|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สยามแก๊สตั้งเป้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ เตรียมยื่นไฟลิ่งไตรมาส 3 เล็งเสนอขายหุ้นให้นักลงทุนทั่วไป 240 ล้านหุ้น หวังนำเงินไปชำระคืนเงินกู้บางส่วน และนำไปลงทุนในโครงการเพิ่มอีก 2-3 โครงการ พร้อมดึงพันธมิตรจากญี่ปุ่นและนักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาถือหุ้น
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายก๊าซหุงต้ม(LPG) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ประมาณไตรมาส 3 /49 ซึ่งก่อนที่บริษัทจะมีการยื่นไฟลิ่งบริษัทจะมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP) จำนวน 50 ล้านหุ้น ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ1 รายจากประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะซื้อหุ้นของบริษัท และมีนักลงทุนสถาบันในประเทศ 2 รายให้ความสนใจเช่นกันอีก ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ก่อนที่จะมีการยื่นไฟลิ่ง
ทั้งนี้บริษัทจะมีการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป(IPO) จำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท และมีการจัดสรรจัดสรรหุ้นสามัญอีก 20 ล้านหุ้น เพื่อรองรับ ESOP ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นดังกล่าวเพิ่มเป็น 980 ล้านหุ้น จากขณะนี้ที่มีทุนจดทะเบียนที่ 670 ล้านหุ้น
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้บางส่วนซึ่งขณะนี้บริษัทมีเงินกู้จำนวน 3,000 ล้าน คิดเป็นหนี้สินต่อทุน (D/E) 4 เท่า และบางส่วนนำไปลงทุนในโครงการประมาณ 2-3 โครงการมูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนระยะเวลา 4 ปี โดยจะมาจากเงินกู้ 70% และมาจากเงินที่ได้ไอพีโอ 30%
“บริษัทคาดว่าพยายามที่จะเข้าตลาดหุ้นให้ทันภายในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะประมาณปลายปีนี้ แต่ก็จะต้องดูภาวะบรรยากาศการลงทุนอีกครั้ง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการกำหนดราคาขายหุ้น ซึ่งบริษัทต้องการที่จะยื่นไฟลิ่งให้ทันในปีที่ผ่านมาเพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ก็ติดปัญหา เพราะ ในการจัดโครงสร้างจากที่บริษัทมีบริษัทย่อยมากถึง 10 บริษัท แต่การเข้าตลท.ของบริษัทไม่ได้เป็นลักษณะโฮลดิ้งแต่อย่างใด”นายศุภชัย กล่าวว่า
สำหรับเงินทุนที่ได้จะใช้ในโครงการลงทุนในอนาคตระยะ 4 ปี มูลค่า 4 พันล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินจะมาจากการกู้เงิน 70% ที่เหลือมาจากการขายหุ้นไอพีโอ ทั้งนี้ เงินดังกล่าวจะใช้พัฒนาใน 2-3 โครงการ ส่วนหนึ่งจะใช้ในการลงทุนพลังงานทดแทนซึ่งมีแนวโน้มจะมีการเติบโตในภาวะที่ราคาพลังงานอยู่ในระดับสูง และรุกธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ที่น้อยเมื่อเทียบกับรายได้รวมเกือบ 100% มาจากการขายก๊าซหุงต้ม
นายศุภชัย กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปี 2549 เพิ่มขึ้น 12% ซึ่งเป็นระดับการเติบโตระดับเดียวกับปี48 โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 10,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตมากว่าทุกปีที่มีการเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 5% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทำให้ภาคอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มรถยนต์หันมาใช้ LPG แทน รวมทั้งได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และคาดว่าในปีนี้จะรักษาการเติบโตในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา
สำหรับสัดส่วนรายได้ของบริษัทจะมาจากการขายในประเทศจำนวน 85% ขายในต่างประเทศ 15% ซึ่งตลาดในต่างประเทศมีประเทศ เวียดนาม กัมพูชา ฯลฯ โดยขณะนี้บริษัทมีถังแก๊สรวม 2 บริษัท คือ บริษัท สยามแก๊ส และยูนิคแก๊สที่บริษัทไปซื้อกิจการเมื่อปี 2547 จำนวน 8 ล้านใบ
ทั้งนี้บริษัท สยามแก๊สมีลูกค้า 3 กลุ่มหลัก คือลูกค้าก๊าซรถยนต์ ลูกค้าอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน ซึ่งบริษัทดำเนินการขายผ่านแบรนด์สยามแก๊ส และยูนิคแก๊ส ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดรวมกัน30% เป็นอันดับสองรองจากปตท. และมียอดขายประมาณ 65,000 ตันต่อเดือน
ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้น 5 อันดับแรกประกอบด้วย บริษัท พรหมมหาราชพัฒนาที่ดิน จำกัด 60% นายไมตรี ยิ้มแย้ม 11% นายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ 9%
สำหรับคณะกรรมการของบริษัท นั้นมี พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ นายวิโรจน์ คลังบุญครอง เป็นกรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ มีนายหาญ เชี่ยวชาญและนายสุดจิต ทิวารี เป็นกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ อาจทำให้ผู้ลงทุนมองว่าเป็นหุ้นการเมืองนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่น่าจะมองอย่างนั้นเนื่องจากบุคคลทั้ง 4 ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง และไม่มีสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็นเพียงกรรมการเท่านั้น
|
|
|
|
|