แปลนต้องเข้าไปค้นหาคำตอบนี้ด้วยตนเอง
พร้อม ๆ กับจัดการแก้ไข และหสวิธีการว่าจะบริหารชุมชนให้คนในหมู่บ้านมีความสุขที่สุดได้อย่างไร
แปลนเป็นองค์กรที่ทำงานกับคนมาตลอด จิตสำนึกในเรื่องนี้คือความมั่นใจของกลุ่มลูกค้าที่ควักกระเป๋าซื้อโครงการเหมือนกัน