|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บิ๊กปทุมดีไซน์ ฟันธงยอดขายตลาดรวมรับสร้างบ้านหดตัว หลังลูกค้ากว่า 50% ชะลอสร้างบ้าน เหตุผลกระทบการเมือง บั่นทอนความเชื่อมั่นลูกค้า ส่งผลกลุ่มลูกค้าชะลอตัดสินใจสร้างบ้านออกไปในปี50 กว่า 30-40% ชี้แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยบวกปัจจัยลบ ส่งผลกลุ่มลูกค้าที่ใช้เงินกู้สร้างบ้าน100% หายจากตลาด คาดครึ่งปีหลังตลาดจะเริ่มกลับมา เชื่อเป้าตลาดรวมทั้งปีไม่ถึง8,500ล้านบาท แจงผลประกอบการ3เดือนแรก42-50ล้านบาทตามเป้า พร้อมเร่งปรับกลยุทธ์ เน้นระบบCRM รักษาฐานลูกค้าเก่าช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด เปิดเผยถึงตลาดรับสร้างบ้านโดยรวมในช่วงไตรมาสแรกของปี2549 ว่า จากการเก็บข้อมูลและการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ในกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน พบว่า ผลกระทบด้านการเมือง ส่งผลต่อธุรกิจและผลประกอบการด้านยอดขายของทุกบริษัทค่อนข้างมาก โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่มียอดขายลดลงกว่า 50% เนื่องจากลุกค้าชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน เพื่อรอความชัดเจนของสถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจของประเทศ และรายได้ของผู้บริโภคเอง รวมถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย
ซึ่งจากการศึกษาและเก็บข้อมูลลูกค้าในช่วง 2-3 ปี โดยนับจากปี46 -47 พบว่ามีลูกค้าประมาณ 40% ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินในการก่อสร้างสร้างบ้าน100% ส่วนในปี48 มีจำนวนลูกค้าที่ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินในการก่อสร้างบ้านประมาณ 30% ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ใช้เงินสดในการสร้างบ้านเองมีอยู่ประมาณ 30% ส่วนที่เหลือ เป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้ทั้งเงินกู้บางและเงินเก็บในการก่อสร้าง ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ด้านการเมืองขึ้น ปรากฏว่ากลุ่มลูกค้าที่ใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินทั้ง100% ในการสร้างบ้าน มีการหยุดและชะลอการสร้างบ้านออกทั้งหมด
ดังนั้นในไตรมาสแรกของปีนี้ ตลาดจึงมีการหดตัวลง และไม่สามารถจะมียอดขายที่ขยายตัวได้เท่ากับไตรมาสแรกของปี2548ได้ ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายต้องยอมรับ และ พยายามรักษายอดขายที่เข้ามาไว้ให้ได้ เนื่องจากตลาดรับสร้างบ้านเป็นตลาดที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยลบที่เข้ามากระทบ เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่จะเข้ามาสร้างบ้านเอง จะเป็นกลุ่มที่ต้องการความเชื่อมั่นสูง โดยเฉพาะการสร้างบ้านซึ่งเป็นธุรกิจที่ยังจับต้องตัวบ้านไม่ได้ในทันทีทันใด เนื่องจากยังไม่เห็นตัวบ้าน หรือมีการก่อสร้างให้เห็น ดังนั้นความมั่นใจจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อลูกค้ากลุ่มนี้
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่หวังว่า หลังจากการเลือกตั้งไปแล้วความชัดเจนด้านการเมือง และเศรษฐกิจจะกลับมา รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เคยชะลอการตัดสินใจในการสร้างบ้าน ก็น่าจะกลับมาตัดสินใจสร้างบ้านใหม่เช่นกัน
โดยกลุ่มลูกค้าส่วนที่กลับมาตัดสินใจสร้างบ้านนั้นน่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าส่วนน้อยเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะทอยเพิ่มขึ้นมากในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ดียังมีผู้ประกอบการบางส่วนมองว่า ตลาดจะกลับมาจริงๆ ในช่วงต้นปี2550 เนื่องจาก คาดว่า มีกลุ่มลูกที่ชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไปในปี2550 นั้นมีจำนวนสูงถึง30-40% ทำให้ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งจึงยังไม่มีกิจกรรมด้านการตลาดใหม่ๆ ออกมาก
นายสิทธิพรกล่าวว่า สำหรับยอดขายของ ปทุมดีไซน์ฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายรวม 42-50 ล้านบาท จากเป้ายอดขายทั้งปีบริษัทวางไว้ที่ 300 ล้านบาท ยอดขายในช่วง3 เดือนแรกของปีนี้ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่นับจากช่วงนี้ไปบริษัทจะต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า และทำยอดขายให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีนี้รายได้ทั้งปีของบริษัทอาจจะตกเป้าไปเล็กน้อยเนื่องปัจจัยลบที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ การปรับตัวของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นการทำตลาดและนำระบบ CRM เข้ามาช่วยในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ที่เข้ามาใช้บริการกับบริษัท โดยเฉพาะการทำตลาดผ่านกลุ่มลูกค้าเก่า ซึ่งนอกจากจะเป็นการรักษาฐานลูกค้าของบริษัท และยังเป็นหารช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการบอกต่อของลูกค้าเก่าด้วยซึ่งวิธีนี้นับว่าเป็นวิธีที่ได้ผลค่อนข้างมาก เพราะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้าใหม่ให้เข้ามาสร้างบ้านกับ ปทุมดีไซน์ โดยที่ผ่านมาลุกค้าใหม่ประมาณ 40% จะมาจากการแนะนำของกลุ่มลูกค้าเก่าของบริษัท ซึ่งพอใจและมั่นใจกับบริการหลังการขายที่ได้รับ
" การให้บริการลูกค้าหลังการขายนี้ บริษัทมีการทำมานานแล้ว โดยบริษัทได้มีการจัดทีมให้บริการลูกค้าหลังการขายในช่วงประกันการก่อสร้างในระยะเวลา 3 ปีหลังจากสร้างบ้านกับเรา โดยทีมบริการหลังการขายนี้จะเข้าไปสอบถามและติดตามกลุ่มลูกค้าเก่าที่สร้างบ้านกับเรา และหากมีการชำรุดหรือเสียหายเกิดขึ้น ทีมช่างของเราก็จะเข้าไปช่วยซ่อมแซมให้ ทำให้ลูกค้าพอใจมาก ล่าสุดกลุ่มลูกค้าเก่าของเราในจังหวัดนครราชสีมา ที่เป็นกลุ่มนายแพทย์ มีการแนะนำกลุ่มลูกค้าแพทย์ให้มาสร้างบ้านกับเราครั้งเดียว3 หลังรวด ซึ่งก็นับว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มเก่าที่พอใจกับการให้บริการของเรา" นายสิทธิพรกล่าว
ก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ประกอบการคาดว่าในปี 2549 ภาพรวมของตลาดรับสร้างยังคงเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนคือประมาณ 15% จากตลาดรวมรับสร้างบ้านมูลค่า 7,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 8,400 ล้านบาทภายในปีนี้ หรือประมาณ 30% จากมูลค่ารวมของบ้านสร้างเองทั้งระบบ 3.5 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่าภายใน 5 ปี ธุรกิจรับสร้างบ้านจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 50% นั้น หลังจากที่มีผลกระทบด้านการเมืองเข้ามา คาดว่าอัตราการขยายตัวของตลาดโดยรวมทั้งปีน่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้าที่มีการประมาณไว้เล็กน้อย เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงปลายปีตลาดจะกลับมาขยายตัวได้ในสัดส่วนที่สูงพอสมควร
|
|
|
|
|