Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์10 เมษายน 2549
มาร์เก็ตติ้งออนโมบาย"เอไอเอส" ประกาศศึกเต็มรูป             
 


   
www resources

AIS Homepage

   
search resources

แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส, บมจ.
ธิติพงศ์ เขียวไพศาล
Mobile Phone
Marketing




*ฟ้าผ่าตลาดมือถือไทย เอไอเอสเหลืออดกระโจนลงทำสงครามการตลาดเต็มรูปแบบ
*งัดกลยุทธ์สายฟ้าแลบ ส่ง "เอาไปเลย2" โต้ตอบคู่แข่งด้วยโปรโมชั่น ชั่วโมงละ 2 บ. ตลอด 24 ชม.
*ขนศักยภาพที่เหนือกว่าเข้าวัดใจ ตั้งทีมเวิร์ค ไร้รูปแบบ และ Flexible พร้อมออกโปรแกรมใหม่ๆ ภายใน 24 ชั่วโมง

ศึกแคมเปญการตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ร้อนแรงเต็มที่ต้อนรับเทศกาลสงการนต์ เมื่อทางบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ "จีเอสเอ็ม แอดวานซ์" "1-2-คอลล์!" "จีเอสเอ็ม1800" ปรับแผนการตลาดใหม่หมดตั้งแต่แนวคิดจนถึงขั้นตอนลงมือปฏิบัติการ

ฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอสกล่าวถึงโปรแกรมการตลาดใหม่ที่ออกมาต่อกรคู่แข่งขันอย่าง "ดีแทค" ว่า หลังจากที่เอไอเอสออกโปรแกรม "เอาไปเลย" ไปแล้ว วันนี้เพื่อเป็นการตอบโต้สถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงภายใน 24 ชั่วโมง จึงออกโปรแกรมใหม่ในชื่อ "เอาไปเลย ชั่วโมงละ 2 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง" ออกมาเมื่อวันเสาร์ (31 มี.ค.49) ที่ผ่านมา

"เป็นครั้งแรกที่เอไอเอสเดินเกมการตลาดแบบสายฟ้าแลบที่สามารถออกโปรแกรมการตลาดใหม่ เพื่อตอบโต้สถานการณ์การตลาดได้อย่างรวดเร็วที่สุดภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำงานของเอไอเอสที่มีความเข้มแข็งมีการทำงานเป็นทีมเวิร์ค มีการทำงานที่เรียกว่า ไดนามิกที่ไร้รูปแบบ และมีความเฟล็อกซิเบิลมาก จึงทำให้มีความพร้อมในการที่จะออกแคมเปญใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วตลอดเวลา"

ฐิจิพงศ์ยังบอกอีกว่า ขณะนี้การทำงานของบริษัทฯ เป็นลักษณะไร้รูปแบบ ฉะนั้นหากคู่แข่งมีการออกโปรแกรมใดๆ ออกมา ทางเอไอเอสจะเน้นการตอบโต้ทันที หากคู่แข่งมีการปรับลดราคาลงก็อาจมีกลยุทธ์ใหม่ในการตอบโต้

"แต่ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายแจกสินค้าฟรี ต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อน"

การตอบโต้ครั้งนี้ของเอไอเอสถือเป็นกลยุทธ์สายฟ้าแลบที่อยู่เหนือการคาดหมายของคู่แข่งอยู่บ้าง ซึ่งคู่แข่งอย่างดีแทคเข้าใจดีว่า การออกโปรโมชั่นแรงๆ ออกมาแต่ละครั้ง หากเอไอเอสลงมาตรการตอบโต้เมื่อใดก็คงไม่สามารถจะหยุดยั้งความแรงของผู้นำตลาดได้ ซึ่งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เอไอเอสยังไม่เคยลงมาเล่นในเกมราคาอย่างเต็มตัวสักครั้ง

ในที่สุดเอไอเอสก็ลงมาเล่นเกมราคาอย่างเต็มตัว เมื่อมองในรายละเอียดของโปรแกรมดังกล่าวถึงแม้จะเป็นโปรโมชั่นเพียงแค่ 1 เดือนแต่เป็นค่าบริการที่ต่ำสุดในระบบของเอไอเอสแล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นสิ่งที่เอไอเอสเชื่อว่าพิสูจน์ให้เห็นองค์กรที่ถึงแม้จะใหญ่ขนาดไหน แต่มีความยืดหยุ่นมากพอที่จะอัดแคมเปญการตลาดตอบโต้คู่แข่งแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน

"เรากำลังจะบอกว่าช้างก็เต้นระบำได้ เดิมมีการพูดว่าตอบโต้ภายใน 7 วัน แต่เอไอเอสกำลังบอกว่าต้องตอบโต้กันระดับคิดเป็นชั่วโมงแล้ว สำหรับการแข่งขันตอนนี้"

นับเป็นครั้งแรกที่เอไอเอส ซึ่งถือเป็นผู้นำตลาดมานานเต็มที่ด้วยจำนวนฐานผู้ใช้ทั้งระบบในปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 16.5 ล้านเลขหมาย ดำเนินการตอบโต้ด้วยแผนการตลาดแบบทันทีทันควันต่อคู่แข่งไม่ว่าจะเป็น "ดีแทค" หรือ "ออเร้นจ์" ที่วันนี้เปลี่ยนแบรนด์เป็น "ทรูมูฟ" ไปแล้ว

ชนวนที่เป็นทำให้เอไอเอสต้องระดมพลังของทีมการตลาดเข้าสู้ในครั้งนี้ น่าจะมีผลกระทบมาจากภาวะความกดดันจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมืองที่มีการบอยคอตสินค้าและบริการในกลุ่มชินคอร์ปนับตั้งแต่ที่ผู้ก่อตั้งบริษัท พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีออกมาปฎิเสธการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการขายหุ้นในชินคอร์ปทั้งหมดที่ถือโดยตระกูลชินวัตรและตระกูลดามาพงษ์ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาให้กับกลุ่มเทมาเส็ก ถึงแม้ทางผู้บริหารเอไอเอสมักจะบ่ายเบียงที่จะกล่าวถึงยอดการไหลออกนอกระบบ

ชำนาญ เมธปรีชากุล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาดของเอไอเอสยอมรับว่า เอไอเอสได้รับผลกระทบในงานของยอดรายได้ของบริษัทจากจาก 4 ปัจจัยหลักๆ ประกอบไปด้วย สถานการณ์การเมืองที่อยู่ในภาวะอึมครึม ภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองจนเกิดการใช้จ่ายที่น้อยลงและการบอยคอตสินค้าเอไอเอสจนถึงขั้นเผาซิม เรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทางเอไอเอสมองว่า ไม่สามารถควบคุมได้ รวมถึงผลกระทบจากคู่แข่งที่เปิดเกมแข่งขันที่รุนแรง อาทิ การแจกซิมการ์ดกันเห็นๆ หน้าตึกเอไอเอส รวมไปถึงการออกแพกเกจใหม่ๆ

ปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลให้ยอดผู้ใช้เพิ่มสุทธิหรือเน็ตแอดที่เดิมเอไอเอสมียอดอยู่ที่หลักแสนเลขหมาย ตกต่ำลงจนเหลือเพียง 3 หมื่นกว่าๆ เลขหมายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการคาดการณ์กันเลยเถิดว่าจะลดต่ำลงอีกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หากเอไอเอสไม่ดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที

โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการแข่งขันที่รุนแรงของคู่แข่งเป็นปัญหาเดียวที่สามารถควบคุมได้ ทางเอไอเอสจึงตัดสินใจที่จะต้องมีการปรับองคาพายัพทางการตลาดครั้งใหญ่ ซึ่งเอไอเอสรู้ดีว่า หากวันนี้ เอไอเอสไม่นำศักยภาพในฐานะเป็นผู้นำในทุกอณูของตลาดไม่ว่าจะเป็นความได้เปรียบทางด้านฐานผู้ใช้บริการ เม็ดเงินทางการตลาดที่มีเหนือคู่แข่ง ซึ่งในแต่ละปีมีไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทมาใช้ให้เต็มที่ ศักยภาพทางด้านเครือข่ายที่มีเครือข่ายที่มีคุณภาพและพื้นที่ให้บริการที่เหนือกว่า รวมไปถึงความได้เปรียบในการจ่ายผลตอบแทนให้กับเจ้าของสัมปทานอย่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับการจ่ายผลตอบแทนให้กับเจ้าของสัมปทานอย่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และยังต้องจ่ายให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) อีกต่อหนึ่งด้วย

เอไอเอสจึงออกโปรแกรมการตลาดใหม่ "เอาไปเลย1" สำหรับลูกค้าในระบบเติมเงิน "วัน-ทู-คอล!" ซึ่งเป็นโปรโมชั่นที่ออกมาสำหรับลูกค้าใหม่ที่เพิ่งซื้อซิมการ์ด ตั้งแต่วันที่ 28มีนาคมถึงสิ้นเดือนเมษายนศกนี้ สามารถโทรราคาพิเศษนาน 1 เดือน ช่วงเวลาหกโมงเช้าจนถึงหกโมงเย็นในอัตราค่าโทรนาทีแรก 1 บาท นาทีต่อไป 25 สตางค์ และในช่วงหกโมงเย็นจนถึงหกโมงเช้าคิดอัตราค่าโทรนาทีแรก 3 บาท นาทีต่อไป 25 สตางค์ และให้โทรฟรีมูลค่า 300 บาทแบงเป็นเดือนแรก 100 บาท และอีกเดือนละ 50 บาทนาน 4 เดือน

หลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ที่ออกโปรแกรม "เอาไปเลย1" ออกมาทางเอไอเอสได้เปิดตัวโปรแกรม "เอาไปเลย2" ตามออกมาติดๆ โดยครั้งนี้ได้ปรับวิธีคิดจากค่าใช้จ่ายรายนาทีมาเป็นชั่วโมงแทน โดยผู้ใช้จะได้รับอัตราค่าโทรในราคาพิเศษชั่วโมงละ 2 บาทตลอด 24 ชั่วโมง นับเป็นโปรแกรมโปรโมชั่นที่ถือว่า แรงมากๆ ที่สุดเท่าที่เอไอเอสเคยทำมาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นผลงานชิ้นโปว์แดงของทีมการตลาดเอไอเอสที่ได้ผ่านการรับรู้ของสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร สายธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมไร้สายต่อมาตรการที่ออกมาตอบโต้คู่แข่งอย่างดีแทค ภายหลังจากที่ออกแคมเปญ "แฮปปี้" ที่คิดค่าบริการชั่วโมงแรก 2 บาทหลังจากนั้นจะเสียนาทีละ 3 บาท โดยผู้ใช้สามารถใช้งานได้ไม่จำกัดช่วงเวลา แต่ผู้ใช้ต้องสมัครภายในเดือนเมษายนศกนี้เท่านั้น

งานนี้เอไอเอสหวังยอดผู้ใช้บริการใหม่เข้ามาถึง 6 แสนรายซึ่งจะช่วยพยุงยอดผู้ใช้รายใหม่สุทธิในเดือนเมษายนให้กระเตื้องสูงขึ้น

ฐิติพงศ์ยังบอกอีกว่า วันนี้การแข่งขันเป็นเรื่องของการหาลูกค้าใหม่ ซึ่งเอไอเอสเชื่อว่าที่ผ่านมามีลูกค้าจำนวนไม่น้อย ต้องการใช้เครือข่ายที่มีคุณภาพของเอไอเอส แต่อาจติดขัดเรื่องค่าบริการที่คู่แข่งถูกกว่า แต่ตอนนี้เอไอเอสลดราคาลงมาถึงระดับเทียบกันได้และดีกว่าคู่แข่งแล้ว ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มนี้ สามารถเข้ามาทดลองใช้บริการภายใต้เครือข่ายของเอไอเอสได้

"เอไอเอสทำงานด้านการตลาดแบบไร้รูปแบบ ตอบโต้เร็ว ทำในสิ่งที่คู่แข่งคิดไม่ถึง หากคู่แข่งถอยราคาลงไปอีก เราจะตอบว่าเอไอเอสไม่ได้บอกว่าเราจะไม่ถอยราคาลงไปสู้"

ฐิติพงศ์ยังบอกว่า เราจะใช้ "เอาไปเลย" เป็นหัวหอกในเรื่องความเร็วในการออกโปรแกรมนับจากนี้ไป

แนวคิดใหม่ 3-1-1โปรแกรมลูกค้าเก่า

จากวิชั่นที่เอไอเอสเคยประกาศช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่ต้องการจะรักษาฐานลูกค้าเก่าที่มีอยู่ 16.5 ล้านเลขหมายด้วยคุณภาพของการให้บริการไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิทธิพิเศษ คุณภาพของเครือข่าย มาตรฐานการให้บริการรวมถึงโปรแกรมโปรโมชั่นที่ตรงความต้องการลูกค้าเป็นหลัก ทำให้เอไอเอสจึงออกโปรแกรมโปรโมชั่นเพื่อครองใจผู้ใช้ให้อยู่หมัด ภายหลังจากที่เอไอเอสเพิ่งจะออกโปรแกรม "เอาไปเลย2" ซื้อใจลูกค้าใหม่ไปก่อนหน้านี้

"ข้อความที่ทางเอไอเอสต้องการสื่อออกไป ก็คือ เอไอเอสต้องการหนีสงครามราคา ไม่ต้องการให้คนใช้โทรศัพท์มือถือมาคิดถึงเรื่องนาทีหรือวินาที แต่ต้องการให้บริการด้วยคุณภาพที่แตกต่างออกไป" ชำนาญ เมธปรีชากุลกล่าว

ขณะที่ทางฐิติพงศ์ เขียวไพศาลได้กล่าวถึงโปรแกรมใหม่ที่ออกมาสำหรับลูกค้าเก่าว่า วันนี้เราได้เปิดตัวโปรแกรม ทั้งสำหรับลูกค้าเดิมที่อยู่ในระบบกว่า 16.5 ล้านรายและลูกค้าใหม่ ด้วย "จีเอสเอ็ม เรียล" สำหรับลูกค้าเอไอเอสจีเอสเอ็ม และ "คุยไปเลย" สำหรับลูกค้าเอไอเอสวัน-ทู-คอล!" ภายใต้แนวคิดใหม่ที่ฉีกรูปแบบการตลาดแบบเดิมๆ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

"จีเอสเอ็ม เรียล" ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดอีกครั้งในการทำการตลาดของโทรศัพท์ระบบโพสต์เพดในประเทศไทย ด้วยแนวคิดที่เปลี่ยนไป 3 ด้าน หนึ่ง หยุดเหมาจ่าย เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายค่าโทรแบบเหมาจ่าย ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายฟิกในอัตราเดียวเป็นประจำทุกเดือน แต่เปลี่ยนมาเป็นโทรเท่าไรจ่ายตามจริงเท่านั้น หากลูกค้าไม่ได้ใช้งานเลยก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเลย โดยมีอัตราค่าโทรนาทีแรก 3 บาท นาทีที่ 2 และ 3 นาทีละ 1 บาท และหลังจากนั้นโทรฟรีจนกว่าจะวางสาย

สอง หยุดช่วงเวลา ลูกค้าสามารถโทรในอัตราค่าโทรเดียวกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเลือกหรือแบ่งเป็นช่วงเวลา และสาม หยุดจ่ายตั้งแต่นาทีที่สาม เป็นครั้งแรกกับรูปแบบโปรแกรมการตลาดที่ให้ลูกค้าจ่ายค่าโทรเพียง 3 นาทีแรก หลังจากนั้นลูกค้าสามารถโทรฟรีตลอดการโทร

"เรียล เหมาะกับใครก็ได้ ไม่ว่าจะโทรสั้นหรือโทรยาว เรียลถือเป็นโปรโมชั่นที่ดีที่สุดโดยมีแนวคิดที่ต้องการปลดล็อกเรื่องเหมาจ่ายและรายเดือน ซึ่งเป็นการรักษาลูกค้าเก่าที่ดีที่สุด ในขณะเดียวกันลูกค้าใหม่ก็สามารถเลือกใช้ได้"

ลูกค้าจีเอสเอ็มที่เลือกใช้เรียล หากไม่โทรออกก็ไม่ต้องเสียเงินสักบาท ซึ่งทำให้ยอดเลิกใช้บริการ เอไอเอสดีขึ้นแน่นอนเพราะลูกค้าสามารถเก็บเบอร์ไว้ได้นานถึง 6 เดือนตามระยะเวลาโปรโมชั่น ในขณะที่หากมีการใช้งานโทรออกบ้างก็เป็นการจ่ายตามจริง

ส่วนโปรแกรมใหม่ "คุยไปเลย" สำหรับลูกค้าเอไอเอส วัน-ทู-คอล! ก็จะได้รับอัตราค่าบริการเช่นเดียวกับเรียลคือ 3-1-1 หมายถึงลูกค้าจ่ายแค่ 3 นาที 5 บาท แต่คุยนานแค่ไหนก็ได้ ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีช่วงเวลา

"วันนี้เป็นการรักษาลูกค้าเก่า ซึ่งตัวเลขยกเลิกใช้บริการน่าจะมีแนวโน้มลดลง"

สำหรับงบประมาณทางการตลาดที่เอไอเอสใช้สำหรับโปรแกรมต่างๆ ที่ออกมาทั้งรักษาลูกค้าเก่าและใหม่ในช่วงเดือนเมษายนนี้รวมทั้งหมด 80 ล้านบาท โดยรวมการจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์อย่างแคมเปญเติมเงินเติมทอง ลุ้นรับทองคำ 9 วัน 9 ล้านบาท สำหรับลูกค้าวัน-ทู-คอลและสวัสดี ที่เติมเงินระหว่างวันที่ 8-16 เม.ย. รวมทั้งสิทธิประโยชน์จากเอไอเอสพลัส

นอกจากนี้ ผู้ที่ถือบัตรเซเรเนดก็ยังได้รับส่วนลดการเติมน้ำมัน 15 สตางค์ต่อลิตรสำหรับปั๊มปตท.ที่ร่วมรายการ พร้อมทั้งบริการเช็กสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางฟรีที่บี-ควิกทุกสาขาในกรุงเทพฯ

เอไอเอสยังเตรียมบริการสุดพิเศษสำหรับโมบายไลฟ์ ผู้ใช้บริการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่ว่าจะเป็นเอ็มเอ็มเอฟ ออฟ อะ เดย์ที่จะได้รับเอ็มเอ็มเอสไม่มีซ้ำวันละ 1 ภาพเพื่อส่งต่อ หรือบริการเอสเอ็มเอสและเอ็มเอ็มเอส ฟรีดาวน์โหลด บริการวอยซ์2ยู ส่งเสียงอวยพรด้วยเสียงตัวเอง นอกจากนี้ยังมีบริการที่แตกต่างจากคู่แข่งด้วยการนำเสียงดาราสาวอย่างนุ่น วรนุช วงศ์สวรรค์ และเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ มาเป็นเสียง ไอวีอาร์ สำหรับการเติมเงิน การเช็กยอดเงิน ในระบบของวัน-ทู-คอลและสวัสดี ที่ปัจจุบันมียอดการใช้งานกว่า 100 ล้านครั้งต่อเดือน หวังสร้างสีสันและรอยยิ้มมุมปากระหว่างการใช้บริการ

ส่วนเรื่องเครือข่ายเอไอเอสยังจัดรถโมบายล์เคลื่อนที่ไประจำแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทุกภาคทั่วประเทศเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการ และยังใช้เงินประมาณ 8 พันล้านบาทสำหรับครึ่งปีแรกเพื่อขยายเครือข่าย ปัจจุบันการโทรติดต่อกันระหว่างเครือข่ายเอไอเอสมีอัตราสำเร็จประมาณ 97-98% ขณะที่โทรข้ามเครือข่ายระหว่างเอไอเอสกับดีแทค และเอไอเอสกับทรูมูฟมีอัตราสำเร็จไล่เรี่ยกันประมาณ 92-93%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us