Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 เมษายน 2549
หุ้นILINKปรับตัวเพิ่มขึ้น7.45%ลงสัญญารับงานทีโอทีได้75ล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท อินเตอร์ลิงค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด

   
search resources

อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น, บมจ.
Stock Exchange
Networking and Internet




ราคาหุ้น ILINK บวกเพิ่มต่อเนื่องทั้งวัน ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 35 สตางค์หรือ 7.45% และเป็นหุ้นที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดของตลาด mai รับข่าวการเซ็นสัญญากับทีโอที เพื่อติดตั้งระบบ Passive Device รองรับการให้บริการภายในเขตปลอดอากร (CFZ) มูลค่างานทั้งสิ้น 75 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าหางานเพิ่ม เพื่อดันรายได้โตตามเป้าหมาย

วานนี้ราคาหุ้น ILINK ของบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดช่วงเช้า รับข่าวการเซ็นสัญญากับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ติดตั้งระบบ CFZ โดยเปิดมาที่ 4.72 บาท (วันก่อนหน้าปิดที่ 4.70 บาท ) และปิดช่วงเช้าที่ 4.80 บาท เพิ่มขึ้น 10 สตางค์ ด้วยมูลค่าซื้อขาย 313,000 บาท ส่วนบ่ายพบว่าราคาหุ้นค่อย ๆ ปรับขึ้นไปที่ราคา 4.86 บาท ปริมาณซื้อขาย 675,000 บาท และเมื่อใกล้ปิดตลาดพบว่าแรงซื้อมีเข้ามาเพิ่ม ส่งผลให้ราคาหุ้นบวกไป 20 สตางค์ อยู่ที่ 4.90 บาท และปิดที่ราคา 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 38 สตางค์ คิดเป็นเพิ่มขึ้น 7.45% มูลค่าซื้อขาย 1,553,000 ล้านบาท และเป็นหุ้นที่มีการปรับขึ้นของราคามากสุดของตลาดหลักทรัพย์ mai ด้วย

นายสมบัติ อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ILINK) แจ้งว่าหลังจากที่ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2549 ที่ผ่านมา บริษัทได้โครงการ การเข้าประมูลงานบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นงานจ้างเหมาติดตั้งระบบ Passive Device รองรับการให้บริการภายในเขตปลอดอากร (CFZ) มูลค่างานทั้งสิ้น 75 ล้านบาทนั้น

ขณะนี้ บริษัทฯ ได้รับการว่าจ้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้ลงนามในสัญญาการว่าจ้างกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สัญญาเลขที่ 200/3160005652/2549 จำนวนเงิน 75,000,000บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ลงวันที่ 30 มีนาคม 2549 และมีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 90 วัน

นอกจากนี้ บริษัทยังได้งานเพิ่มเติมจากการติดตั้งระบบ IP CABLE ได้แก่ สาย FIBER OPTIC พร้อมอุปกรณ์และสายโทรศัพท์ เพื่อรองรับเทคโนโลยี IP PHONE ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่างานเพิ่มเติม 8,394,192 บาท

โดยการประมูลงานครั้งนี้ เป็นไปตามแผนงานของบริษัท และเพื่อสร้างรายได้ให้โต 25% จากปี 48 และงานที่บริษัทรุกนี้ถือเป็นหนึ่งในวงเงิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในปี 2549 จะรับรู้รายได้บางส่วน ขึ้นอยู่กับงานที่จะได้รับ ซึ่งยังคงเป็นหลัก 100 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่งานของ ทีโอทีก็เป็นหนึ่งในงานโครงการที่ ILINK ยืนยันว่าจะพยายามอัตรากำไรขั้นต้นในการเข้าประมูลงานซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะต้องมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่น้อยกว่า 20% ด้วย

นอกจากนี้งานโครงการอีกแห่งคืองานโครงการของการไฟฟ้านครหลวงในการวางและเดินสายไฟเบอร์ระยะทางประมาณ 14,000 กิโลเมตรในเฟสที่ 2 ที่มีมูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้ประมูลในช่วงเดือนเมษายนและหากได้งานก็จะทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้บางส่วน ในปี 2549 และเชื่อว่าบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการวางระบบดังกล่าวแล้วในเฟสแรก

ขณะเดียวกันปี 2549 บริษัทฯ จะปรับโครงสร้างธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณคอมพิวเตอร์และสื่อสาร และธุรกิจวิศวกรรม รวมทั้งจะเน้นรุกตลาดต่างจังหวัดเพื่อต่อยอดลูกค้า และจะทำให้รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์การตลาดและการขยายสาขาไปภูมิภาค

พร้อมกับตั้งเป้าปีนี้ว่า ส่วนแบ่งการตลาดในปี 2549 ในทุกธุรกิจของบริษัทฯ ว่า จะอยู่ที่ประมาณ 50% จากปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 40% ขณะที่ปัจจัยการเมืองมองว่าไม่น่าส่งผลกระทบกับบริษัทฯ รวมถึงธุรกิจไอทีโดยมองว่าธุรกิจไอทีในประเทศไทยยังคงมีความจำเป็น และยังมีอัตราเติบโต โดยมองว่าถึงแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็จำเป็น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us