Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2539
"วิโรจน์ นวลแข เมื่อจำเป็นต้องเชือด "เพื่อนบ้าน"             
 


   
search resources

ปราณบุรี พร๊อพเพอร์ตี้ส์
วิโรจน์ นวลแข




วิโรจน์ นวลแขต้องมาปรากฏในเรื่องของ "นิตยา วิรัชพันธุ์กับสุรพงษ์ ใจงาม" ในสองสถานะ

หนึ่ง - ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ จำกัด ซึ่งให้สุรพงษ์กู้ 45 ล้านบาทเพื่อทำโครงการปราณบุรี พร๊อพเพอร์ตี้

สอง - ในฐานะเพื่อนบ้านของปราณบุรี พร๊อพเพอร์ตี้ส์เพราะภัทรเรียลเอสเตทไปสร้างโครงการ "ภัทรมารีน่า ยอช์ทคลับ" ที่ปากแม่น้ำปราณบุรีเหมือนกัน ลักษณะโครงการคล้าย ๆ กัน

เพราะภัทรมารีน่าก็สร้างขึ้นตามความฝันของวิโรจน์ที่อยากจะสร้างเมืองที่จะรองรับกิจกรรมทางน้ำ เหมือนกับที่สุรพงษ์อยากจะสร้างปราณบุรีพร๊อพเพอร์ตี้เช่นกัน

วิโรจน์กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ในวันที่เขากำลังพักผ่อนที่ภัทรมารีน่า ท่ามกลางสายลมและเสียงคลื่นริมหาดว่า ภัทรเรียลเอสเตทเลือกพัฒนาโครงการที่ปากน้ำปราณ เพราะเห็นว่ารัศมีสองร้อยกิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ที่นี่ถือว่าดีที่สุด เพราะเป็นบริเวณที่มีแม่น้ำโดยธรรมชาติ เหมาะกับการทำมารีน่า

"ผมมาเจอที่นี่ เพราะผมอยู่หัวหินมานานและดูทำเลที่ปราณบุรีนี้ไว้นานแล้ว จนกระทั่งเห็นว่าชาวบ้านเห็นด้วยผมถึงลงมือทำ ที่ดินตรงนี้เราก็ซื้อจากชาวบ้านทั้งสิ้น ถือเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเราถึงทำ ถ้ามาแล้วทะเลาะแย่งซื้อที่ดินเราก็คงไม่ทำ" วิโรจน์กล่าว

กำนันเม้งเองก็ได้กล่าวถึงการเริ่มต้นของ 2 โครงการในฐานะคนท้องถิ่นว่า

"จุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันของทั้ง 2 โครงการก็คงพูดได้ว่า เริ่มต้นของสองโครงการนี้ เขามากันคนละทาง คุณสุรพงษ์มาทางเครื่องบิน แต่คุณวิโรจน์มาทางเรือ ซึ่งผมก็เห็นว่าถ้าทั้งสองโครงการพัฒนาขึ้นมามันก็ดีกับปากน้ำปราณทั้งนั้น"

ภัทรมารีน่า นอกจากจะเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับของบริษัทปราณบุรีฯ แล้วยังเชื่อได้ว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ทำให้ปราณบุรีเป็นสถานที่น่าสนใจและรู้จักกันมากขึ้นอีกในอนาคต ทั้งบุคคลภายนอกพื้นที่และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้นิยมกีฬาแล่นเรือต่าง ๆ เพราะที่นี่จะถูกพัฒนาให้เป็นคอมเพล็กซ์ครบวงจรสำหรับกิจกรรมเรือและกีฬาทางน้ำ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนตามความฝันของวิโรจน์

ยิ่งเมื่อผนึกกับปราณบุรี พร๊อพเพอร์ตี้ส์ เมืองปราณบุรีก็อาจจะเป็นแหล่งชุมนุมเรือยอท์ชและสถานที่เล่นกีฬาทางน้ำใหญ่ที่สุดในประเทศก็ได้ !

แต่ปราณบุรีพร๊อพเพอร์ตี้สะดุด ภัทรมารีน่าจำต้องเดินไปข้างหน้าคนเดียวเวลานี้

ในฐานะเพื่อนบ้าน วิโรจน์กล่าวว่า โครงการปราณบุรีพร๊อพเพอร์ตี้ส์มีลักษณะโครงการที่หลากหลายมาก

"เดิมเขาจะทำมารีน่า พอมาระยะหลังเขาไม่ได้ทำจริงจังอย่างที่นี่ เพราะเขาทำหลายอย่าง พอเขาไปทำหลายกิจการแล้วเรื่องยอท์ชคลับเขาก็เลยบอกให้เราทำมากกว่า เพราะทางด้านนี้เขาก็ไม่ได้เข้ามาส่งเสริมอะไรมากก็หันไปส่งเสริมทางเครื่องบินรถแข่งอะไรของเขา สำหรับปราณบุรี ซิตี้ มารีน่า เดิมที่มีแนวคิดจะพัฒนาให้มีส่วนของมารีน่าในโครงการเหมือนกันนั้นก็มาเน้นเป็นลักษณะของที่พักอาศัยมากกว่า เช่นเดียวกับโครงการที่ทำเป็นที่อยู่อาศัยขายบ้าน มีเครื่องบินเล็กลง เป็นโครงการที่ต่างกัน ต่างพัฒนา แต่ส่งเสริมซึ่งกันและกันกับโครงการของภัทรมารีน่า" วิโรจน์กล่าว

"พอมีปัญหาก็ยังไม่มีโอกาสเจอกัน จากที่เมื่อก่อนก็เจอกันบ้างเพราะเขามาเล่นเรือเร็วที่โครงการ ก็แบบเป็นเพื่อนรู้จักกันที่นี่ กินข้าวด้วยกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน แต่ตอนนี้เรื่องสุรพงษ์อย่าให้วิพากษ์วิจารณ์เลย เพราะเป็นเรื่องทางกฎหมายแล้ว พูดไปแบงก์กรุงเทพก็เสีย เขาก็เสีย โครงการเขาเกือบ 1,000 ไร่แต่ใช้เงินที่เรียกว่าไม่รู้มาจากไหนมันเหลือเชื่อ" วิโรจน์กล่าวตบท้ายที่จะไม่พูดถึงเรื่องของสุรพงษ์ที่เป็นคดีอยู่พร้อมกับยืนยันว่าไม่เคยได้รับการชักชวนให้เป็น 1 ใน 30 ของลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้านในโครงการปราณบุรีฯ

แต่ในฐานะเจ้าหนี้ วิโรจน์กล่าวว่า ทางภัทรเรียสเตทเองนอกจากจะเคยเช่าที่ดินต่อจากสุรพงษ์สมัยที่เข้ามาทำโครงการเมื่อปี 2537 แล้วก็มีส่วนให้สินเชื่อกับโครงการปราณบุรีฯ โดยภัทรธนกิจ แต่ถือเป็นส่วนน้อย เพราะมีที่ดินอยู่แปลงเดียวที่ภัทรธนกิจเป็นผู้รับจดจำนอง ซึ่งบริษัทปราณบุรีฯได้นำที่ดินตรงข้ามอู่จอดเรือของภัทรธนกินที่ใกล้กับเขาเจ้าแม่ หรือบริเวณด้านหัวสนามบินปราณบุรี มาขอกู้ในวงเงินประมาณ 45 ล้าน สำหรับที่ดิน 200 กว่าไร่

"ของภัทรฯ เขากู้มีจำนำ ถ้าลูกค้าจำนำจำนองเราก็ดูว่าหลักการเขาไปได้ไหม จำนองที่ในราคาที่ถูกเราก็ยินดีรับ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ก็เห็นทำไปอย่างต่อเนื่องเนิ่น ๆ มันไม่ปรากฏว่ามีพิรุธ แต่ดู ๆ แล้ว เงินในการหมุนเวียนไม่น่าถึง 200 กว่าล้านนะ อย่างโครงการที่เราทำวงเงินยังหมุนที่ 100-200 ล้าน โครงการที่เขาทำเราก็คิดว่าเหมือน ๆ กัน คุณกู้บางส่วน ลงทุนบางส่วน อย่างกู้ภัทรฯ 45 ล้าน ลงของตัวเอกสัก 30-40 ล้าน โครงการก็น่าจะเดินแล้วค่อยขยับไปเรื่อย ๆ เราไม่นึกว่าเขาจะมีเงินกู้เยอะแยะ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ไปตรวจว่าจริง ๆ แล้วเขาเกิดมาอย่างไร เพราะโครงการทั้งหมดไม่ได้กู้อยู่กับเรา แต่ตอนนี้ดู ๆ แล้วเคลียร์ว่าโครงการทั้งหมดของเขาที่ลงไปคงจะประมาณ 600-700 ล้านบาท แต่ผมไม่แน่ใจ เพราะบางทีโครงการมันเนิ่นไป ดอกเบี้ยก็เพิ่ม" วิโรจน์ กล่าว

"ตอนนี้พอเขามีปัญหากับแบงก์กรุงเทพ เขาก็เริ่มติดขัดเพราะเวลามีข่าวลงหนังสือพิมพ์ใครก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย จริง ๆ แล้วเขาค่อนข้างจะลอยตัวไม่มีปัญหา แต่พอไปโยงกับเรื่องของไพรเวทแบงกิ้ง ทำให้เกิดเรื่อง แล้วรู้สึกจะมีปัญหาเกี่ยวกับทางด้านสินเชื่อ ตั้งแต่มีเรื่องฟ้องคุณนิตยา คุณสุรพงษ์ก็ยังติดต่อกันบ้าง เขาก็มาติดต่อเรื่องขอเวลาเคลียร์โน้นเคลียร์นี้ เพราะผมขอดูเอกสารเขา เขาก็ไม่ค่อยให้ดู ไม่ค่อยเห็นระบบได้ชัดว่ามีปัญหาอะไร ซึ่งผมคิดว่าเขาคงเอาเงินจากแบงก์กรุงเทพเป็นหลักใหญ่ แต่ก็ยังไม่รู้ด้วยวิธีการไหน มันยังไม่เคลียร์ เพราะเจ้าหนี้ข้างนอกมีน้อยมากที่ยังฟ้องกันอยู่" วิโรจน์กล่าวในฐานะเจ้าหนี้

ในส่วนของภัทรธนกิจ ซึ่งแม้จะมีที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่ ก็ได้ดำเนินการฟ้องปราณบุรี พร๊อพเพอร์ตี้ส์แล้วเช่นกัน หลังจากที่ไม่มีการชำระดอกเบี้ยเกิน 3 เดือน ซึ่งตามกฎของบริษัทก็จะฟ้องทันที และตอนนี้ยังคงอยู่ในช่วงดำเนินคดี ซึ่งวิโรจน์ยืนยันว่า สุรพงษ์ยังมีสิทธิ์เข้ามาเจรจาผ่อนผันได้ ดีกว่าการหลบหน้า

สำหรับเรื่องความรับผิดชอบของธนาคารต่อกรณีนั้นวิโรจน์ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องวิจารณ์ลำบาก เพราะอย่างกรณีนี้เอกสารต่าง ๆ พัวพันกันเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าทำไมจึงเกิดความหละหลวมมากจนเป็นปัญหา แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าคงขึ้นอยู่กับพนักงานและตัวลูกค้าที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะขึ้นอยู่กับแผนกไหน ตัวพนักงานถ้าตั้งใจโกง ก็สามารถทำได้ทุกคนขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล หรือเงื่อนไขเอกสารทางกฎหมายว่าใช้กันในรูปแบบใด

วิโรจน์สนทนากับ "ผู้จัดการ" ในวันนั้นอย่างสบายอารมณ์ ไม่มีแวววิตกกังวลกับเจ้าหนี้รายนี้ แต่สำหรับในฐานะเพื่อนบ้าน เขาก็คงอดคิดถึงเพื่อนบ้านรายนี้ อย่างน้อย ๆ มาแวะมาทักทายกันบ้าง โครงการจะได้ไม่สะดุด ความฝันที่จะสร้างปราณบุรีเป็นเมืองเรือยอชท์จะได้สำเร็จร่วมกัน

โอกาสเดียวกันก็จะได้ทวงหนี้ที่ค้างเสียด้วยเลย !

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us