Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์3 มีนาคม 2549
ยนตรกิจดันเกียฝ่าพงหนามตลาดรถนั่งเล็ก             
 


   
www resources

โฮมเพจ ยนตรกิจ กรุ๊ป

   
search resources

ยนตรกิจ กรุ๊ป
Automotive




-เกีย PICANTO- RIO ปฏิบัติการชิมรางฟื้นตลาดรถนั่งเกาหลีในเมืองไทย
-ยนตรกิจหวั่นปัจจัยด้านราคาอาจทำให้แข่งขันรถญี่ปุ่นลำบาก เหตุไม่มีไลน์ผลิตในประเทศ

การเติบโตของตลาดรถยนต์เกาหลีใต้ในเมืองไทยที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน แม้จะไม่รุ่งโรจน์เหมือนธุรกิจ ภาพยนตร์ ละคร อาหาร หรือจนถึงเทคโนโลยี แต่ก็ไม่ถึงกับล้มฟุบเสียทีเดียว ปัจจุบันรถยนต์จากเกาหลีที่ยังคงทำตลาดได้มีเพียงแบรนด์ เกีย ที่นำเข้าโดยบริษัท ยนตรกิจเกีย มอเตอร์ จำกัด ในเครือของกลุ่มยนตรกิจ และดูจะยังคงเป็นเกาหลีเพียงแบรนด์เดียวที่ยังคงขยายตลาด เท่ากลางสถานการณ์การแข่งขันรุนแรงกับรถยนต์จากค่ายญี่ปุ่น

ปัจจัยสำคัญอันหนึ่งของรถยนต์จากเกาหลี ที่เสียเปรียบรถยนต์จากญี่ปุ่นยังคงเป็นเรื่องของราคา เนื่องจากในขณะนี้ รถยนต์เกีย ยังไม่มีโรงงานผลิตในประเทศ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาข้อเสียเปรียบดังกล่าวได้ ซึ่งทางผ่านมา เกีย ใช้กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่เน้นความแตกต่างจากคู่แข่ง คือ การหลีกเลี่ยงการทำตลาดในเซ็กเมนท์ที่มีการแข่งขันรุ่นแรง และหันไปเน้นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากคู่แข่ง

เมื่อไม่มีคู่แข่ง ก็ไม่มีการเปรียบเทียบในเรื่องราคา เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นระยะหลัง เกีย ภายใต้การทำตลาดของกลุ่มยนตรกิจ หันไปทุ่มเทให้กับรถปิกอัพขนาด 1.5 ตัน คือ K2700 ซึ่งเป็นปิกอัพที่ค่อนไปทางรถบรรทุกใหญ่ เป็นการสอดแทรกตลาดการขนส่งที่ยังไม่มีค่ายรถค่ายไหนรุกตลาดอย่างจริงจัง หรือที่มีอยู่ในตลาดที่ผ่านมาก็เป็นรถบรรทุกมือสองจากประเทศจีน สามารถพูดได้ว่า ปัจจุบัน K2700 น่าจะเป็นตลาดหลักของรถยนต์เกียในเมืองไทย

แต่ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 27 ที่ผ่านมา เกียมีการนำรถยนต์ 3 รุ่นเข้ามาเปิดตัวได้แก่ KIA GRAND CARNIVAL, KIA RIO และ KIA PICANTO โดย GRAND CARNIVAL เป็นรถยนต์แบบเอ็มพีวี 11 ที่นั่ง เครื่องยนต์ดีเซล รุ่น J 2.9 CRDi ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 3,700 รอบต่อนาที แรงบิด 35.0 กก.-ม.ที่ 2,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ช่วงล่างแม็คเฟอร์สันสตรัท และอิสระแบบมัลติลิงค์ พร้อมระบบดิสก์เบรก และระบบ ESP กับระบบ VRS

ขณะที่ RIO นั้นเป็นรถยนต์นั่งขนาด คอมแพ็กต์ ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.6 ลิตร 16 วาล์ว เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูง พร้อมระบบปรับวาล์วแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 14.9 กก.-ม.ที่ 4,500 รอบต่อนาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 176 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท หลังแบบกึ่งอิสระ Transverse torsion พร้อมเหล็กกันโคลง-โช๊คอัพแก๊สหน้า-หลัง

ส่วน KIA PICANTO นั้นเป็นรถยนต์ประเภทประหยัดน้ำมัน แต่คงแนวคิดแบบรถยนต์เอนกประสงค์ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.1 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 64 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 9.6 กก.-ม. ที่ 3,000 รอบ/นาที แต่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 152 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ชนิด Variable Force Solenoid (VFS) ควบคุมด้วยระบบอิเลคทรอนิคส์

โดยทั้ง 3 รุ่นนี้ทาง สาธิต เตชะลาภอำนวย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด บอกว่า ในรุ่น GRAND CARNIVAL จะเป็นตัวหลักของผลิตภัณฑ์รถยนต์จากเกาหลี โดยคาดว่า จะสามารถทำยอดขายได้ราว 400 คันต่อปี หรือเดือนละ 30-40 คัน ส่วน PICANTO และ RIO นั้น จะไม่ทำตลาดอย่าจริงจัง เนื่องจากเป็นรถนำเข้า ยังไม่มีไลน์ผลิตหรือประกอบในประเทศไทย ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับรถคอมแพ็กต์ จากญี่ปุ่นได้

อย่างไรก็ตามแม้ยนตรกิจจะไม่เน้นการทำตลาดรถยนต์ 2 รุ่นหลัง แต่เชื่อว่า หากทั้ง 2 รุ่นสามารถสร้างกระแสได้ หรือเกิดความต้องการในตลาดเมืองไทยขึ้นมา ทั้ง PICANTO และ RIO ก็อาจจะกลายเป็นรถธงให้กับเกีย ในเมืองไทยได้ โดยเฉพาะรุ่น PICANTO ซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดเล็กและเน้นความประหยัดน้ำมัน และยังเป็นรุ่นที่ยังไม่มีคู่แข่งในตลาด คาดว่ารถรุ่นนี้จะมีราคาอยู่ที่ประมาณคันละ 600,000 บาทเศษ

นอกจากนี้ทั้ง PICANTO และ RIO จะเป็นการพิสูจน์กระแสรถยนต์นั่งจากเกาหลีใต้อีกครั้งว่าจะสามารถฝ่าขวากหนาม และก้าวสู่แบรนด์รถยนต์ชั้นนำในเมืองไทยได้มากน้อยเพียงใด ท่ามกลางกระแสกิมจิ ฟีเวอร์ในเมืองไทยเวลานี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us