"ช่วงนี้ ดร. ไวท์ จะไม่ให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชนเลยค่ะ ท่านมีภาพที่ไม่ค่อยดีกับสื่อมวลชนเท่าไรนัก
กลัวลงข่าวไปผิด ๆ" เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งของบริษัทรัตนการเคหะ จำกัด(มหาชน)
พูดชี้แจงเสียงอ่อย ๆ กับ "ผู้จัดการรายเดือน" ทางโทรศัพท์หลังจากเพียรพยายามติดต่อไปหลายครั้ง
เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ชอบพูด ไม่ชอบให้ข่าว เป็นบุคลิกของ ดร. ไวท์ กรรมการผู้จัดการของบริษัทรัตนการเคหะที่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
ถึงแม้ในช่วงที่เขาเข้าไปฟื้นบริษัทรัตนการเคหะใหม่ ๆ ประมาณกลางปี 2536
เขาเริ่มจะเปิดตัวบ้างแล้วก็ตาม
แต่สถานการณ์ของทางบริษัทที่ดูราวกับว่ายังไม่แจ่มใสนัก การฟื้นฟู โครงการประตูน้ำคอมเพล็กซ์ยังเป็นภาระที่หนักอึ้ง
ข่าวลือต่าง ๆ ที่ออกมาจากบริษัทในเรื่องของการเร่ขายโครงการในส่วนของที่พักอาศัย
ออฟฟิศ และโรงแรม ยกทั้งโครงการก็ยังมีการพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ
ประกอบกับข่าวที่ว่าอาจจะถูกเด้งออกจากตลาดหลักทรัพย์ ด้วยสาเหตุที่ว่าเป็นบริษัทที่ขาดทุนต่อเนื่องเป็นเวลาติดกันถึง
3 ปี ทำให้วันนี้ ดร. ไวท์จำเป็นต้องหลบหน้าหลบตาสื่อมวลชนอีกครั้ง
ในวัย 50 ปี ดร. ไวท์เป็นผู้ที่คลุกคลีในวงการพัฒนาที่ดินมาเกือบ 40 ปี
โดยเฉพาะการฝึกปรือผีมือ ในบริษัทอมรพันธ์เคหะกิจ ซึ่งบริษัทนี้ในสมัยหนึ่งเปรียบเสมือนสำนักตักศิลาทางด้านพัฒนาที่ดิน
ที่ผลิตบัณฑิตทางด้านสร้างที่อยู่อาศัยหลายคนเช่น ชายนิด โง้วศิริมณี กรรมการผู้อำนวยการบริษัทพร็อพเพอร์ตี้เพอเฟ็ต
วิศรุต ชัยปาณี ประธานกลุ่มบริษัทปาร์คอเวนิว
ดร. ไวท์เป็นคนเก่ง นี่คือสิ่งที่คนในวงการยอมรับ แต่ประตูน้ำคอมเพล็กซ์ก็เป็นโครงการใหญ่
และมีปัญหาคั่งค้างสะสมมาเรื่อย และ ดร. ไวท์อาจจะไม่ถนัดกับงานตึกสูงและงานบริหารจริงอย่างที่เขาเคยพูด
"ผมไม่ถนัดที่จะต้องติดต่อกับผู้รับเหมาและวิศวกรพันล้าน"
งานที่เขาถนัดคืองานที่อยู่อาศัยในแนวราบคอนเซ็ปต์ของหมู่บ้านเสรี หมู่บ้านจัดสรรเก่าแก่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในสมัยหนึ่งที่ทำโครงการในที่ดินแปลงใหญ่
แต่จับลูกค้าระดับซี หรือบีลบมากกว่า
ข่าวที่เขาต้องการขายโครงการยกตึกจึงอาจเป็นเรื่องที่ปลอดภัยที่สุดของเขาจริง
ๆ และถ้าขายได้ก็นับว่าเป็นเรื่องเดียวที่เขาตัดสินใจถูกหลังจากรับงานประตูน้ำ
คอมเพล็กซ์มากระมัง !