Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 เมษายน 2549
ภาวะฟื้นไอพีโอเริ่มขยับจับตา4หุ้นน้องใหม่นำร่องกระจายQ2             
 


   
search resources

Stock Exchange




แหล่งข่าวจากวาณิชธนกิจเปิดเผยว่า จากกรณีที่ปัจจัยทางการเมืองเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นบ้างแล้ว และทำให้ภาวะตลาดหุ้นมีทิศทางที่ดีขึ้น จึงส่งผลทำให้หุ้นใหม่หลายบริษัทเริ่มที่จะมีความเชื่อมั่นที่จะนำหุ้นออกมาเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 4 บริษัทที่อยู่ระหว่างเตรียมการที่จะเสนอขายหุ้น ถ้าไม่มีปัจจัยลบทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงเพิ่มขึ้น จนทำให้ภาวะตลาดหุ้นกลับไปซบเซาอีกครั้ง โดยคาดว่าบริษัททั้ง 4 จะกระจายหุ้นภายในไตรมาส 2 ของปีนี้

สำหรับ 4 บริษัทที่จะเสนอขายหุ้นได้แก่บริษัทเอส.อี.ซี ออโต้เซลส์ แอนด์เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้า โดยมีบล.ฟินันซ่าเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ได้เชิญนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ไปฟังข้อมูล ดังนั้นจึงเชื่อว่าใกล้ที่จะเสนอขายหุ้นแล้ว เพราะสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยบริษัทจะกระจายหุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้นโดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ในการจ่ายคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินประมาณ 120-150 ล้านบาท นอกจากนี้ก็จะนำไปขยายสาขาของบริษัทอีกประมาณ 50 ล้านบาทและที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ส่วนอีก 3 บริษัทประกอบด้วย บริษัท่แจเปนเร้นท์(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และพนักงานขับรถประจำตำแหน่ง โดยจะเสนอขายหุ้นจำนวน 21.33 ล้านหุ้น เพื่อหวังนำเงินไปในการซื้อรถยนต์เพิ่ม,ขยายสำนักงานบริการ,ปรับปรุงระบบเทคโนโลยีและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน,บริษัทถิรไทย ซึ่งประกอบธุรกิจผลิต จำหน่าย รวมทั้งให้บริการติดตั้ง ซ่อมบำรุงและทดสอบหม้อแปลงไฟฟ้า โดยจะกระจายหุ้น 30 ล้านหุ้นหวังนำเงินไปใช้ในโครงการเพิ่มศักยภาพการผลิต,ชำระคืนเงินกู้ยืมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้ง 2 บริษัทมีบล.เคจีไอ(ประเทศไทย)เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีกระแสข่าวว่าเตรียมที่จะขายหุ้นภายในปลายเดือนเมษายนหรือต้นพฤษภาคม โดยจะขายหุ้นในเวลาที่ใกล้เคียงกัน

บริษัทที่เหลือได้แก่บริษัทเอกรัฐ วิศวกรรม เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายห้อมแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย จะกระจายหุ้นจำนวน 182 ล้านหุ้นหวังนำเงินไปชำระหนี้เดิม,เงินทุนหมุนเวียนและเงินลงทุนในบริษัทย่อยเพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรเพื่อผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ โดยมีกระแสข่าวว่าจะกระจายหุ้นภายในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนนี้

นอกจากนี้อาจจะมีหุ้นที่จะกระจายเพิ่มขึ้นอีก ถ้าภาวะตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะจะทำให้บริษัทที่เลื่อนขายหุ้นไปก่อนหน้านี้ทั้งบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ ซึ่งมีบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทไทยออพติคอล กรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทเอแคป แอ๊ดไวเซอรี่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน อาจจะทบทวนหันกลับมาเสนอขายหุ้นภายในไตรมาส 2 นี้ก็ได้

นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI กล่าวว่า การที่ภาวะตลาดหุ้นไทยเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจน ในระดับหนึ่งเมื่อรักษาการนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณออกมาแถลงการณ์ไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในภาคตลาดทุนบรรยากาศกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ทั้งนี้ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ได้มีการหารือกับทีมงานเพื่อประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทลูกค้า โดยภายหลังจากหารือกับทีมงานจะมีการเข้าหารือกับลูกค้าเพื่อนำเสอนช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

สำหรับบริษัทลูกค้าของบล.เคจีไอ ที่มีความพร้อมที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ณ ขณะนี้มี 2 บริษัท คือ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แจแปนเร้นท์ จำกัด (มหาชน) โดยในส่วนของบริษัทถิรไทย ตามแผนการเดิมคาดว่าจะสามารถเข้าระดมทุนได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ แต่คงต้องหารือกับผู้บริหารบริษัทลูกค้าก่อนว่ามีความเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้อย่างไร

"บรรยากาศในตลาดหุ้นกลับมาดีขึ้น เราจึงต้องมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งก่อนจะไปหารือกับลูกค้าว่ามีความคิดเห็นอย่างไร แต่เราคาดว่าในปีนี้จะสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนได้ประมาณ 3-4 บริษัท"นางสาวพัชพรกล่าว

อย่างไรก็ตามในปีนี้บล.เคจีไอ คาดว่าจะบริษัทที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้จำนวน 3-4 บริษัทซึ่งอีก 2 บริษัทที่เหลือ 1 แห่งอยู่ในกลุ่มอาหาร ขณะที่อีกบริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

นางสาวพัชพร กล่าวอีกว่า งานทางด้านวาณิชธนกิจนอกเหนือจากงานไอพีโอ บริษัทยังมีงานในการควบรวมกิจการของบริษัทต่างๆ ทั้งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เป็นช่วงที่การควบรวมกิจการมีมากขึ้น เพราะต้องการเปลี่ยนจากการลงทุนในตลาดหุ้นมาเป็นการลงทุนธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีงานทางด้านการเป็นที่ปรึกษากองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 1 กองด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us