|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น-สถานการณ์การเมืองยังไม่สงบ "บลจ.บีที-เอ็มเอฟซี"ชิงจังหวะออกกองทุนหุ้นผสมตราสารหนี้ เอาใจนักลงทุนที่ยังลังเลเข้าลงทุนในกองทุนหุ้น "อนุสรณ์"ชี้ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสทะลุ 800-850 จุด หลังการเมืองนิ่ง ส่วนผลการประชุมกนง.วันนี้คาดขึ้นอาร์/พี 0.25% ขณะที่ค่ายเอ็มเอฟซี เตรียมเปิดตัวกองทุนเอ็มเอฟซี ซิกซ์ที คิวบ์ เฟ้นหุ้น 16 ตัว พื้นฐานเจ๋ง ลงทุนแค่ 16 เดือน
ในช่วงที่ภาวะตลาดหลักทรัพย์กลับมามีการซื้อขายอย่างคึกคัก หลังจากก่อนหน้านี้ตลาดได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง และอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศยังอยู่ในช่วงขาขึ้นไปจนถึงไตรมาสสี่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ) .บีที จำกัด เตรียมออกกองทุนเปิดไทยมิกซ์-โฟกัส ขณะที่บลจ.เอ็มเอฟซี เตรียมออกองทุนรวมเอ็มเอฟซี ซิกซ์ทีน คิวบ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนเพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งจากตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังวิกฤตการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย แนวโน้มรคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะสามารถปรับตัวให้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย SET Index สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสแตะระดับ 80-850 จุด ได้ภายในปีนี้ โดยปัจจัยสำคัญจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่มองเห็นว่า ปัจจัยพื้นฐานหุ้นไทยยังน่าลงทุน และราคาถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ และเศรษฐกิจปีนี้จะชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"ในช่วงที่ภาวะสตลาดหลักทรัพย์กลับมามีการซื้ออย่างคึกคัก หลังจากตลาดได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง และอัตราดอกเบี้ยภายในยังอยู่ในช่วงขาขึ้นไปจนถึงไตรมาส 4 บลจ.บีที ออกกองทุนเปิดไทยมิกซ์-โฟกัส เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน เพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนได้ทั้งในตราสารแห่งทุนเช่น หุ้น หรือตราสารหนี้เช่น พันธบัตร หุ้นกู้บริษัท ตามจังหวะทีเหมาะสม" นายอนุสรณ์กล่าว
สำหรับการพิจารณาการลงทุนจะมีแนวทางดังนี้คือ การลงทุนในหุ้นจะเน้นหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เป็นผู้นำอุตสาหกรรม โดยหากเป็นภาคการผลิตจะเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หรือกลุ่มวัตถุดิบ และสินค้าอุตสาหกรรม หากเป็นภาคบริการจะเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจการเงิน และเน้นการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET 50
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้จะเลือกลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ ตราสารหนี้ภาครัฐ หรือหุ้นกู้ภาคเอกชนเฉพาะที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อใน 4 อันดับแรก
กรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที กล่าวอีกว่า ในระยะแรกกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากเท่านั้น ซึงจะได้ผลตอบแทนดีในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในวันที่ 10 เมษายนนี้ และเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองรวมทั้งภาวะตลาดหุ้นดีขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ กองทุนจะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้น บริษัทจัดการจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ และจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในระหว่าง 7 วันทำการดังกล่าว กองทุนจะเปิดขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 10-17 เมษายน มูลค่าขั้นต่ำการซื้อ 5,000 บาท มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
ขณะที่รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ได้อนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) จัดตั้งกองทุนรวมเอ็มเอฟซี ซิกซ์ทีน คิวบ์ ซึ่งมีนโยบายลงทุนผสมที่ไม่กำหนดสัดส่วนในตราสารแห่งทุน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท อายุโครงการ 16 เดือน นับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม
สำหรับการลงทุนจะกระจายเงินลงทุนของกองทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง โดยสัดส่วนการลงทุนตามนโยบายดังกล่าวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบรัทจัดการกองทุนรวมตามความเหมาะสมกับสถาการณ์ในแต่ละขณะ โดยเน้นการลงทุนในตราสารแห่งทุนประมาณ 16 หลักทรัพย์ เพื่อตอบแทนการลงทุนที่ดีและเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุน
|
|
|
|
|