Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 เมษายน 2549
วิจัยคลังชี้ที่อยู่อาศัยถึงจุดอิ่มตัวบ้านเฉลี่ย3-8ล.น่าห่วง-หวั่นสินค้าเริ่มล้นตลาด             
 


   
search resources

Real Estate




ชำแหละแบบจำลองเชิงลึกทิศทางตลาดอสังหาฯไทยของสวค.จากกระทรวงการคลัง ชี้ชัดบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์-อาคารชุด ราคาระหว่าง3-8 ล้านบาท เข้าสู่ภาวะอิ่มตัวถึงปี 2552 หวั่นเกิดภาวะโอเวอร์ซัปพลายได้ ด้าน"ไพโรจน์ สุขจั่น" เตือนผู้ประกอบการศึกษาข้อมูลทุกๆครั้งก่อนลงทุน ชี้ตลาดบ้านระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปต้องระวังให้ดี

ในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา ผลพวงจากการค่อยๆฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจในประเทศ เริ่มมีกำลังในการลงทุนมากขึ้น ขณะที่ในระยะนั้น ทางรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างเป็นระบบ ประกอบกับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ เนื่องมาจากสภาพคล่องในระบบที่ล้นอยู่กว่า 5-6 แสนล้านบาท ได้เพิ่มน้ำหนักให้ผู้บริโภคมีกำลังในการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้บริหารจากสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (สวค.) กระทรวงการคลัง ได้ระบุไว้ว่า แนวโน้มตลาดอสังหาฯยังเติบโตไปได้อีก เนื่องจากสวค.คาด ว่าเฉลี่ยในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2547-2551) อสังหาฯจะโต 19% ขณะที่มูลค่าของตลาดอสังหาฯ 5 ปีข้างหน้า การลงทุนโครงการอสังหาฯใหม่จะมีมูลค่าเฉลี่ย 200,000 ต่อปี หรือประมาณ 20% ของมูลค่าการลงทุนของภาคเอกชนทั้งระบบที่มีมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ 6 ล้านล้านบาท

นั่นคือภาพที่สวค.ได้ประเมินถึงความเป็นไปได้ที่ตลาดอสังหาฯจะเติบโต แต่ในช่วงของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ย่อมมีปัจจัยแทรกซ้อนเข้ามาทำให้ตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง ระวังอสังหาฯถึงจุดอิ่มตัว

ล่าสุด สวค.ได้เผยแพร่บทสำรวจใหม่ล่าสุด(Update) ภายใต้ชื่อ แบบจำลองเพื่อคาดการณ์แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยของไทย" ในปี 2548-2552 โดยเป็นข้อมูลมาจากการสำรวจวิจัยผู้ประกอบการธุรกิจจัดสรรในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล

โดยในมุมมองของนายไพโรจน์ สุขจั่น ในฐานะนายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงแนวโน้มอสังหาฯปีนี้ถึงปี 2552 ว่า ให้ระวังตลาดที่อยู่อาศัยที่จะมีแนวโน้มบ้านล้นตลาด รวมถึงการแข่งขันในธุรกิจที่เข้มข้น ทำให้ในปัจจุบันต้องการมืออาชีพมากขึ้น รวมทั้งผู้ประกอบการจะต้องศึกษาความต้องการของตลาดก่อนลงมือทำโครงการทุกครั้ง การคาดการณ์ตลาดบ้านในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ระดับราคาตั้งแต่ 3 ถึง 8 ล้านบาท และอาคารชุดทุกระดับราคา จะถึงจุดอิ่มตัวในปี 49 นี้แน่นอน

ทั้งนี้ เพราะปริมาณอุปทาน (supply) เริ่มเกินกว่าปริมาณความต้องการหรืออุปสงค์ (demand) แล้ว หากอัตราการขยายตัวของการผลิตเพิ่มเร็วกว่านี้ อาจเริ่มประสบกับภาวะอุปทานล้นตลาด (oversupply) ได้

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นายไพโรจน์ ระบุว่า ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยยังไม่น่าวิตกกังวล เนื่องจากตลาดยังมีอุปสงค์โดยรวมมากกว่าอุปทาน เพียงแต่ขอให้ผู้ประกอบการระวังในการขยายโครงการ สำหรับบางตลาดที่เริ่มมีปริมาณความต้องการขายเกินกว่าความต้องการซื้อ ควรหันไปจับตลาดที่มีความต้องการซื้อรองรับ

อย่างไรก็ตาม จากบทวิจัย พบว่า ปริมาณการสร้างและซื้อขายที่อยู่อาศัยในช่วงพ.ศ. 2548-2552 จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเองโดยรวมทั่วประเทศ มีแนวโน้มเติบโต 257,919 หน่วย ในปี 2548 เป็น 307,132 หน่วย ในปี 52 คิดเป็นอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 4.5% ต่อปี ขณะที่จำนวนการซื้อขายที่อยู่อาศัยจัดสรรมือหนึ่งโดยรวมทั่วประเทศ มีแนวโน้มลดลงจาก 77,819 หน่วย ในปี 2548 เป็น 73,600 หน่วย ในปี 52 คิดเป็นอัตราการขยายตัวเฉลี่ยลดลง 1.4% ต่อปี จากข้อมูลดังกล่าวสามารถสะท้อนภาพรวมของการลงทุนที่แท้จริงในส่วนของการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่(สร้างเองและจัดสรรมือหนึ่ง)ทั้งประเทศ โดยปี 52 จะอยู่ที่ 380,731 หน่วย หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.2% ต่อปี (ปี 48 อยู่ที่ 335,735 หน่วย)

ทั้งนี้ หากลงลึกถึงปริมาณการซื้อและขายที่อยู่อาศัยมือหนึ่งเฉพาะในกทม.-ปริมณฑล พบว่า ตลาดกลุ่มบ้านเดี่ยวมีสัดส่วนมากกว่า 40% จะซื้อและขายในช่วงราคา 3-8 ล้านบาท มากกว่า 55% และราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท สัดส่วน 30% ตลาดทาวน์เฮาส์สัดส่วน 40% ซื้อและขายต่ำกว่า 3 ล้านบาท มากกว่า 80% ขณะที่ 3-8 ล้านบาท ซื้อและขายแค่ 12% ส่วนคอนโดฯ สัดส่วน 20% จะซื้อและขายในช่วงต่ำกว่า 3 ล้านบาทถึง 75%

ขณะที่แนวโน้มช่วงห่างระหว่างอุปสงค์(ความต้องการ) และอุปทาน(ซัปพลาย) เฉพาะในเขตกทม.-ปริมณฑล คาดว่าปี 49 บ้านเดี่ยว 3-8 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 3-8 ล้านบาท และตลาดอาคารชุดทุกระดับราคาน่าจะถึงจุดอิ่มตัวจนไปถึงปี 52

สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในเขตต่างจังหวัดนั้น วิจัยสวค. ชี้ว่า ส่วนใหญ่จะสร้างที่อยู่อาศัยมากถึง 80% ดังนั้น ตลาดที่อยู่อาศัยจัดสรรมือหนึ่งมีสัดส่วนไม่มาก ความน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของตลาดที่อยู่อาศัยมีน้อยกว่าตลาดในกทม.-ปริมณฑล แต่ก็มีตลาดที่อยู่อาศัยจัดสรรมือหนึ่งในต่างจังหวัด เริ่มมีแนวโน้มเกิดซัพปลายส่วนเกินเล็กน้อยในช่วงปี 50-52 อาทิเช่น บ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท และ 5-8 ล้านบาทบ้าง

โดยแบบจำลองของสวค.ยังได้เตือนให้ผู้ประกอบการระมัดระวังตลาดที่อยู่อาศัยที่เริ่มมีซัปพลายส่วนเกินเกิดขึ้น ควรศึกษาความต้องการของตลาดก่อนลงมือทำโครงการทุกครั้ง และปรับตัวโดยการผลิตที่อยู่อาศัยให้ตรงกับความต้องการของตลาด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us