|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
แหล่งข่าวจากวาณิชธนกิจเปิดเผยว่า จากกรณีที่ปัจจัยทางการเมืองเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นบ้างแล้ว และทำให้ภาวะตลาดหุ้นมีทิศทางที่ดีขึ้น จึงส่งผลทำให้หุ้นใหม่หลายบริษัทเริ่มที่จะมีความเชื่อมั่นที่จะนำหุ้นออกมาเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 4 บริษัทที่อยู่ระหว่างเตรียมการที่จะเสนอขายหุ้น ถ้าไม่มีปัจจัยลบทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงเพิ่มขึ้น จนทำให้ภาวะตลาดหุ้นกลับไปซบเซาอีกครั้ง โดยคาดว่าบริษัททั้ง 4 จะกระจายหุ้นภายในไตรมาส 2 ของปีนี้
สำหรับ 4 บริษัทที่จะเสนอขายหุ้นได้แก่บริษัทเอส.อี.ซี ออโต้เซลส์ แอนด์เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์นำเข้า โดยมีบล.ฟินันซ่าเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ได้เชิญนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ไปฟังข้อมูล ดังนั้นจึงเชื่อว่าใกล้ที่จะเสนอขายหุ้นแล้ว เพราะสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยบริษัทจะกระจายหุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้นโดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ในการจ่ายคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินประมาณ 120-150 ล้านบาท นอกจากนี้ก็จะนำไปขยายสาขาของบริษัทอีกประมาณ 50 ล้านบาทและที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ส่วนอีก 3 บริษัทประกอบด้วย บริษัท่แจเปนเร้นท์(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และพนักงานขับรถประจำตำแหน่ง โดยจะเสนอขายหุ้นจำนวน 21.33 ล้านหุ้น เพื่อหวังนำเงินไปในการซื้อรถยนต์เพิ่ม,ขยายสำนักงานบริการ,ปรับปรุงระบบเทคโนโลยีและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน,บริษัทถิรไทย ซึ่งประกอบธุรกิจผลิต จำหน่าย รวมทั้งให้บริการติดตั้ง ซ่อมบำรุงและทดสอบหม้อแปลงไฟฟ้า โดยจะกระจายหุ้น 30 ล้านหุ้นหวังนำเงินไปใช้ในโครงการเพิ่มศักยภาพการผลิต,ชำระคืนเงินกู้ยืมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้ง 2 บริษัทมีบล.เคจีไอ(ประเทศไทย)เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีกระแสข่าวว่าเตรียมที่จะขายหุ้นภายในปลายเดือนเมษายนหรือต้นพฤษภาคม โดยจะขายหุ้นในเวลาที่ใกล้เคียงกัน
บริษัทที่เหลือได้แก่บริษัทเอกรัฐ วิศวกรรม เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายห้อมแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย จะกระจายหุ้นจำนวน 182 ล้านหุ้นหวังนำเงินไปชำระหนี้เดิม,เงินทุนหมุนเวียนและเงินลงทุนในบริษัทย่อยเพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรเพื่อผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ โดยมีกระแสข่าวว่าจะกระจายหุ้นภายในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนนี้
นอกจากนี้อาจจะมีหุ้นที่จะกระจายเพิ่มขึ้นอีก ถ้าภาวะตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะจะทำให้บริษัทที่เลื่อนขายหุ้นไปก่อนหน้านี้ทั้งบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ ซึ่งมีบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทไทยออพติคอล กรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทเอแคป แอ๊ดไวเซอรี่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน อาจจะทบทวนหันกลับมาเสนอขายหุ้นภายในไตรมาส 2 นี้ก็ได้
นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI กล่าวว่า การที่ภาวะตลาดหุ้นไทยเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจน ในระดับหนึ่งเมื่อรักษาการนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณออกมาแถลงการณ์ไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในภาคตลาดทุนบรรยากาศกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ทั้งนี้ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ได้มีการหารือกับทีมงานเพื่อประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทลูกค้า โดยภายหลังจากหารือกับทีมงานจะมีการเข้าหารือกับลูกค้าเพื่อนำเสอนช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับบริษัทลูกค้าของบล.เคจีไอ ที่มีความพร้อมที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ณ ขณะนี้มี 2 บริษัท คือ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แจแปนเร้นท์ จำกัด (มหาชน) โดยในส่วนของบริษัทถิรไทย ตามแผนการเดิมคาดว่าจะสามารถเข้าระดมทุนได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ แต่คงต้องหารือกับผู้บริหารบริษัทลูกค้าก่อนว่ามีความเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้อย่างไร
"บรรยากาศในตลาดหุ้นกลับมาดีขึ้น เราจึงต้องมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งก่อนจะไปหารือกับลูกค้าว่ามีความคิดเห็นอย่างไร แต่เราคาดว่าในปีนี้จะสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนได้ประมาณ 3-4 บริษัท"นางสาวพัชพรกล่าว
อย่างไรก็ตามในปีนี้บล.เคจีไอ คาดว่าจะบริษัทที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้จำนวน 3-4 บริษัทซึ่งอีก 2 บริษัทที่เหลือ 1 แห่งอยู่ในกลุ่มอาหาร ขณะที่อีกบริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นางสาวพัชพร กล่าวอีกว่า งานทางด้านวาณิชธนกิจนอกเหนือจากงานไอพีโอ บริษัทยังมีงานในการควบรวมกิจการของบริษัทต่างๆ ทั้งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เป็นช่วงที่การควบรวมกิจการมีมากขึ้น เพราะต้องการเปลี่ยนจากการลงทุนในตลาดหุ้นมาเป็นการลงทุนธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีงานทางด้านการเป็นที่ปรึกษากองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 1 กองด้วย
|
|
 |
|
|