|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แซนดิสก์ชูจุดขาย "ความจุสูง ประสิทธิภาเหนือชั้นและเทคโนโลยีชั้นสูง" เข้าสู้ไม่หวั่นแม้คู่แข่งอย่างคิงส์ตันดัมพ์ราคาเข้าใส่ หวังผลสร้างส่วนแบ่งตลาด ส่งผลราคาการ์ดตกลงกว่า 50% คาดแนวโน้มความต้องการผู้บริโภคเปลี่ยนมาเล่นความจุ 512 เมกกะไบต์แทน 256 เมกกะไบต์ ส่งผลให้เกิดดัมพ์ราคาอีกระลอก ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายแซนดิสก์ 800-1,000 ล้าน
ไมตรี เนตรมหากุล รองประธาน บริษัท อีพีเอส ไอที พลัส จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สื่อบันทึกข้อมูลดิจิตอล "แซนดิสก์" กล่าวถึงสภาพตลาดในปีที่ผ่านมาว่า เมื่อปีที่แล้ว ทางบริษัทมียอดขาย "แซนดิสก์" ในตลาดเอสดีการ์ดเติบโตขึ้นประมาณ 60% โดยในปีนี้ทางบริษัทฯ พยายามรักษาอัตราการเติบโตดังกล่าวเอาไว้ จึงมีแผนที่จะนำนวัตกรรใหม่ๆ ของแซนดิสก์เข้ามาเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการสูญเสียมาร์เก็ตแชร์ให้กับคู่แข่ง
"คู่แข่งที่สำคัญในตลาดเอสดีการ์ดของแซนดิสก์ก็คือ คิงส์ตัน เพราะในปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ทางแซนดิสก์สูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับคิงส์ตันค่อนข้างมากพอสมควร อันเป็นผลมาจากนโยบายทางการตลาดของคิงส์ตันที่ออกนโยบายในการสร้างส่วนแบ่งการตลาด จึงเห็นว่า ราคาสินค้าของคิงส์ตันลดลงค่อนข้างเยอะมาก"
จากแนวทางการทำตลาดด้วยการดัมพ์ราคาหน่วยบันทึกข้อมูลลงมาของคิงส์ตันส่งผลให้คิงส์ตันมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระดับราคาที่ไต่เพดานลดลงในช่วงปีที่ผ่านมามีถึงกว่า 50% แต่จากการที่แซนดิสก์ที่ถือว่า ผู้นำในด้านนวัตกรรมการผลิตหน่วยบันทึกข้อมูลรายหนึ่งของโลกไม่ต้องการลงไปเล่นในเกมดังกล่าว แต่ด้วยสภาพการแข่งขันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าจะต้องลดราคาสินค้าของตนเองลงมาเพื่อปกป้องฐานลูกค้าที่มีอยู่ให้หันไปใช้สินค้าของคู่แข่ง
"เมื่อคู่แข่งหันมาเล่นเรื่องราคากันหมด ทำให้แซนดิสก์ต้องปรับราคาตามลงมา แต่โดยแนวโน้มแล้วแซนดิสก์คงไม่ปรับราคาลงไปทำตลาดสู้กับคู่แข่ง การปรับราคาแต่ละครั้ง ทางบริษัทแม่ของแซนดิสก์จะเป็นผู้กำหนด และทางบริษัทฯ เองก็ต้องการสนับสนุนให้คู่ค้าสามารถทำกำไรได้โดยไม่เจ็บตัว หรือมีส่วนแบ่งรายได้ที่พอจะมีกำไรบ้าง"
ไมตรียังบอกอีกว่า ทางแซนดิสก์เชื่อว่า แม้จะลดราคาขายลงมา แต่ก็เชื่อว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายโดยรวม ดูได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดกล้องดิจิตอลที่ปัจจุบันมีความต้องการกล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดสูงกว่า 5 ล้านพิกเซล ทำให้ความต้องการในการเก็บข้อมูลเพิ่มสูงตามมาด้วย
"ถ้าติดตามข่าวของแซนดิสก์เมื่อปีที่แล้ว จะเห็นว่าแซนดิสก์ไม่ค่อยมีสินค้าวางขายในตลาดเนื่องจากทางแซนดิสก์เน้นส่งสินค้าป้อนตลาดยุโรปและอเมริกาเป็นหลัก แต่ปีนี้หลังจากที่ทางแซนดิสก์ได้ทำการเปิดโรงงานผลิตใหม่ร่วมกับโตชิบาที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงงานที่มีกำลังผลิตสูงสำหรับส่งออกนอกประเทศ และจะเริ่มผลิตเมมโมรี่การ์ดที่ขนาดความจุ 512 เมกกะไบท์ออกสู่ตลาดมากนัก อันเป็นผลมาจากแซนดิสก์มองเห็นแนวโน้มความต้องการในตลาดที่จะมุ่งสู่หน่วยบันทึกข้อมูลขนาดดังกล่าวแทน"
ไมตรียังย้ำอีกว่า ปีนี้ แซนดิกส์คงไม่มุ่งเน้นไปเล่นในเรื่องของราคา จะเห็นว่าเวลานี้มีผู้ผลิตบางรายคาดการณ์ว่า การ์ดความจุ 256 เมกกะไบท์จะยังมีความต้องการอยู่จนถึงกลางปีนี้ แต่จริงๆ แล้ว เริ่มมีแนวโน้มว่าเดือนหน้าก็จะหายไปจากตลาดแล้ว ดังนั้นในขณะที่คู่แข่งยังประเมินตลาดว่า มีความต้องการขนาดความจุ 256 เมกกะไบท์อยู่ แต่เราจะขยับไปเล่นในระดับความจุ 512 เมกกะไบท์แทน :ทำให้แซนดิสก์ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ราคาเข้าสู้
"จะเห็นว่า ราคาการ์ดความจุ 256 จะลดลงอย่างรวดเร็วเพราะการคาดการณ์ตลาดที่ผิดพลาด"
ปัจจุบัน คนไทยมีการตอบสนองต่อเทคโนโลยีต่างๆ เร็วขึ้น ดังจะเห็นได้จากอุปกรณ์ต่างๆ มีช่องสำหรับเชื่อมต่อเมมโมรี่การ์ดเพิ่ม อาทิ กล้องดิจิตอล พีดีเอ แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือที่สามารถเพิ่มหน่วยบันทึกข้อมูลได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยผลักดันให้ตลาดเติบโตเร็วขึ้น อีกทั้งคาดการณ์ว่าเทรนของหน่วยความจำในเครื่องพีซีหรือโน้ตบุ๊กจะเปลี่ยนไปเป็นแฟลชสตอเรจแทนที่ฮาร์ดดิสก์ เนื่องจากโน้ตบุ๊กมีขนาดเล็กลง
รองประธาน บริษัท อีพีเอส ไอที พลัส จำกัดยังได้ประเมินมูลค่าตลาดหน่วยบันทึกข้อมูลในประเทศไทยว่า ปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมทั้งตลาดประมาณ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ประเมินไว้ทั้งสิ้น 3 พันล้านบาท เป็นผลจากการที่ปีที่แล้วตลาดกล้องดิจิตอลเติบโตประมาณ 7-8 แสนตัว ส่วนมือถือมียอดขายมากว่า 7 ล้านเครื่อง ดังนั้นในส่วนของแซนดิสก์มั่นใจว่าจะมีอัตราเติบโตเกิน 15% อย่างแน่นอน โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 800-1,000 ล้านบาท
"แซนดิสก์มีส่วนแบ่งทางการตลาดในปี 2547 อยู่ที่ประมาณ 35% ส่วนในปีที่แล้วยังรอตัวเลขสรุปอย่างเป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ทางแซนดิสก์จะเน้นแข่งขันในแง่ของขนาดของหน่วยบันทึกข้อมูลที่มีความจุสูงๆ มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่สูงและไฮอัลตร้า เอ็กซ์ตรีม "
ไมตรียังบอกอีกว่า "เราจะเพิ่มชอปแบบเอาท์เล็ตให้มากขึ้น รวมทั้งสนับสนุนพาร์ทเนอร์ในการทำกิจกรรมทางการตลาด และพยายามกระจายสินค้าไปตามร้านค้ากล้องทั่วประเทศ ตามกลยุทธ์ของผู้ค้ากล้องที่ปีนี้พยายามกระจายกล้องไปตามต่างจังหวัด ต่างจากปีที่ผ่านมาที่จะกระจุกตัวอยู่เฉพาะในกรุงเทพ และหัวเมืองใหญ่ๆ"
|
|
|
|
|