ท่าทีของไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ในยามนี้ เมื่อถูกถามถึงซีโนบริตดูจะไม่ชื่นมื่นเท่าใดนัก
"ผมแค่ช่วยเพื่อน" คือ คำตอบที่ไพโรจน์ให้กับ "ผู้จัดการ"
เมื่อถูกถามถึงสาเหตุซื้อหุ้นซีโนบริต
ไพโรจน์ เล่าว่า พรไชยอยากขยายธุรกิจเพิ่มเติมเลยมาชวน เพราะเห็นว่าบ้างฉางทำธุรกิจค้าขายกับต่างประเทศจึงอาจเป็นประโยชน์กับซีโนบริตได้
"ผมก็รู้จักกับคุณพรไชยมานานหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ติดต่อซื้อขายของที่อังกฤษ
ก็เป็นเพื่อนกันผมก็เลยอยากช่วย" ไพโรจน์เล่า
สิ่งที่ไพโรจน์ช่วยเหลือซีโนบริต ก็คือ ติดต่อแนะนำคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์
ซอฟท์แวร์ มาให้ซีโนบริตทำตลาด
ไพโรจน์ยืนยันว่า ในส่วนตัวของเขาไม่เคยมีความคิดจะขยายธุรกิจสู่ธุรกิจคอมพิวเตอร์
เพราะกำไรน้อย
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับซีโนบริตในเวลานี้ไฟโรจน์มองว่า ไม่รุนแรงและเป็นธรรมดาของธุรกิจประเภทนี้
"ผมไม่เคยมองธุรกิจนี้ ธุรกิจไม่มีอะไร ขายคอมพิวเตอร์กำไรน้อย ผมเข้าไปเพราะต้องการช่วยเพื่อน
ซีโนบริตเองก็ไม่มีอะไร เป็นเรื่องของธุรกิจครอบครัว ขนาดเล็ก ๆ"
ไพโรจน์ยืนยันว่า ยังคงช่วยเหลือซีโนบริตตลอดไป และหากมีการเพิ่มทุนก็พร้อมที่จะซื้อหุ้นเพิ่มเติม
และเห็นด้วยที่จะให้ขายตึก
"พื้นที่ของเราที่ตึกบ้านฉางเยอะแยะ"
ตลอดเวลาที่สนทนา ไพโรจน์ ย้ำว่า ต้องการช่วยเพื่อนเท่านั้น
แต่ความรักเพื่อนของไพโรจน์ ดูจะจำกัดแค่ซีโนบริตเท่านั้น เพราะเมื่อถูกถามว่าเคยช่วยเพื่อนในลักษณะนี้หรือไม่
ไพโรจน์ตอบว่าเป็นกรณีแรกและกรณีเดียว
ส่วนปัญหาธุรกิจของบ้านฉาง ไพโรจน์ ก็ตอบแต่เพียงว่า รู้ว่าธุรกิจอสังหาต้องซบเซาเช่นนี้นานแล้ว
จึงขยับขยายไปทำธุรกิจค้าปลีก และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นธุรกิจเสริมจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ส่วนกรณีข่าวลือ บ้านฉางถูกเพื่อนซี้ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เข้ามาเทคโอเวอร์การบริหารงานไปแล้วนั้น
ไพโรจน์ยืนยันด้วยเสียงอันดังว่า ไม่มีใครแทนที่ไพโรจน์ไม่ว่าจะวันไหนก็ตาม
และแล้วไพโรจน์ก็หันไปทำหน้าที่เป็นโต้โผในงานฉลองครบรอบ 100 สาขาของเอเอ็มพีเอ็มต่ออย่างชื่นมื่นต่อไป