|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
หุ้น PAF ราคาตกกว่า 12% หรือลดลง 48 สตางค์ หลังโชว์ผลงานงวดสิ้นปี 48 ขาดทุน 221 ล้านบาท อันเป็นผลจาการเปลี่ยนโครงสร้างของกลุ่มบริษัท และได้ตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์เผื่อขาย 398.76 ล้านบาท เผยหากไม่นับรวมจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 168 ล้านบาท ขณะที่ตลาดหลักทัพย์ปลดเครื่องหมาย SP พร้อมกับให้เทรดได้ตามปกติ
ราคาหุ้น PAF ของบริษัท แพนเอเซียฟุตแวร์ จำกัด (มหาชน) วานนี้พบว่าราคาหุ้นเปิดตลาดมาพบว่าราคาลดลงจากปิดเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเปิดที่ 3.40 บาท ปรับไประหว่างวันสูงสุดที่ 3.50 บาท และต่ำสุดที่ 3.14 บาท ซึ่งตลอดทั้งวันราคาหุ้นปรับลดลงช่วงเช้าก่อนดีดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนปิด ขณะที่ช่วงบ่ายราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่องและเมื่อใกล้ปิดตลาดปรับเพิ่มเล็กน้อย ก่อนปิดที่ระดับ บาท ลดลง บาท คิดเป็น % ด้วยมูลค่าขาย ล้านบาท
นายพยนต์ พันธ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนเอเซียฟุตแวร์ จำกัด (มหาชน) (PAF) แจ้งผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย งวดสิ้นปี 48 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 48 ซึ่งบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 220.59 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 281.84 ล้านบาท ส่งผลให้จากเดิมที่มีกำไรต่อหุ้น 70 สตางค์ เป็นขาดทุนต่อหุ้น 72 สตางค์ต่อหุ้น หรือกำไรลดลงร้อยละ 178.26
โดยในงวดไตรมาส 3 ของปี 2548 ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ของกลุ่มบริษัท โดยบริษัทฯ นำงบการเงินของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้นอีก 8 บริษัท และ 6 บริษัทตามลำดับ มาจัดทำงบการเงินรวมด้วย เป็นผลให้รายได้รวมของบริษัทฯ และกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจาก 7,690.46 เป็น8,660.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 962.81 ล้านบาท หรือร้อยละ12.9 เนื่องจากบริษัทฯ และกลุ่มบริษัทผู้ส่งออกรองเท้ามียอดส่งออกเพิ่มขึ้น 0.63 ล้านคู่ ราคาขาย F.O.B.เฉลี่ยต่อคู่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.85 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ เป็น 12.63ดอลลาร์สหรัฐฯ เฉพาะของบริษัทฯมีปริมาณยอดส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ราคา F.O.B. ต่อคู่เฉลี่ยสูงขึ้นจากปีก่อน 2.43 USD
ส่วนยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 178.70 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.2 ในจำนวนนี้เพิ่มขึ้น จากกลุ่มของบริษัทย่อยที่เพิ่มขึ้นอีก 8 แห่ง จำนวน 308.90 ล้านบาท สำหรับ รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 25.63 ล้านบาท เนื่องจากค่าบริการรับ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และรายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้น 5.94, 22.55 และ 27.19 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนดอกเบี้ยรับลดลง 19.75 ล้านบาท เนื่องจากเงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องลดลง กอปรกับกลุ่มบริษัทรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมตามวิธีส่วนได้เสียเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวน 18.77 ล้านบาท
สำหรับต้นทุนขายรวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 9.2 สาเหตุจากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 เนื่องจากส่วนใหญ่รูปแบบของรองเท้ายังคงใช้วัตถุดิบหลักเป็นหนังและหนังเทียม ในขณะที่ค่าแรงและค่าใช้จ่ายในการผลิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ16 เนื่องจากมีการเพิ่มสายการผลิตตามปริมาณ ORDER ที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมเพิ่มขึ้น 120.78 ล้านบาท เฉพาะของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 22.07 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายส่งออกที่เพิ่มตามยอดขายและของบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 98.71 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของบริษัทย่อยอีก 8 แห่ง
โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อย 2 แห่งได้ตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนระยะ ยาวในหลักทรัพย์เผื่อขาย 398.76 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่เกี่ยวข้องแห่งหนึ่งที่อยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทย่อยแห่งหนึ่งรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าและการจำหน่ายของเงินลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกันหลายแห่งจำนวน 26.01 และ 42.98 ล้านบาทบริษัทฯและบริษัทย่อย 6 แห่งมีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินและสินค้าเสื่อมคุณภาพ 20.63 และ 17.23 ล้านบาทตามลำดับ อีกทั้งบริษัทฯ และบริษัทย่อยหลายแห่งได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากลูกหนี้การค้า ลูกหนี้อื่น ลูกหนี้จากการขายเงินลงทุน ลูกหนี้จากการค้ำประกัน และเงินให้กู้ยืมระยะสั้น 164.29,71.93,46.99,22.20 และ 337.25 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากบริษัทลูกหนี้ที่เกี่ยวข้องกันดังกล่าวยังคงดำเนินธุรกิจเป็นปกติแต่ยังมีผลขาดทุนสะสม ในขณะเดียวกันก็มีการโอนกลับจากรายการดังกล่าวข้างต้นรวม 534.61 ล้านบาท
งบการเงินรวมสำหรับปี 48 มีผลขาดทุนสุทธิ 220.60 ล้านบาทคิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.72 บาท หากไม่นับรวมผลขาดทุนจากการด้อยค่าของ เงินลงทุนในบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการตามแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 389 ล้านบาท บริษัทฯจะมีกำไรสุทธิประมาณ 168 ล้านบาท
ขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปลดเครื่องหมาย SP (Suspension) หลักทรัพย์ของบริษัท พร้อมกับอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของ PAF ตั้งแต่รอบเช้าของวันที่ 10 เมษายน 49 เป็นต้นไป หลับจากที่ได้ขึ้นเครื่องหมายดังกล่าวตั้งแต่รอบเช้าของวันที่ 2 มีนาคม 2549 เป็นต้นมา เนื่องจากบริษัทมิได้นำส่งงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548 มายังตลาดหลักทรัพย์ภายในเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดนั้น
|
|
 |
|
|