|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนักหลังเจอมรสุมการเมืองถล่ม บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เตรียมเปิดตัวกองทุนรวมลงทุนต่างประเทศ (FIF) กองใหม่ ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เอาใจนักลงทุนที่ไม่กล้ายเสี่ยงลงทุนในตลาดหุ้นไทย เผยมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย และให้น้ำหนักกับตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากแนวโน้มผลตอบแทนการลงทุนสูง
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ช่วงปี 2547 มาจนถึงปัจจุบัน มีปัจจัยรุมเร้าในเชิงลบหลากหลาย ตั้งแต่ไข้หวัดนก ปัญหาภาคใต้ ปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ตลอดจนการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และล่าสุดตั้งแต่ต้นปีเรื่องปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ล้วนทำให้ตลาดหุ้นไทยย่ำอยู่กับที่และนักลงทุนทั่วไปในวงกว้าง เริ่มให้ความสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปี 2546 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2547 แม้ว่าอันที่จริงแล้วในเชิงพื้นฐานเศรษฐกิจ ประเทศไทยยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีและแข็งแกร่งก็ตาม
ในขณะที่ภาคธุรกิจกองทุนรวม จะพบได้ว่าภายใต้สภาพแวดล้อมดังกล่าว กองทุนรวมที่มีผู้สนใจมากที่สุดคือกองทุนรวมประเภทที่มีความเสี่ยงต่ำโดยลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐ และมีลักษณะเป็นกองทุนที่มีอายุกำหนดหรือมีการเปิดให้ซื้อขายได้เป็นช่วงๆ จึงทำให้ผู้ลงทุนสามารถทราบประมาณการผลตอบแทนที่จะได้ค่อนข้างจะใกล้เคียงความจริง ส่วนกองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้รับความสนใจลดลง
นอกเหนือจากการลงทุนในกองทุนรวมประเภทพันธบัตร ระยะสั้นแล้ว ทางเลือกอีกทางหนึ่งที่น่าสนใจคือ กองทุนรวมที่มีการลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ซึ่งในปัจจุบันการลงทุนใน FIF ไม่ใช่ของแปลกใหม่สำหรับนักลงทุนไทยอีกต่อไป เพราะเริ่มมีมากว่า 4 ปีแล้ว และแม้ว่าที่ผ่านมาอาจยังได้รับความนิยมไม่มากในหมู่นักลงทุนทั่วไป อันเนื่องมาจากความไม่เข้าใจถึงตลาดการลงทุนต่างประเทศ ประเภทของสินทรัพย์ที่ไปลงทุน ตลอดจนถึงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่แนวโน้มในปัจจุบันความรู้ความเข้าใจได้เพิ่มมากขึ้น และเริ่มมีความต้องการลงทุนใน FIF เพิ่มขึ้นตามลำดับ
สำหรับบลจ.ไอเอ็นจี มีกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศสำหรับนักลงทุนทั่วไปอยู่หลายกอง เช่นในกลุ่มตราสารหนี้ เรามี ING Thai Asian USD Bond Fund และ ING Thai Global Emerging Market-Dividend Fund ในกลุ่มที่ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ขณะนี้เรามี ING Thai Global High Dividend Fund of Funds ซึ่งลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกและเน้นเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ ที่มีอัตราการปันผลสูง
ทั้งนี้ ในช่วงประมาณครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคมนี้ ไอเอ็นจี มีแผนจะนำเสนอกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชียทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเน้นการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น โดยแนวคิดของกองทุนกองใหม่นี้คือต้องการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในกลุ่มประเทศเอเซียที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนการที่เน้นลงทุนในญี่ปุ่นด้วยนั้น เพราะญี่ปุ่นมีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยมีขนาดของ GDP ประมาณ 50% ของกลุ่มประเทศเอเชีย (ไม่นับรวมออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) และหลังจากการถดถอยของเศรษฐกิจญี่ปุ่นตั้งแต่กลางปี 2536 เป็นต้นมา ญี่ปุ่นขณะนี้เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน
โดยเชื่อได้ว่า ในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ จะเป็นไตรมาสที่ 17 ที่ระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดหลังจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ผ่านมา การบริโภคภายในประเทศของญี่ปุ่นที่เพิ่มอย่างต่อเนื่องและตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้นเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความชัดเจน หลักฐานหลากหลายเกี่ยวกับการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศของญี่ปุ่นมีมากมายเช่น Apple Computer Inc มียอดขายของอุปกรณ์ฟังเพลง iPod สูงถึง 14 ล้านเครื่องในไตรมาส 4 ปีที่แล้วซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับแต่เริ่มนำเสนอเครื่อง iPod สู่ตลาดในปี 2001 นอกจากนี้ร้านค้าสินค้าแฟชั่นระดับ high-end ทยอยเปิดตัวเพิ่มขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา
นอกจากการเน้นลงทุนในญี่ปุ่นแล้วกองทุนใหม่ของ ไอเอ็นจี ก็ไม่ละเลยที่จะมีส่วนร่วมลงทุนในประเทศเอเชียอื่นๆ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วเช่น อินเดียและจีนเป็นต้น ซึ่งสิ่งหนึ่งที่กองทุนกองนี้จะแตกต่างจากกองทุนอื่นๆทั่วไปที่ลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศเอเซีย ตรงที่ว่า กองทุนใดๆ ที่ลงทุนในเอเชีย และมีผลการดำเนินงานดีในปีนี้ อาจไม่มีผลการดำเนินงานดีเช่นนี้ตลอดไปทุกปี ดังนั้นการคัดสรรลงทุนในกองทุนที่ดีหลายๆ กอง และทำการ review ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว ดังนั้นกองทุนกองนี้ของ ไอเอ็นจี ซึ่งใช้ชื่อว่า กองทุนเปิดหน่วยลงทุน ไอเอ็นจี ไทย มัลติ แมนเนเจอร์ เอเชีย อีควิตี้ (ING Thai Multi-manager Asia Equity Fund of funds ) จึงเป็นกองทุนรวมที่มีลักษณะเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุนโดย ไอเอ็นจี จะทำหน้าที่เป็น manager of managers ทำการคัดสรร และเลือกลงทุนในกองทุนรวมหลายกองของหลายบริษัทจัดการลงทุนระดับโลก ที่มีผลดำเนินการดี และมีการบริหารความเสี่ยงได้ดี มีขนาดของกองทุนใหญ่พอที่จะลดความเสี่ยงอันเกิดจากการขายคืนหน่วยลงทุนได้
ทั้งนี้ ภายใต้กระบวนการคัดสรรของ ไอเอ็นจี เราจะทำการวัดผล และตรวจสอบกองทุนที่เราเลือกลงทุนทุกเดือน เพื่อดูความสามารถในการบริหารจัดการลงทุนของกองทุนนั้นๆ การที่ ไอเอ็นจี เลือกใช้รูปแบบการลงทุนในลักษณะ fund of funds ก็เพราะเราเชื่อว่า ภายใต้โลกแห่งการลงทุน ไม่มีกองทุนรวมกองไหนมีผลการดำเนินงานเป็นอันดับหนึ่งได้ตลอดไป ดังนั้นการเลือกลงทุนในกองทุนรวมของหลายๆบริษัท ที่มีผลการดำเนินงานดีเป็นเป็นการช่วยสร้างเสริมความสามารถ ประสิทธิภาพและผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียให้กับผู้ลงทุนไทยได้อย่างดีที่สุด
|
|
|
|
|