พระราม 3 เคยเป็นทำเลเด่นในช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และอับแสงตามตลาดบ้านจัดสรรที่ทรุดตัว รับอานิสงโครงการข่ายคมนาคมเชื่อมโยงเข้า-ออกเมืองสะดวก ทั้งทางด่วน ถนนวงแหวนรอบนอก และส่วนต่อขยาย BTS ส่งผลให้พระราม 3 กลายเป็นทำเลฮิตอีกครั้ง
ราคาที่ดินพุ่งพรวด 50% จากปี 47 ราคาแค่ไร่ละ 20 ล้านบาท เป็นไร่ละกว่า 30 ล้านบาท
คงยังจำกันได้ว่าบริเวณถนนพระราม 3 เคยเป็นทำเลทอง ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ และเมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้บริเวณดังกล่าวซบเซาตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อตลาดบ้านจัดสรรทรุดตัวลง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายชะลอ หรือหยุดการลงทุนไปเลย
ปัจจุบันทำเลย่านพระราม 3 กลายเป็นทำเลยอดฮิตอีกครั้ง เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง อีกทั้งการเดินทางยังสะดวก ด้วยโครงข่ายคมนาคมที่เชื่อมต่อกันอย่างลงตัว ทั้งเข้าและออกจากเมือง ที่มีทั้งทางด่วน วงแหวนอุตสาหกรรม และยังอยู่ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส ส่วนต่อขยายอีกด้วย
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ผู้ประกอบการจะแห่ไปจับจองพื้นที่ เพื่อลงทุนโครงการกันจำนวนมาก ทั้งรายเก่าและรายใหม่ ที่ยังเกาะกลุ่มลงทุนกันอย่างเหนียวแน่น สหวิริยา-ซิตี้ฯเจ้าถิ่น
ผู้ประกอบการยุคแรก ๆ ที่เข้าไปปักหลักลงทุนในย่านนั้น ได้แก่ กลุ่มสหวิริยา ที่มีโครงการขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ปัจจุบันเป็นทั้งที่พักอาศัย ค้าปลีก และออฟฟิศ ขณะที่กลุ่มซิตี เรียลตี้ ในเครือแบงก์กรุงเทพฯก็มีโครงการขนาดใหญ่ในย่านนั้น ซึ่งลงทุนเป็นที่พักอาศัยและค้าปลีกเช่นเดียวกัน ปัจจุบันยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขายด้วย ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีก่อน และยังมีแลนด์แบงก์เหลืออีกจำนวนมากพอที่จะลงทุนโครงการได้อีกอย่างน้อย 3-4 ปีข้างหน้า
รวมถึงบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่มีโครงการอาคารชุด ระดับกลางขายอยู่ในย่านนั้นด้วย และปัจจุบันอยู่ระหว่างลงทุนโครงการลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา เป็นคอนโดมิเนียม สูง 29 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 1,306 ยูนิต มูลค่าประมาณ 3,500ล้านบาท มียอดขายแล้ว จำนวน 878 ยูนิต
ในยุคหลัง ๆ เริ่มมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าไปลงทุน ได้แก่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน),บริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด ในเครือบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)ที่โดดเข้าไปลงทุนโครงการในย่านพระราม 3 (ดูตารางประกอบ)
โดยศุภาลัย ลงทุนพัฒนาโครงการ ศุภาลัย คาซา รีวา เป็นคอนโดมิเนียม ราคา 2.4 -2.8 ล้านบาท จำนวน 822 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 50-60%ส่วนบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดินในเครือเพอร์เฟค พัฒนาโครงการ The Pano ร่วมกับกลุ่มเซ็นเตอร์พ้อยท์ จากสิงค์โปร์ เป็นคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา สูง 55 ชั้น ราคาตารางเมตรละ 80,000 บาทขึ้นไป จำนวน 397 ยูนิต มูลค่าโครงการเฟส 1 ประมาณ 4,400 ล้านบาทปัจจุบันมียอดขาย 30 % นอกจากนี้ภายในบริเวณโครงการจะมีพื้นที่ค้าปลีก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้พักอาศัยด้วย
ขณะที่บริษัท เอเชี่ยนฯได้ลงทุนโครงการบ้านกลางกรุงแกรนด์ เวียนนา พระราม 3 เป็นทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยวสไตล์เวียนนา บนถนนพระราม 3 จำนวน 229 ยูนิต เป็นทาวน์เฮาส์ จำนวน 205 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 6-7.3 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว จำนวน 24 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 21 ล้านบาท มูลค่า 1,770 ล้านบาท
อีสเทอร์นฯเร่งปั๊มยอดขาย
ส่วนบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้เร่งสร้างยอดขายโครงการThe Star Estate & Rama 3 หลังจากที่เปิดขายในราวกลางปี 2547 ปัจจุบันมียอดขาย 50% โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ริมถนนพระราม 3 พื้นที่ 3 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 19 ชั้น จำนวน 227 ยูนิต ราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 60,000 บาท มูลค่า 950 ล้านบาท
แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า บนถนนพระราม 3 เป็นทำเลที่ดี เพราะอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ในย่านธุรกิจ อาทิ สาทร สีลม สุขุมวิท อีกทั้งการเดินทางยังสะดวกด้วยระบบโครงข่ายคมนาคมที่สมบูรณ์เชื่อมต่อกัน ทำให้สามารถเดินทางเข้าเมือง หรือออกจากเมืองได้สะดวกที่สำคัญยังอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งผู้ประกอบการสามารถลงทุนโครงการคอนโดมิเนียม หรูหรา ราคาแพงได้ เพราะยังมีความต้องการอีก โดยเฉพาะนักธุรกิจต่างชาติที่ต้องการพักอาศัยในทำเลที่ดี ไม่แออัด และการเดินทางสะดวก
นอกจากในย่านพระราม 3 แล้ว บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยายังเป็นทำเลที่มีความต้องการที่พักอาศัยหรูหราอีกมาก เห็นได้จากมีผู้ประกอบการหลายรายเข้าไปลงทุนโครงการหลายแห่ง โดยบริษัท ไรมอนแลนด์ก็กำลังจะลงทุนโครงการขนาดใหญ่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งในเบื้องต้น จะมีทั้งที่พักอาศัย โรงแรม และพลาซ่า
แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวอีกว่า หลังจากที่ผู้ประกอบการแห่เข้าไปลงทุนโครงการในย่านพระราม 3 ทำราคาที่ดินในย่านดังกล่าว พุ่งสูงขึ้นทันที โดยในช่วงปี 2547 ที่ดินในย่านนี้ ราคาเฉลี่ยไร่ละ 18-25 ล้านบาท แต่ในปัจจุบันราคาพุ่งสูงขึ้นเป็นไร่ละกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่บอกว่า ในช่วงปี 2547 ซื้อที่ดินเพื่อทำโครงการบ้านกลางกรุงแกรนด์ เวียนนา พระราม 3 ราคาไร่ละประมาณ 20 ล้านบาท จึงสามารถทำทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยวในราคา 6-20 ล้านบาทได้ แต่ถ้าต้องซื้อที่ดินราคาที่สูงกว่านี้ คงไม่สามารถทำโครงการในลักษณะดังกล่าวได้
|