|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดโพสต์เพดร้อน ดีแทครีโพรซิชั่นนิ่ง "แม็กซิไมซ์" ใหม่ ตั้งแต่ เปลี่ยนระบบคิดค่าบริการเป็นครั้ง เพิ่มประสิทธิภาพสิทธิประโยชน์เต็มรูป ตามรอยวิชั่นกลยุทธ์เซกเมนเทชั่นเต็มรูป ประกาศเป็นผู้นำตลาดภายใน 3 ปีกินส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% มั่นใจปีนี้กวาดผู้ใช้เข้าระบบแตะเลข 3 ล้านราย
ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบโพสต์เพดหรือระบบจ่ายเป็นรายเดือนคึกคักอีกครั้งเมื่อบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัดหรือดีแทค ผู้แล่นอันดับสองในตลาดหวนกลับมาให้ความสำคัญกับลูกค้าที่ใช้งานหนักๆ อีกครั้ง ด้วยการรีโพรซิชั่นนิ่งหรือปรับตำแหน่งผลิตภัณฑ์ "แม็กซิไมซ์" ใหม่อีกครั้ง
"น่าจะเป็นการรีโพรซิชั่นนิ่งมากกว่า ที่ผ่านมา ดีแทคไม่ได้มีทำกิจกรรมสำหรับลูกค้าแม็กซิไมซ์มากนักในปีที่ผ่านมา ครั้งนี้เราก็เลยมีการปรับแพ็กเกจนี้ใหม่ นับตั้งแต่การปรับเปลี่ยนสีแพกเกจที่ใช้ ไปจนถึงการปรับปรุงบริการสิทธิประโยชน์ต่างๆ ใหม่หมด" สันติ เมธาวิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัดหรือดีแทคเล่าให้ฟังถึงเหตุผลบางส่วนถึงการปรับแพกเกจเก่าให้ดูใหม่
แม็กซิไมซ์ แพกเกจรูปลักษณ์ใหม่ของดีแทคได้นำวิธีคิดค่าบริการเป็นครั้งซึ่งพบในบริการโทรศัพท์พื้นฐานมาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศ ต่างจากธรรมเนียมวิธีคิดค่าบริการของโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเดิมที่จะคิดเป็นนาทีหรือวินาทีเป็นหลัก
สำหรับสาเหตุที่ทำไมถึงนำวิธีคิดค่าบริการเป็นครั้งมาใช้นั้น สันติได้บอกว่า กลุ่มลูกค้าที่เป็นไฮเอนด์ในตลาดเวลานี้คาดว่าจะมีถึงประมาณ 1 ล้านรายถึงแม้จะดูไม่มากแต่ก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีอำนาจในการซื้อที่สูง โดยในอดีตคนกลุ่มนี้ไม่มีใครดูแลหรือให้ความสำคัญ ไม่ว่าเราหรือคู่แข่งต่างล้วนเน้นไปเรื่องของสิทธิประโยชน์ต่างๆ แต่เรื่องของแกนราคาไม่ได้มีอะไรที่แรงๆ ออกมา ทำให้ผู้ใช้กลุ่มนี้มีความรู้สึกว่า ทำไมถึงต้องจ่ายแพงกว่าแพกเกจอื่นๆ
"ค่าบริการยังไม่มีใคร เล่น ดีแทคจึงทำแม็กซิไมซ์ใหม่ลงมาเล่นในเรื่องนี้ :ซึ่งถือว่า เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ทางด้านค่าโทร. เป็นครั้งแรกของวงการมือถือเลยก็น่าจะได้ เพราะเปลี่ยนจากการคิดค่าโทร.เป็นนาทีมาเป็นการคิดเป็นครั้ง" โดยทางดีแทคได้ประเมินขนาดตลาดกลุ่มไฮเอนด์นี้ไว้ว่า น่าจะมีมากถึง 1 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับการดูแล
"ปัจจุบัน กลุ่มผู้ที่ใช้แพกเกจ แมกซิไมซ์มีรายได้ต่อเลขหมายเฉลี่ยตกอยู่ประมาณ 2 พันบาท" สันติยังบอกอีกว่า การที่จะขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนี้ให้กว้างขึ้นจึงจำเป็นต้องศึกษาถึงความ
ต้องการของลูกค้าในกลุ่มนี้ให้ลึกซึ้ง พบว่าในกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์นี้ยังสามารถแยกย่อยออกมาเป็นเซกเมนต์ใหม่ที่เป็นกลุ่มของผู้ที่ต้องการการดูแลด้านค่าบริการที่ต้องง่ายต่อความเข้าใจ รวมทั้งสิทธิพิเศษที่มีให้เลือกใช้ได้ในชีวิตจริง แต่ยังไม่สามารถค้นพบแพกเกจที่เหมาะกับตัวเอง เพราะแพกเกจสำหรับลูกค้าไฮเอนด์ที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันนี้ การเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ค่อนข้างเป็นเรื่องยุ่งยาก ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่สามารถได้รับประโยชน์จากการใช้บริการอย่างเต็มที่
"ดังนั้นเราจึงเสนอแพ็คเกจ แมกซิไมซ์ใหม่ที่จะมาตอบสนองความต้องการ ทั้งด้านราคาและการดูแลด้านต่างๆ โดยเราได้นำโจทย์ด้านค่าบริการที่ไม่ยุ่งยากและสิทธิประโยชน์พร้อมการดูแลที่ได้รับอย่างเต็มที่มาผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว"
แม็กซิไมซืใหม่ จะคิดค่าโทรเป็นครั้ง มีให้เลือก 2 แพ็คเกจ คือ แพ็คเกจแม็กซิไมซ์ 999 คิดค่าโทรครั้งละ 2.50 บาท ในช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนถึงหกโมงเย็น โดยไม่จำกัดระยะเวลาการโทร โทรนอกช่วงเวลาคิดค่าโทรนาทีละ 2.50 บาทต่อ หรือแพ็คเกจแม็กซิไมซ์ 1,499 คิดค่าโทรครั้งละ 2 บาท ระหว่างเที่ยงคืนถึงหกโมงเย็น นอกช่วงเวลาคิดค่าโทรนาทีละ 2 บาท ส่ง SMS, MMS ครั้ง 1 บาท ใช้บริการ GPRS นาทีละ 1 บาท รวมถึงรับสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย
ในด้านของการดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ ซึ่งประกอบด้วยบริการ*1899 เลขาส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง เป็นบริการเลขาส่วนตัวที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 จากบริการประเภทเดียวกันที่มีอยู่ในปัจจุบัน "จะเน้นให้เป็นบริการแบบวัน-สต็อปที่จะมีความเป็นอินเตอร์แอกทีฟยิ่งขึ้น"
ด้านสิทธิประโยชน์จากแม็กซิไมซ์การ์ดก็ยังเหนือกว่าแพ็คเกจอื่นๆ เช่น ส่วนลดเพิ่มเติมอีก 5% จากโปรโมชั่นในห้างสรรพสินค้าชั้นนำเมื่อแสดงบัตรแม็กซิไมซ์ บริการที่จอดรถในศูนย์การค้าและตามอีเวนต์ ตลอดทั้งปี ส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าต่าง ๆ ฯลฯ
โดยดีแทคตั้งเป้าผู้ใช้บริการรายใหม่ที่จะเข้ามาใช้แพกเกจแม็กซิไมซ์ไว้ที่ประมาณ 3 แสนราย จากตลาดรวมของลูกค้าโพสต์เพดที่มีประมาณ 1 ล้านราย
ส่วนสาเหตุที่ต้องจำกัดในเรื่องของเวลาหลัง 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนนั้น สันติบอกว่า จะคิดค่าบริการในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นนาทีนั้น เป็นผลมากจากช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงที่มีการใช้งานสูงอยู่แล้ว จึงไม่ต้องการให้เกิดปัญหาการโทร.ข้ามเครือข่ายไม่ติดเหมือนที่ผ่านมาอีก โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขยายสถานีฐานเพิ่มอีก 1,500 สถานีฐาน เพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นด้วย
"ปีนี้ตั้งเป้ายอดลูกค้าในระบบโพสต์เพดที่ 2 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ที่ 1.5 ล้านราย สำหรับยอดผู้ใช้บริการในเดือนมกราคมกับเดือนกุมภาพันธ์นั้น ในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ คงต้องรอให้จบไตรมาส 1 ปี 2549 ก่อน แต่เชื่อว่าน่าจะดีต่อเนื่อง และยังคาดว่าลูกค้ารวมในระบบโพสต์เพดจะพุ่งถึง 3 ล้านราย ภายในปี 2551"
ส่วนมาร์เก็ตแชร์ตลาดมือถือปีนี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 30% จากตลาดรวม ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3-4 ล้านเลขหมาย ซึ่งคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในส่วนนี้ให้ถึง 50% จาก
ตลาดรวมที่ 6 ล้านเลขหมาย ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์ในระบบโพสต์เพดอยู่ที่ 35-40% ของรายได้รวม ซึ่งคาดว่าในปี 2551 สัดส่วนรายได้ในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นกว่า 40% โดยรายได้ต่อเลขหมายต่อเดือนในกลุ่มโพสต์เพด เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 900-1,000 บาท/เดือน การปรับภาพลักษณ์ใหม่ "แม็กซิไมซ์" ในครั้งนี้ของดีแทคทำให้ดีแทคกลายเป็นผู้เล่นในตลาดเพียงรายเดียวที่ลงมาเล่นตลาดโพสต์เพดอย่างเต็มรูปแบบ แถมทั้งยังมีการแบ่งแซกเมนต์ผู้ใช้บริการอย่างชัดเจน
ซึ่งทางประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "ซิคเว่ เบรคเก้" บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัดได้กล่าวถึงเป้าหมายของดีแทคในตลาดโพสต์เพดว่า ดีแทคได้วางเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดโพสต์เพดโดยถือครอง
ส่วนแบ่งการตลาดรวมไม่ต่ำกว่า 50% จากตลาดทั้งหมด 6 ล้านเลขหมายภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งการที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทางดีแทคจึงได้นำเสนอนวัตกรรมของบริการในรูปแบบต่างๆ สำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่มผ่านกลยุทธ์เซกเมนต์เตชั่นซึ่งเป็นแนวทางที่ดีแทคให้ความสำคัญเป็นพิเศษมาตั้งแต่กลางปีที่ 2548 ที่ผ่านมา
ปัจจุบัน ดีแทคได้แบกกลุ่มผู้ใช้ในส่วนของระบบโพสต์เพดออกเป็น 4 กลุ่ม นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าองค์กรที่มีบริการพิเศษแยกออกมาต่างหาก ได้แก่ กลุ่มแรก กลุ่มวัยรุ่นและนักเรียน กลุ่มที่สอง กลุ่มผู้ใช้งานน้อย ซึ่งทางดีแทคมีแพกเกจ ZAD ที่ออกแบบสำหรับผู้ใช้กลุ่มนี้โดยเฉพาะ ขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มพนักงานและ first jobbers ดีแทคก็มีแพกเกจ "เวิร์ด" และกลุ่มสุดท้าย กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 40% ของรายได้จากกลุ่มโพสต์เพดทั้งหมดของดีแทค ซึ่งดีแทคมีแพกเกจ "แม็กซิไมซ์" ที่ออกแบบมาเพื่อคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
|
|
|
|
|