Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 เมษายน 2549
ลีเวอร์รวบจัดจำหน่ายทำเอง ชูเกมครีเอตดีมานด์กลุ่มอาหาร             
 


   
www resources

โฮมเพจ ยูนิลีเวอร์

   
search resources

ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง, บจก.
Marketing
Consumer Products




"ยูนิลีเวอร์" ชูกลยุทธ์ครีเอต ดีมานต์บูมธุรกิจอาหาร ส่ง 3 แบรนด์ใหญ่ "เบสท์ฟู้ดส์ คนอร์ วอลล์" เขย่าวงการ หวังชิงชิ้นเค้กก้อนใหญ่จากยักษ์ใหญ่วงการอาหาร"อายิโนะโมะโต๊ะ-แบรนด์โลคัล" หลังพบเป็นธุรกิจที่มาร์จิ้นสูง หวังสิ้นปีรายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท

แหล่งข่าวบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ยูนิลีเวอร์ได้ปรับโครงสร้างใหม่ โดยแบ่งเป็น 3 โครงสร้างหลักทางธุรกิจ กลุ่มแรกเป็นการนำกลุ่มดูแลและทำความสะอาดผิวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคลมารวมกัน กลุ่มสอง คือ การรวมกันระหว่างกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน และกลุ่มทันตผลิตภัณฑ์ และกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มอาหารซึ่งประกอบด้วย 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ เบสท์ฟู้ดส์,คนอร์ และวอลล์

โดยการปรับโครงสร้างดังกล่าวที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การทำตลาดกลุ่มอาหารของยูนิลีเวอร์ทำได้อย่างเต็มที่มากขึ้น นอกจากนี้ยูนิลีเวอร์ยังได้ดึงการจัดจำหน่ายธุรกิจอาหารมาทำเองทั้งหมด จากเดิมที่กระจัดกระจายอยู่ เช่น บริษัท พีพีซี-อายิฯ เป็นต้น เนื่องจากยูนิลีเวอร์ต้องการรุกหนักตลาดอาหาร เพราะเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง จากในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังเป็นธุรกิจที่มีกำไรสูง ซึ่งเป็นคำพูดที่ นายลออิศ ทาร์ดี้ ประธานคนใหม่ของยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ได้กล่าวไว้

สำหรับในกลุ่มอาหารยูนิลีเวอร์ 4 แบรนด์หลัก ประกอบด้วย ภายใต้แบรนด์ "เบสท์ฟู้ดส์" มีสินค้า 3 กลุ่มด้วยกันที่เป็นผู้นำตลาด คือ กลุ่มแยม , กลุ่มน้ำสลัดซีซาร์ -สลัดครีม, กลุ่มผลิตภัณฑ์สเปรด และมายองเนส ภายใต้แบรนด์ไอศครีม "วอลล์" ภายใต้แบรนด์ "คนอร์" มีสินค้าซุปไก่ก้อน-ผงชนิดไม่มีผงชูรส,โจ๊ก-ซุป,ซอสหอยนางรม และแป้งเทมปุระ ส่วนแบรนด์สุดท้าย คือ ชาลิปตัน

"เดิมที่ผ่านมาการทำตลาดของยูนิลีเวอร์ในกลุ่มอาหารยังทำไม่ได้เต็มที่ แต่หลังจากที่โครงสร้างองค์กรลงตัว การทำตลาดอาหารจึงทำได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ยังมีสินค้าอีกหลายตัวที่บริษัทยังไม่ได้ครีเอต ดีมานต์มากนัก แต่การรุกตลาดอาหารหนักของยูนิลีเวอร์ในครั้งนี้ จะเน้นหนักการครีเอต ดีมานต์ใหม่ๆ สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่มีเวลาทำอาหารเอง และต้องการบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีน้ำตาลน้อย"

แหล่งข่าว กล่าวเพิ่มเติมว่า การเคลื่อนทัพยูนิลีเวอร์ในกลุ่มอาหารจะเน้นหนักการครีเอต ดีมานต์ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เริ่มด้วยคนอร์การเปิดตัวเครื่องปรุงข้าวรสกระเทียม ผงปรุงรสสูตรเผ็ดน้อยเผ็ดมาก หรือกระทั่งซุปไก่ก้อน-ผงสูตรไม่มีผงชูรส ขณะที่กลุ่มโจ๊กผสมผสานระหว่างตะวันออก-ตะวันตก ด้วยการเปิดตัวรสพิซซ่า ฯลฯ ส่วนตัวเบสท์ฟู้ดส์เปิดตัวน้ำสลัดซีซาร์ ซีซาร์,เธาเซินด์ ไอส์แลนด์, ไลท์ เลมอน และกลุ่มผลิตภัณฑ์สเปรดได้เปิดตัวรสเชดด้า ชีส และรสทูน่า

ด้านนายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ยูนิลีเวอร์ เบสท์ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายของเบสท์ฟู้ดส์ในปี 2549 จะมุ่งขยายตลาดรวมเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 20% ขณะที่ผลประกอบการปีที่แล้วราว 2,000 ล้านบาท โต 15% โดยกลุ่ม "เบสท์ฟู้ดส์" แยมมีส่วนแบ่ง 75% จากมูลค่าตลาด 2,000 ล้านบาท กลุ่มน้ำสลัดซีซาร์ -สลัดครีมมีส่วนแบ่ง 60% จากมูลค่า 300 ล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์สเปรด ปัจจุบันมี 42% จากมูลค่าตลาด 2,000 ล้านบาท ส่วน "ไอศครีมวอลล์" เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 51% และ"คนอร์" ซุปไก่ก้อนมีส่วนแบ่งกว่า 70-80%,โจ๊ก-ซุป ซอสหอยนางรม และแป้งเทมปุระ

ศึกหนักปะหมัดคู่แข่งโลคัล-อายิฯ

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนทัพยูนิลีเวอร์ในกลุ่มอาหารเป็นเรื่องที่ไม่หมูมากนัก ทั้งจากคู่แข่งโลคัลหรือผู้ประกอบการอาหารในประเทศ ซึ่งมีความได้เปรียบในเรื่องของรสชาติ ที่สามารถเข้าใจถึงความต้องการได้อย่างลึกซึ้งมากกว่าบริษัทต่างชาติ อย่างกลุ่มซอสปรุงรสโดยรวมมีมูลค่า 5,000 ล้านบาท น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว น้ำปลา ในตลาดเหล่านี้มีแบรนด์โลคัลที่มีความแข็งแกร่งทั้งสิ้น เช่น อย่างน้ำมันหอยแม่ครัวเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 60-70% จากมูลค่า 900 ล้านบาท

ขณะที่ตลาดเครื่องปรุงรส อย่าง "คนอร์" ต้องช่วงชิงกับค่ายยักษ์ใหญ่อายิโนะโมะโต๊ะ จากมูลค่าตลาดรวม 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นชนิดก้อน 70% และชนิดผง 30% ซึ่งปัจจุบัน "รสดี" ของค่ายอายิฯมีความแข็งแกร่งมากในตลาดเครื่องปรุงรสชนิดผง มีส่วนแบ่งถึง 80% อีกทั้งอายิโนะโมะโต๊ะยังคงครองแชมป์อย่างเหนียวแน่นในตลาดผงชูรสที่มีมูลค่าตลาดรวม 7,000 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 80% และมีสัดส่วนรายได้ 27% ของรายได้รวม 19,000 ล้านบาท

เป็นเพียงน้ำย่อยเท่านั้นที่ธุรกิจอาหารของยูนิลีเวอร์จะต้องเจอ โดยปัจจุบันอายิโนะโมะโต๊ะมีกำลังการผลิตทั่วโลกนับแสนตันต่อปี จากฐานการผลิตมากกว่า 103 แห่งใน 22 ประเทศครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก และหากไม่นับตลาดในจีน ถือว่าอายิโนะโมะโต๊ะยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งของโลก โดยมียอดขาย 74% อยู่ในญี่ปุ่น , ที่ยุโรป 10% ,เอเชีย 9.5% และประเทศในกลุ่มอเมริกา 6.5% มีรายได้จากผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารที่จำหน่ายในประเทศมากที่สุด 56% กลุ่มอาหารที่จำหน่ายในต่างประเทศ 15% ฯลฯ โดยในประเทศไทยมีกลุ่มสินค้าเครื่องปรุงรส "รสดี", บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ, กาแฟเบอร์ดี้, เครื่องดื่มคาลพิโก้, ชาเขียวเซนชะ, Lite sugar   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us