|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์เผยภาวะการเมืองวุ่นวายและเศรษฐกิจขาลง ส่งผลให้ลูกค้าชะลองานและทำเงินหายวูบ 15 ล้านบาท พร้อมสู้ปัจจัยลบปีนี้ลุยงานใหญ่ 6 งานและกระจายความเสี่ยงสู่ตลาดไมซ์และกลุ่มพิพิธภัณฑ์ รวมถึงจัดอีเวนต์เองเป็นครั้งแรก ประเดิมปีนี้มี 3 งาน พร้อมเตรียมลุยงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ คาดยอดรายได้กว่า 80 ล้านบาท ส่วนยอดขายรวมสิ้นปีคาดโต 10% และฟันกำไรเพิ่ม 5%
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาะวะเศรษฐกิจไม่ดีและการเมืองที่ไม่สงบในช่วงนี้ส่งผลให้ลูกค้าเอกชนหลายรายของบริษัทฯเริ่มที่ชะลอการจัดงานลงในช่วงไตรมาส 1และ2นี้ โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมนี้และเมษายนที่จะถึงคาดว่าจะมีการเลื่อนงานออกไปมาก ซึ่งเม็ดเงินส่วนที่หายไปนี้คิดเป็นมูลค่าเงินกว่า 15 ล้านบาท
ดังนั้นทางซีเอ็มฯพยายามสู้แรงต้านทานที่เกิดขึ้นด้วยการมุ่งเน้นความสนใจไปที่งานเมก้า อีเว้นท์หรืองานใหญ่ 5-6 งาน อาทิ ไตรมาสแรกงานตรุษจีนที่นครสวรรค์ และงานดีเอชแอล ซึ่งเป็นงานที่เกี่ยวกับธุรกิจไมซ์หรือการจัดประชุม คิดเป็นมูลค่ายอดรายได้ 60 ล้านบาท ส่วนไตรมาสสองมีงานมอเตอร์โชว์ที่จัดไปแล้วแต่ปิดยอดในช่วงนี้และงานโฮมโปร รวมถึงงานเฉลิมพระเกียรติในหลวงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และไตรมาส 3 มีงานไอซีที เอ็กซ์โป ซึ่งมียอดบิลลิ่ง 80 ล้านบาท และไตรมาสสุดท้ายมีงานใหญ่มหกรรมพืชสวนโลกฯ โดยคาดหมายว่ายอดรายได้ของการจัดงานจะมีประมาณ 80 ล้านบาท
ประกอบกับบริษัทฯให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ รวมถึงการจัดอีเวนท์ของตัวเอง ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 2-3 งาน อาทิ หัวหิน แจ๊สและมิสทีน อินเตอร์ฯ เป็นต้น โดยปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯ แบ่งเป็นเอกชน 70% และรัฐบาล 30%
"ปีนี้บริษัทฯกางขาเพื่อกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่นอย่างตลาดไมซ์และกลุ่มพิพิธภัณฑ์มากขึ้น โดยปีนี้ธุรกิจไมซ์มีอัตราการโตมากสุด จากการที่ได้ลูกค้าเอ็กซ์บิชั่นจากต่างประเทศ เช่น ดีเอชแอลหรือการประชุมนานาชาติที่มีการจัดประชุมในไทยปีนี้ หรืองานกลาสเทคที่ทางททท.ให้ซีเอ็มไปจัดงานที่ดูไบ สำหรับยอดรายได้ในกลุ่มธุรกิจไมซ์มีประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งถือว่าโตเท่าตัวหากเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนกลุ่มพิพิธภัณฑ์ก็มีการเติบโตขึ้น เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์มีการรีโนเวตพิพิธภัณฑ์ใหม่ ภายใต้งบ 20 ล้านบาท เป็นต้น"
สำหรับงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ที่บริษัทฯได้รับมอบหมายจากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และบริษัทรี้ด เทรดเดกซ์ จำกัดในการเป็นAppointed Service Provider หรือผู้ให้บริการที่ได้รับการแต่งตั้งของงานนี้ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 1 พ.ย. 49-31 ม.ค. 50 ที่เชียงใหม่
โดยความร่วมมือในงานนี้เป็นการผนึกกำลังของพันธมิตร 4 บริษัท ได้แก่ บริษัทซีเอ็มฯจะดูแลรับผิดชอบในการประสานงานระหว่างผู้ร่วมแสดงงานกับคณะผู้จัดงาน รวมถึงดูแลบริหารพื้นที่จัดงาน ,บริษัทแลนด์สเคป แพลนนิ่งดูแลในส่วนการดำเนินงานด้านการผลิต เช่น การจัดสวน ,จัดหาพันธ์ไม้ และการผลิตการแสดงและนิทรรศการ ฯลฯ และบริษัทไรท์แมนและบริษัทเอ็กซ์คอนรับผิดชอบในส่วนการแสดง
พื้นที่การจัดงานพืชสวนโลกมีกว่า 470 ไร่ โดยการบริการจะแบ่งเป็น อาทิ สวนเฉลิมพระเกียรติฯประเภทองค์กร โดยขณะนี้มีองค์กรที่เข้าร่วมกว่า 21 ราย ได้แก่ บริษัทเครือโภคภัณฑ์ จำกัด , บริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ฯลฯ และสวนนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งปัจจุบันมีต่างประเทศตอบรับเข้าร่วมงานกว่า 30 ประเทศแล้ว อาทิ ญี่ปุ่น,เนเธอร์แลนด์และสเปน
สำหรับยอดรายได้ปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 10% จากปีที่แล้วที่ปิดยอดรายได้ 560 ล้านบาท และมีกำไรปีนี้เพิ่ม 5% หลังจากที่ปีที่แล้วบริษัทฯมีกำไร 30 ล้านบาท ซึ่งถือว่าลดลงถึง 40% ส่วนภาพรวมตลาดออร์กาไนซ์ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโต 2-3% ปีนี้คาดว่าตลาดรวมทรงตัวและไม่โต เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองทำให้ทุกฝ่ายอยู่ในช่วงลังเล รวมถึงการที่ลูกค้าจัดตั้งออร์กาไนซ์เองหรือจ้างซับพลายเออร์โดยตรง โดยปัจจุบันซีเอ็มฯมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ 6%
|
|
|
|
|