สองค่ายยักษ์ใหญ่พีแอนด์จี-ยูนิลีเวอร์ เปิดเกมแลกหมัดแชมพูขจัดรังแค คลีนิคเคลียร์เปิดตัวสูตรใหม่"เลมอน" ขจัดความมันลงตลาดหน้าร้อน พร้อมกับบรรจุภัณฑ์ใหม่ หวังรั้งบัลลังก์ผู้นำตลาด เฮดแอนด์โชว์เดอร์บี้ปรับบรรจุภัณฑ์-สูตรใหม่ การันตีจากสถาบันผิวหนังเรียกความมั่นใจ
แหล่งข่าววงการสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวตลาดแชมพูขจัดรังแคมูลค่าเกือบ 4,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33% ของตลาดรวมแชมพู-ครีมนวดผม 1.2 หมื่นล้านบาทว่า ปีนี้ยูนิลีเวอร์และพีแอนด์จีเปิดเกมไล่บี้ในเวลาเลี่ยกัน โดยคลีนิค เคลียร์ ตอกย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดจากการครองส่วนแบ่ง 19.9% ประเดิมปรับโฉมแชมพูขจัดรังแคใหม่ พร้อมกับการเปิดสูตรใหม่"เลมอน" ขจัดความมันต้อนรับหน้าร้อน ทำให้เวลานี้คลีนิค เคลียร์มีแชมพูทั้งหมด 6 สูตรที่จะมาถล่มเฮดแอนด์โชว์เดอร์
พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ เพื่อตอกย้ำโพซิชั่นนิ่งในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ พร้อมกับภาพลักษณะแบรนด์คลีนิค เคลียร์ จากแชมพูขจัดรังแคมาสู่ภาพแชมพูเพื่อความงามมากขึ้น
**เฮดแอนด์โชว์เดอร์ปรับใหม่**
นางสาวปริญดา หัศฎางค์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พอรคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีนี้แชมพูขจัดรังแคเฮดแอนด์โชว์เดอร์ยังคงเดินเกมสงครามราคาภายใต้แนวคิด"นวัตกรรมคุ้มค่าคุ้มราคา" โดยจะเป็นแผนทำตลาดระยะยาว โดยเฉพาะแชมพูขนาด 100 มล.ลดจาก 39 บาท เหลือเป็น 29 บาท ทั้งนี้เพราะจากการสำรวจตลาดพบว่า ผู้บริโภคมองว่าราคาสินค้าแพงเกินไป ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจทดลองสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันเฮดแอนด์โชว์เดอร์มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 8.3% เป็น 8.4%
ล่าสุดเฮดแอนด์โชว์เดอร์ปรับโฉมบรรจุภัณฑ์-สูตรใหม่เพื่อชนกับคลีนิค เคลียร์ นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน โดยโฆษณาชุดนี้เฮดแอนด์โชว์เดอร์ยังเรียกความมั่นใจจากผู้บริโภคกลับคือมา ภายใต้การการันตีจากสถาบันผิวหนังประเทศไทย หลังจากที่ตกเป็นข่าวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
**จ้องตลาดครีมนวดตาเป็นมัน**
ข้อมูลจากบริษัท พีแอนด์จี หรือ พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ประเทศไทย ได้ประมาณการว่าตลาดแชมพู-ครีมนวดผมมูลค่า 9,800 ล้านบาท ปีนี้จะมีอัตราการเติบโต โดยมูลค่าตลาดมีโอกาสพุ่งถึง 1.2 หมื่นล้านบาท โดยการเติบโตหลักๆ มาจากตลาดครีมนวดผมมูลค่า 2,900 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตกว่า 10% หรือมูลค่าตลาดครีมนวดผมเพิ่มเป็น 3,200 ล้านบาท ส่วนตลาดแชมพูมูลค่า 6,900 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตกว่า 1% หรือมูลค่าตลาดเพิ่มเป็น 7,000 ล้านบาท
จากสภาพตลาดครีมนวดที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในปีนี้ ทั้งจากแบบล้างออกสัดส่วน 73% หรือคิดเป็นมูลค่า 2,300 ล้านบาท ชนิดไม่ต้องล้างออก 17% หรือ 390 ล้านบาท และครีมหมักผมสัดส่วน 11% หรือ 250 ล้านบาท ทำให้ค่ายยักษ์ใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์ออกตัวทำตลาดในเชิงรุก ด้วยการนำสินค้าเรือธงอย่างซันซิล กระตุ้นความถี่ในการใช้ จากเดิมพฤติกรรมการใช้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เป็นทุกๆ ครั้งหลังสระผม (หรือสัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง) ภายใต้แนวคิด"ผมสวยและสุขภาพดีที่แท้จริงต้องพิสูจน์ได้ครบทั้ง 5 สัมผัส"
ล่าสุดซันซิลได้ปรับสูตรครีมบำรุงผม 8 สูตรใหม่ ภายใต้แนวทางส่วนผสมของอาหารผมจากธรรมชาติ จนผู้ใช้สามารถสัมผัสและรู้สึกครบทั้ง 5 สัมผัส ได้แก่ มองเห็น,ได้กลิ่น,ได้ยินเสียงชม,สัมผัสได้ถึงความนุ่มลื่น และรู้สึกได้ถึงผมสวยมีน้ำหนัก นอกจากนี้ยังได้ปรับบรรจุภัณฑ์เป็นแบบหลอดเพื่อความสะดวกในการใช้ ภายใต้การใช้งบตลาดกว่า 100 ล้านบาท
ประเดิมระเบิดแคมเปญโฆษณาประชาสัมพันธ์รองรับการเปิดตัวไว้ครบ 360 องศา พร้อมกับดึงสามสาว "ซาซ่า" (พิม-แก้ว-น้ำหวาน) เป็นทูต 5 สัมผัสให้กับแคมเปญ "ซันซิล ท้าเกิร์ลแก็งค์ แข่ง 5 สัมผัส" เพื่อค้นหาสุดยอดสาวที่มีผมสวยสุขภาพดีและเฉียบคมครบ 5 สัมผัส ชิงเงินรางวัลในแคมเปญนี้มีมูลค่ารวม 1 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่ากิจกรรมดังกล่าวพร้อมกับการปรับสูตรและโฉมใหม่แพกเกจจิ้ง จะช่วยขยายฐานตลาดครีมบำรุงผมของซันซิลให้มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นได้อีก 3%
นับว่าเป็นความพยายามก้าวใหม่ของซันซิลอีกครั้ง สำหรับการปลุกตลาดครีมนวดผมให้มีอัตราการเติบโตมากขึ้น จากในช่วงปี 47 ซันซิลได้ปรับโพซิชั่งนิ่งครีมนวดผมใหม่ ภายใต้ " เดลี่ ทรีทเมนท์" หรือการเป็นครีมนวดผมราวกับการทำทรีทเมนท์ ประกอบด้วย 6 สูตร ชาเชียว เซรั่ม,โคลนน้ำผึ้ง,น้ำมันดอกทานตะวัน,ซิลค์ เซรั่ม,โยเกิร์ต มาส์ค และเฮนน่า แวกซ์ โดยการปรับโพซิชั่นนิ่งครีมนวดผมในครั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้หญิงยุคใหม่ที่มีพฤติกรรมทำทรีทเมนต์แต่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา และประการสำคัญ คือ การกระตุ้นความถี่ในการใช้
ด้านความเคลื่อนไหวพีแอนด์จีในเวลานี้ส่งรีจอยระเบิดสงครามราคาสกัดซันซิลผู้นำตลาดซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดราว 28% ขณะที่รีจอยส์ผู้ท้าชิงมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 8.5% เป็น 9% ส่วนแพนทีนปีนี้มีส่วนแบ่ง 12.1% จากปีที่ผ่านมามี 12% ขณะที่โดฟส่วนแบ่งลดลงจาก10.2-10.5% เป็น 9.9% จากมูลค่าตลาดแชมพูเพื่อความงาม 7,700 ล้านบาท
|