ธีระศักดิ์ สุวรรณยศ เป็นนักการเงินที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการโบรกเกอร์มานาน
แต่คนมักชอบกล่าวหาว่าเขามีลักษณะคล้ายกับ "พ่อมดการเงิน" อันประกอบด้วย
ราเกซ สักเสนา และเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์
สำหรับเชิดศักดิ์นั้น มีหลายคนบอกว่าทั้งคู่สนิทกันมากและมีวิธีการคิดและใช้ชีวิตคล้าย
ๆ กัน
โดยนิสัยส่วนตัวแล้วว่ากันว่าธีระศักดิ์เป็นคนที่ค่อนข้างเงียบขรึมไม่ชอบเข้าสังคมเท่าใดนัก
ออกจะเป็นคนเก็บตัว พูดน้อย ไม่ชอบตีกอล์ฟเหมือนผู้บริหารทั่วไป กีฬาประเภทเดียวที่เขาชื่นชอบคือการตีเทนนิส
เรื่องการทำงานนั้น ถือว่าเป็นคนมีฝีมือคนหนึ่ง คนที่รู้จักเขาหลายคนบอกว่าธีระศักดิ์
เป็นคนที่ไวในเรื่องของการแสวงหาทางธุรกิจ มีวิธีคิดที่เป็นตรรกะ ลูกน้องรัก
และเชี่ยวชาญในเรื่องการฟื้นฟูกิจการบริษัท
ประวัติส่วนตัวนั้นมีผู้ยืนยันว่าเขาจบทางด้านเศรษฐศาสตร์ จากประเทศปากีสถาน
เนื่องจากบิดามีเชื้อสายปากีสถาน มีมารดาเป็นชาวไทยภาคเหนือ เกิดเมื่อ 5
ก.ค. 2495 ฐานะทางบ้านนั้นก็ถือว่าเข้าขั้นรวยทีเดียวเพราะครอบครัวมีธุรกิจ
ทางด้านผลิตเสื้อแจ็คเก็ต รองเท้าหนัง รองเท้ากีฬา กระเป๋าหนัง อยู่ที่ปากีสถาน
ขายส่งออกไปยังตลาดยุโรป ซึ่งเป็นกิจการดั้งเดิมของบิดาที่ถือหุ้น 100% ภายใต้ชื่อ
FHENA INDUSTRY
นอกจากนี้เขายังมีธุรกิจส่วนตัวคือบริษัทเลเซอร์ แฟชั่น ซึ่งร่วมทุนกับชาวเยอรมัน
เป็นโรงงานผลิตเสื้อแจ็กเก็ต อยู่ที่บางพลี-สมุทรปราการ โดยธีระศักดิ์ถือหุ้น
30%
เขาเริ่มงานครั้งแรกที่ส่วนคาร์โก้ของบริษัทการบินไทย แล้วเปลี่ยนสายงานมาอยู่ธนาคารไทยพาณิชย์อยู่หลายปี
หลังจากนั้นมาเป็นกรรมการผู้จัดการอยู่ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นครหลวงเครดิต
แต่อยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่เพราะมีปัญหากับนักลงทุนชาวไต้หวันในเรื่องการซื้อขายหุ้นมูลค่าเกือบ
50 ล้านบาท จนมีคดีฟ้องร้องเรื่องฉ้อโกงกันจนถึงทุกวันนี้
นอกจากนั้นว่ากันว่าการจับเสี่ยสอง วัชรศรีโรจน์ ข้อหาปั่นหุ้นนั้นก็ได้ส่งผลกระทบถึงขั้นต้องลาออกจาก
บงล. นครหลวงเครดิต 2 กรณีนี้สร้างความมัวหมองให้กับธีระศักดิ์อยู่ไม่น้อย
หลังจากหายไปอยู่ในแวดวงที่ปรึกษาระยะหนึ่ง ก็ย้ายมาอยู่ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไอทีเอฟเพียงปีกว่าและสามารถพิสูจน์ฝีมือด้วยผลกำไรที่เพิ่มขึ้นแล้วจึงลาออก
และมาเป็นกรรมการอยู่ที่ ที่เอสไลฟ์ พรูเดนเชี่ยล นอกจากนั้นยังสนิทสนมกับไพโรจน์
เปี่ยมพงษ์สานต์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน
หลังจากลาออกจากไอทีเอฟแบบสายฟ้าแลบ โดยข่าววงในแจ้งว่าเพราะไม่ลงรอยกับผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างกลุ่มกฤษดาธานนท์
เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีกระแสข่าวลือรายงานว่า ธีระศักดิ์ มีแผนที่จะเข้าไปซื้อซับโบรกเกอร์เล็ก
ๆ เพื่อบริหารเอง ไล่มาตั้งแต่ บงล. ลีลาธนกิจ ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือธนาคารกรุงเทพฯ
จนกระทั่งล่าสุดอาจจะเป็น บงล. อินเตอร์เครดิต แอนด์ ทรัสต์
"ผมไม่ได้เข้าลงทุนซื้อเอง เพียงแต่เป็นมือปืนรับจ้างเข้าไปบริหารงานให้เท่านั้น
โดยมีผลตอบแทนเป็นหุ้นส่วนจำนวนหนึ่งในฐานะผู้บริหารเท่านั้น เพียงผู้ลงทุนกลุ่มนี้ให้อิสระในการให้ผลเลือกทีมผู้บริหารได้เองและมั่นใจว่าประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการนี้กว่า
20 ปี มากพอที่จะนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ซับโบรกเกอร์ก็ตาม"
ธีระศักดิ์ชี้แจงกับหนังสือพิมพ์ "ไฟแนนซ์เชียลเดย์" โดยยังไม่ระบุชื่อบริษัท
สำหรับการใช้ชีวิตส่วนตัวของธีระศักดิ์ ขณะนี้เขามีวิถีชีวิตที่เงียบสงบอยู่ในไร่ลำไยและลิ้นจี่ของตนเองอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
และไม่ค่อยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ บ่อยนัก แต่ก็มีทางเป็นไปได้ว่า เขาจะกลับมาในฐานะผู้บริหารคนใหม่ของ
บงล. อินเตอร์เครดิต แอนด์ ทรัสต์
ส่วนเรื่องที่ซีโนบริตนั้น ธีระศักดิ์ขอเก็บไว้ก่อน