|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“ศุภชัย” เปิดใจ ไม่เคยเห็น ทีโอที เป็นศัตรู พร้อมเจรจาหาทางออกค่าเชื่อมต่อวงจร ถึงแม้เตรียมยื่นศาลปกครอง หวั่นใจแข่งขันเสรีต่างชาติ เร่ง กทช. ปลดล็อก หวั่นเสียเปรียบสิงคโปร์ ย้ำชัดยังเป็นบริษัทไทย ของกลุ่มธุรกิจสื่อสาร
นาย ศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวถึง กรณีปัญหาผลการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ที่ตัดสินให้ ทรู เป็นฝ่ายชนะ บริษัท ทีโอที ในการฟ้องร้องเรียกค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (แอ็คเซ็สชาร์จ) ด้วยมูลค่า 9,175 ล้านบาท ว่า ในระหว่างนี้ ทรู ได้อยู่ระหว่างการหาเวลาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ถึงแม้ ทีโอที เตรียมจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ในวันที่ 21 เมษายน เพื่อให้ยกเลิกคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการ คงเป็นสิ่งที่ทีโอทีทำได้และคงเป็นเรื่องของการตัดสินของศาลปกครองกลางที่จะพิจารณา แต่ดังกล่าวสามารถหาทางออกร่วมกันได้ อีกทั้งทรูไม่ได้มอง ทีโอที เป็นศัตรูกับทรูแต่อย่างใด ส่วนกรณีสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ทีโอที ประท้วงให้พนักงาน ทีโอที และประชาชนทั่วไปยกเลิกใช้สินค้าและบริการของทรูก็ไม่ส่งผลกระทบมากนัก
"ทางทรูมองว่าน่าจะร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ไม่มีปัญหาใดที่ไม่สามารถหาทางออกได้ ซึ่งการเจรจาที่จะเกิดขึ้นนั้นจะต้องทางออกที่น่าพอใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่การที่ทีโอทีจะยื่นเรื่องต่อศาลปกครองก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน โดยยืนยันว่า ทรู ไม่เคยมองว่าทีโอทีเป็นศัตรู เพราะถือเป็นบริษัทคนไทยด้วยกัน" นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีผลกระทบในด้านเศรษฐกิจและการแข่งขันในภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมว่า ในระยะ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่มีผลใดมากนัก แต่เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตที่สูงอีกด้วย เนื่องจากผู้บริโภคต้องการรับรู้ข่าวสารมากขึ้น อย่างกรณีการต่อต้านการใช้บริการสินค้าค่ายเอไอเอสนั้น มีผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้บริการของค่ายดีแทคและทรูมูฟ ไม่มากนักมีจำนวนแค่หลักแสน ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเชื่อว่าผู้บริโภคจะดูว่าการใช้บริการค่ายใดได้รับประโยชน์สูงสุด โดยที่ผ่านมาอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้จดทะเบียนใหม่สำหรับ ทรูมูฟมีประมาณเดือนละ 1.1-1.2 แสนรายต่อเดือนเท่านั้นในระยะ 1-2 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับแผนการร่วมทุนหรือเปิดหาพันธมิตรกับต่างชาติ เข้าลงทุนกับทรู นั้น ในระหว่างนี้ไม่มีแต่อย่างใด ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีกระแสข่าวลือออกมา แต่ถึงอย่างไร ทรู ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมเจรจา ทั้งนี้ ทรู มีความพร้อมของตัวเองในการแข่งขันหรือการลงทุนในประเทศไทยด้วยตัวเอง ถึงแม้หลายฝ่ายได้เปรียบเทียบด้านลงทุนแข่งขันกับต่างชาติ ที่มีกำลังทุนทุนสูง ซึ่งเรื่องดังกล่าวหากมองในแง่การแข่งขันอย่างสร้างสรรค์ การเข้าใจวัฒนธรรมหรือความต้องการของตลาด
ทั้งนี้ การลงทุนบางอย่างอาจไม่มีความจำเป็นก็ได้ หรือใช้เม็ดเงินมากนัก โดยการลงทุนบางอย่าง ทรู ได้มีการลงทุนได้ลงทุน ไปก่อนหน้าแล้ว รวมไปถึงการสร้างบริการให้ครอบคลุมกับความต้องการของตลาดได้อย่างครบวงจร ภายใต้แบรนด์เดียว อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ออกใบอนุญาตสำหรับบริการด้าน 3 จี ทรู อาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน
"ตอนนี้ยังเสียเปรียบสิงคโปร์อยู่มาก หาก กทช. หาทางออกเปิดเสรีกิจการโทรคมนาคมให้เข้าใจทุกอย่างจะสวยงามมากกว่านี้"
นายศุภชัยกล่าวถึงโอกาสครบรอบการเปลี่ยนชื่อจากเเทลเคอมเอเซียมาเป็น "ทรู" ครบ 2 ปีว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากกลุ่มลูกค้าและประชาชน ที่เข้าใจต่อธุรกิจของทรูจากเดิมมากขึ้นและการปรับเปลี่ยนจากรูปแบบการให้บริการจากผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน มาเป็นผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมอย่างครบวงจร ที่สามารถรองรับต่อวิถีชีวิตประจำวันได้ อาทิ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบรนด์ (ทรู ออนไลน์) บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ทรูมูฟ) การให้บริการคอนเทนต์ (ทรูเวิลด์) เป็นต้น
"ระยะเวลาที่ใช้ก่อตั้งแบรนด์ทรูมา 2 ปีนั้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้มาจากพนักงานภายในองค์กรเป็นส่วนร่วมที่ช่วยผลักดันจนถึงความสำเร็จ"
ทั้งนี้ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในการที่ทรู ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขัน การให้บริการ และวิสัยทัศน์ใหม่เราได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อทำความเข้าใจ กับทั้งลูกค้าและกับพนักงานเอง เพื่อเป็นการสื่อให้คนอื่นเห็นว่าทรูเป็นบริษัทที่ตั้งใจและจริงใจที่ทำธุรกิจนี้ และอยากให้คนไทยสนับสนุนบริษัทของคนไทยอย่างทรู ซึ่งถ้าประเมินผลความสำเร็จ ซึ่งในขณะนี้สำเร็จไปแล้ว 50% และอีก 12-18 เดือนข้างหน้าเชื่อว่าจะสามารถทำได้ถึง 75-80% ในส่วนต่างจังหวัดเชื่อว่าจะเห็นเยอะขึ้นภายหลังจากที่ทรูได้ผสมผสานบริการร่วมกับยูบีซี
ขณะเดียวกันทรูได้มีการปรับเปลี่ยนการตกแต่งภายในสถานที่ทำงานภายในอาคารทรู ให้เป็นรูปแบบของไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจให้กับคนในองค์กร โดยใช้เงินเป็นจำนวนกว่า 100 ล้านบาท โดยมีการตกแต่งมุมต่างๆ ของแต่ละชั้น ซึ่งรายละเอียดของแต่ละบริการ อาทิ กีฬา ทำสมาธิ เกมออนไลน์ สปา มุมกาแฟ เพื่อให้กลุ่มพนักงานสามารถเข้าถึงรูปแบบบริการของทรู และใช้เป็นที่ศึกษาบริการต่างๆ ที่ทรูพัฒนารองรับให้บริการแก่ลูกค้า
|
|
|
|
|