|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
slc ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายโต 10% จากปี 48 ชี้ธุรกิจซอร์ฟแวร์ยังเป็นรายได้หลัก มั่นใจการเมืองยื้อไม่กระทบ แต่หากยาวไปถึงปี 50 กระทบแน่ แจงขายหุ้น “ ทอร์ราไบท์ เน็ท โซลูชั่น ” เพราะต้นทุนการจ้างบุคลากรสูง แต่กำไรต่ำและไม่ต้องการแบกรับภาระการค้ำประกันเงินเพื่อใช้ในการขยายงาน
นายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) (SLC) เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ระดับเกิน 10 % จากปี 48 ที่มีรายได้รวม 111 ล้านบาท โดยปีนี้คาดว่าน่าจะมียอดขาย 120 ล้านบาท แม้ว่าปัญหาทางการเมืองจะยืดเยื้อก็ตาม
“ผมเชื่อว่า เราจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาครัฐ หากว่าการเมืองยังไม่ยื้อไปจนถึงปีหน้า และขณะนี้เราได้ปรับโครงสร้างรายได้ของเราเป็นจากรัฐต่อเอกชนคือ 60 %ต่อ 40% จากเดิมที่รายได้ของเราอยู่ที่ 80 %ต่อ 20% ตามลำดับ ” นายนิทัศน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม SLC ก็ยังหวั่นต่องบประมาณที่แม้ว่ารัฐได้อนุมัติงบประมาณในหลายโครงการไปแล้ว แต่เมื่อมีปัญหาหรือปรับเปลี่ยนรัฐบาลใหม่อาจมีการดึงงบประมาณกลับคืน จะส่งผลให้งานที่ได้รับมอบหมายหรืองานที่กำลังจะเข้าประมูลอาจหยุดชะงักลงหรือชะลอตัวไปก่อน อันจะส่งผลให้กระทบต่อการดำเนินงานบ้าง
โดยปีนี้ SLC จะรุกธุรกิจซอร์ฟแวร์ยังเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท ขณะที่ฮาร์ดแวร์นั้นจะเป็นส่วนน้อย ซึ่งระบบที่ SLC ดำเนินการให้กับภาครัฐคือระบบ ERP หรือระบบบริหารทรัพยากรขององค์กร ซึ่งภาครัฐจะคุมระบบงบประมาณและบัญชีของรัฐ ที่ก่อนหน้านี้การวางระบบจะทำเพียงระหว่างหน่วยงานลิงค์โดยตรงกับภาครัฐ แต่พอมาระบบนี้แล้ว ภาครัฐจะคุมหน่วยงานรัฐได้อย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ยังมีงาน GSMIS หรือ สำนักงานอัตโนมัติที่รัฐต้องการให้หน่วยงานแต่ละแห่งสามารถซัพพอร์ทงานกันได้อย่างทั่วถึง
ดังนั้นรายได้ของบริษัทปีนี้ จึงจะมาจากธุรกิจซอร์ฟแวร์เป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งการรุกในสำนักงาน อัตโนมัติและ EASY QUICK ซึ่งธุรกิจอันหลังนี้พบว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมาก ซึ่งปัจจุบัน SLC จะหันไปบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น พร้อมกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รองรับความต้องการของลูกค้าด้วย ที่สำคัญธุรกิจนี้มีกรอสมาร์จิ้นสูง
“จากที่ผมพูดไว้เมื่อปีที่แล้ว ที่มองว่า EASY QUICK จะเป็นตัวทำรายได้ของเราอีกทางหนึ่ง ซึ่งเท่าที่ผ่านมา 4 เดือนเราทำรายได้แล้ว 6 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่เราคาดไว้ เราจึงจะรุกหาลูกค้าในต่างประเทศ อย่าง เวียดนาม มาเลเซีย และเราไปลุยสหรัฐฯ นิวซีแลนด์ด้วย ” นายนิทัศน์กล่าว
สำหรับกรอสมาร์จิ้นของยอดขายอยู่ที่ 25% แต่บางครั้ง บางโครงการที่รับมาเมื่อติดตั้งสินค้าหรือเมื่อขายได้จะพบว่าอาจต่ำอยู่ที่ประมาณ 10% เท่านั้น เนื่องจากมีการแข่งขันสูงและบางครั้งก็ยอมขายในราคาที่ต่ำลง เอากำไรเพียง 3-4% เท่านั้น ขณะที่รายได้จากธุรกิจซอร์ฟแวร์ 75% ที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจฮาร์ดแวร์ ซึ่งปีนี้ BSC WORK FLOW ก็เป็นอีกโปรแกรมใหม่ที่ในต่างประเทศมีการใช้กันมากในปัจจุบัน ดังนั้น ปีนี้ บริษัทจะเน้นไปยังงานระบบ ERP ภาครัฐจะชัดเจนขึ้น
นายนิทัศน์ กล่าวถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 ว่าได้มีอนุมัติให้ขายเงินลงทุนใน บริษัท เทอร์ราไบท์ เน็ท โซลูชั่น จำกัด และคณะกรรมการมีมติให้นำเสนอแจ้งเพื่อทราบในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2549 พร้อมทั้งถอนภาระการค้ำประกันทั้งหมดของ บริษัท เทอร์ราไบท์ เน็ท โซลูชั่น จำกัด ที่มีต่อสถาบันการเงินตามสัดส่วนการถือหุ้น
เนื่องจากการลงทุนในบริษัทดังกล่าว แม้ว่าก่อนหน้านี้เคยกล่าวไว้ว่าการลงทุนในบริษัทดังกล่าว จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัท แต่เมื่อโดยรวมแล้วพบว่ายอดขายและการเติบโตของบริษัทโตขึ้นเรื่อย ๆ และ SLC ในฐานะผู้ถือหุ้นและต้องค้ำประกันเงินกู้เพื่อมาใช้ในการดำเนินงานของเทอร่าไบท์ เน็ทโซลูชั่น จำกัด
“เขาโตขึ้นเรื่อย ๆ เราก็ต้องค้ำประกันวงเงินให้เขาเพิ่มตามจำนวนที่เขาโต เช่นหากเขาต้องการให้เราเข้าค้ำประกันเงินเป็นหลักร้อยล้านบาท เราก็คงรับไม่ไหว เพราะเราเองก็ยังต้องทำงานและบริษัทของเราก็ไม่ใช่บริษัทใหญ่โต ที่จะช่วยเหลือได้มากขนาดนั้น ปกติเราก็โตแบบค่อยเป็นค่อยไปอยู่แล้วด้วย แต่แม้เราจะขายหุ้นออก เรายังเป็นพันธมิตรทางการกันอยู่ ส่วนหนึ่งของการขายหุ้นออก เนื่องจากมีต้นทุนในด้านการจ้างบุคลากรในอัตราที่สูง แต่มีอัตรากำไรของธุรกิจที่ต่ำ ” นายนิทัศน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของปี 48 บริษัทยังพบว่ารายได้โตต่อเนื่อง แม้จะไม่ก้าวกระโดดก็ตาม ขณะที่กำไรงวดสิ้นปี 48 ลดลงเกือบ 45% เนื่องจากเกิดความล่าช้าในการสั่งซื้อสินค้าและติดตั้งจากลูกค้า อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จากการส่งเสริมการขายและเพิ่มบุคลากรเพื่อรองรับการขยายงาน
|
|
|
|
|