Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 เมษายน 2549
ธปท.ลุ้นการเมืองนิ่ง-ดึงลงทุนกลับ"กรพจน์" จี้เข็นเมกะโปรเจกต์ต่อ             
 


   
search resources

กรพจน์ อัศวินวิจิตร
Investment




"หม่อมอุ๋ย"เชื่อสถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลาย หลังรักษาการนายกฯเว้นวรรคทางการเมือง เชื่อเมื่อทุกฝ่ายมีความสมานฉันท์เรียกความมั่นใจนักลงทุนกลับมาได้ ด้านผอ.ออมสินมั่นใจ ใครเป็นนายกฯก็ทำให้เศรษฐกิจไทยก้าวต่อไปได้ หากมีความพร้อมและมั่นคง แนะรัฐบาลชุดใหม่ไม่ควรชะลอโครงการเมกะโปรเจกต์

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ประกาศความชัดเจนว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยต่อไปว่า ประเด็นของเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะเว้นวรรคหรือไม่เว้นวรรค แต่ประเด็นคือเริ่มเห็นการปรองดองกันของคนในสังคม ซึ่งเมื่อมีบรรยากาศความปรองดองกันในประเทศนักลงทุนก็จะสบายใจ และส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมา

ด้านนายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น โดยส่วนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะเป็นบุคคลใดก็ได้ ทั้งนักการเงินหรือนักกฎหมาย ขึ้นอยู่กับการลงมติเลือกจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถบริหารประเทศ ไปสู่ความเจริญได้ เพราะขณะนี้ประเทศต้องการให้มีผู้สานต่อนโยบายต่างๆ โดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการลงทุนเมกะโปรเจกต์ ที่ไม่ควรจะล่าช้าไปจากแผนเดิมมากเกินไป เพราะอาจกระทบความสามารถการแข่งขันของประเทศได้

“ผมเองเคารพในดุลยพินิจของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ไม่ว่าใครได้รับเลือกมาเป็นนายกฯ ผมเองมีความมั่นใจว่าจะนำพาประเทศมาสู่ความเจริญทางเศรษฐกิจ ถึงแม้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จะมีอาการชะลอลง แต่ถ้า มีความพร้อมและมีความมั่นคง เดินหน้าไปด้วยกัน เชื่อว่าประเทศยังมีความสดใส และทั่วโลกยังมองมาที่ประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศหลักในเอเชีย ที่ทั่วโลกต้องการมาลงทุน ที่เป็นประเทศที่เป็นฐานและมีศักยภาพที่จะเข้ามาลงทุน" นายกรพจน์ กล่าว

สำหรับนโยบายการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ คงต้องใช้เวลาพิจารณาโครงการต่างๆ ที่ยังชะลออยู่ แต่มีหลายโครงการที่ไม่ควรจะชะลอมากนัก หากมีความจำเป็น หากเป็นเรื่องการสร้างขีดความสามารถของประเทศ และเตรียมความพร้อมบนเวทีการค้าโลก เพื่อให้ก้าวทันกระแสโลก เช่น โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ หรือเมกะโปรเจกต์

ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ถือได้ว่าการเมืองของประเทศ มีการพัฒนามากขึ้น แม้แต่ละกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีความคิดเห็นต่างกัน แต่ก็เป็นไปอย่างสันติวิธี ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ที่ทุกฝ่ายมีความสมานฉันท์ ยึดประเทศเป็นหลัก ปัญหาการเมืองจึงไม่กระทบเศรษฐกิจของประเทศมากนัก และเมื่อการเมืองคลี่คลายลง นักลงทุน จะกลับมามีความเชื่อมั่นเช่นเดิม

" ถือเป็นพัฒนาการเมืองไทยที่แม้จะมีความเห็นต่างกัน แต่คนไทยทุกคนก็มีเหตุมีผล และสุดท้ายเมื่อต้องคิดถึงความสมานฉันท์ของประเทศ ทุกฝ่ายก็ร่วมมือกัน อยู่ในกฎระเบียบ ซึ่งเป็นการแสดงให้นักลงทุนทั่วโลก ได้เห็นว่าคนไทยยังสามัคคีอยู่และยังยึดมั่นในเรื่องประเทศชาติเป็นหลัก ดังนั้นนักธุรกิจที่มาลงทุนในไทย แม้จะเห็นความคิดที่ต่างกัน แต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ทำให้ไทยแปรเปลี่ยน ความเจริญ ความมั่นคง นักลงทุนยังเชื่อมั่นว่า ไทยยังมีความมั่นคงชัดเจน ในการยึดมั่นในกติกา และระบบประชาธิปไตย " นายกรพจน์ กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us