เอไอเอสเซ็นสัญญา 5 เวนเดอร์ 5 พันล้านบาทขยายเครือข่ายทั่วประเทศมุ่งเน้นการเพิ่มความจุรองรับปริมาณการใช้โทรศัพท์ที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าการเน้นเรื่องจำนวนเลขหมายที่รองรับ พร้อมปรับโฉม GPRS ขยายทั้งความจุและความเร็วให้เพิ่มขึ้น 2 เท่า

นายวิกรม ศรีประทักษ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี (CTO) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอสกล่าวว่าเอไอเอสได้เซ็นสัญญากับ 5 เวนเดอร์ประกอบด้วยอีริคสัน เอ็นอีซี หัวเหว่ย โนเกีย และซีเมนส์ รวมมูลค่า 120 ล้านเหรียญหรือประมาณ 4.8-5 พันล้านบาทในการขยายเครือข่าย หลังจากต้นปีเอไอเอสใช้เงินแล้วประมาณ 40 ล้านเหรียญหรือประมาณ 1.5-1.6 พันล้านบาทในการขยายเครือข่าย โดยที่ครึ่งปีแรกเอไอเอสตั้งงบประมาณไว้ทั้งหมด 200 ล้านเหรียญหรือ 8 พันล้านบาท

“หลังจากเซ็นสัญญากับเวนเดอร์ทั้ง 5 รายแล้ว เราจะเหลือเงินอีกประมาณ 40 ล้านเหรียญหรือ 1.6 พันล้านบาท ที่จะใช้สำหรับขยายเครือข่ายเพิ่มเติมภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า โดยเวนเดอร์ทั้ง 5 รายจะทยอยติดตั้งซึ่งจะสามารถให้บริการได้ภายในเดือนมิ.ย.หรือก.ค.นี้”

เขาย้ำว่าปี 2549 เอไอเอสจะขยายเครือข่ายต่อไปไม่ว่าจะมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้นหรือลดลง เนื่องจากปริมาณการใช้งานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับเหตุผลที่เอไอเอสใช้เงินประมาณ 8 พันล้านบาทขยายเครือข่ายในครึ่งปีแรก เพราะ

1.เกิดชุมชนใหม่ ถนนตัดใหม่ หรือเขตอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ถึงแม้จะมีสถานีฐานครอบคลุมหรือสัญญาณดีอยู่แล้ว แต่เอไอเอสก็จะต้องเพิ่มช่องสัญญาณเพื่อให้มีการใช้งานสะดวกขึ้นเพราะเมื่อเกิดชุมชนใหม่ หรือแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ก็จะมีปริมาณการใช้โทรศัพท์เพิ่มสูงขึ้น อย่างหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาว จว.แม่ฮ่องสอน ป่าละอู จว.ประจวบคีรีขันธ์ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จว.อยุธยา

2.พัฒนาคุณภาพเครือข่ายใน 2 มิติคือการเพิ่มจำนวนความจุ หมายถึงต้องมีช่องสัญญาณเพียงพอในการใช้งานและต้องมีคุณภาพและสัญญาณเสียงที่ดี โทรไม่ติดขัด

และ 3.มีการปรับปรุงคุณภาพของ GPRS เนื่องจากปัจจุบันมีลูกค้าของเอไอเอส 4 ล้านรายที่ใช้บริการสื่อสารข้อมูล GPRS ทำให้เอไอเอสต้องมีการปรับปรุงในเรื่องจำนวนช่องสัญญาณที่กำหนดให้เป็น GPRS เพื่อการสื่อสารข้อมูลโดยเฉพาะ และมีการนำเทคโนโลยีการเข้ารหัสแบบใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มความเร็วให้ GPRS จากปัจจุบันที่ความเร็วประมาณ 10 K ก็จะเพิ่มความเร็วได้เท่าตัวหรือเกือบ 20 K

“การขยายเครือข่ายครั้งนี้ เป้าหมายเพื่อรองรับปริมาณการใช้งานเป็นหลัก มากกว่าที่จะดูว่ารองรับได้กี่เลขหมาย”

นอกจากนี้เอไอเอสังเตรียมแผนปรับปรุงระบบไอทีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบบิลลิ่ง ระบบฐานข้อมูล การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) รวมทั้งเตรียมงบประมาณสหรับครึ่งปีหลังอีก 8 พันล้านบาทสำหรับการขยายและพัฒนาเครือข่ายตามความต้องการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนเตรียมการเพื่อรองรับเทคโนโลยี 3G ในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมของพนักงานให้มีความรู้ ความเข้าใจในการวางแผน การดูแลรักษา การเตรียมปรับโครงสร้างของ Infrastructure และบริการต่างๆ ให้สามารถใช้งานได้รับเทคโนโลยี 3G รวมทั้งเตรียมเครือข่ายปัจจุบันให้สามารถโรมมิ่งกับเครือข่าย 3G

“ถ้าได้ไลเซนต์ 3G เอไอเอสก็พร้อมลงทุนทันที เพราะครึ่งปีหลังเราเตรียมเงินไว้ 8 พันล้านบาท แต่หากเครือข่ายปัจจุบันต้องขยาย เราก็จะนำเงินดังกล่าวมาขยายเครือข่าย 2G ไปก่อน”