วิโรจน์ นวลแขต้องมาปรากฏในเรื่องของ "นิตยา วิรัชพันธุ์กับสุรพงษ์
ใจงาม" ในสองสถานะ
หนึ่ง - ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ
จำกัด ซึ่งให้สุรพงษ์กู้ 45 ล้านบาทเพื่อทำโครงการปราณบุรี พร๊อพเพอร์ตี้
สอง - ในฐานะเพื่อนบ้านของปราณบุรี พร๊อพเพอร์ตี้ส์เพราะภัทรเรียลเอสเตทไปสร้างโครงการ
"ภัทรมารีน่า ยอช์ทคลับ" ที่ปากแม่น้ำปราณบุรีเหมือนกัน ลักษณะโครงการคล้าย
ๆ กัน
เพราะภัทรมารีน่าก็สร้างขึ้นตามความฝันของวิโรจน์ที่อยากจะสร้างเมืองที่จะรองรับกิจกรรมทางน้ำ
เหมือนกับที่สุรพงษ์อยากจะสร้างปราณบุรีพร๊อพเพอร์ตี้เช่นกัน
วิโรจน์กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ในวันที่เขากำลังพักผ่อนที่ภัทรมารีน่า
ท่ามกลางสายลมและเสียงคลื่นริมหาดว่า ภัทรเรียลเอสเตทเลือกพัฒนาโครงการที่ปากน้ำปราณ
เพราะเห็นว่ารัศมีสองร้อยกิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ที่นี่ถือว่าดีที่สุด เพราะเป็นบริเวณที่มีแม่น้ำโดยธรรมชาติ
เหมาะกับการทำมารีน่า
"ผมมาเจอที่นี่ เพราะผมอยู่หัวหินมานานและดูทำเลที่ปราณบุรีนี้ไว้นานแล้ว
จนกระทั่งเห็นว่าชาวบ้านเห็นด้วยผมถึงลงมือทำ ที่ดินตรงนี้เราก็ซื้อจากชาวบ้านทั้งสิ้น
ถือเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเราถึงทำ ถ้ามาแล้วทะเลาะแย่งซื้อที่ดินเราก็คงไม่ทำ"
วิโรจน์กล่าว
กำนันเม้งเองก็ได้กล่าวถึงการเริ่มต้นของ 2 โครงการในฐานะคนท้องถิ่นว่า
"จุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันของทั้ง 2 โครงการก็คงพูดได้ว่า เริ่มต้นของสองโครงการนี้
เขามากันคนละทาง คุณสุรพงษ์มาทางเครื่องบิน แต่คุณวิโรจน์มาทางเรือ ซึ่งผมก็เห็นว่าถ้าทั้งสองโครงการพัฒนาขึ้นมามันก็ดีกับปากน้ำปราณทั้งนั้น"
ภัทรมารีน่า นอกจากจะเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับของบริษัทปราณบุรีฯ
แล้วยังเชื่อได้ว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ทำให้ปราณบุรีเป็นสถานที่น่าสนใจและรู้จักกันมากขึ้นอีกในอนาคต
ทั้งบุคคลภายนอกพื้นที่และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้นิยมกีฬาแล่นเรือต่าง
ๆ เพราะที่นี่จะถูกพัฒนาให้เป็นคอมเพล็กซ์ครบวงจรสำหรับกิจกรรมเรือและกีฬาทางน้ำ
อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนตามความฝันของวิโรจน์
ยิ่งเมื่อผนึกกับปราณบุรี พร๊อพเพอร์ตี้ส์ เมืองปราณบุรีก็อาจจะเป็นแหล่งชุมนุมเรือยอท์ชและสถานที่เล่นกีฬาทางน้ำใหญ่ที่สุดในประเทศก็ได้
!
แต่ปราณบุรีพร๊อพเพอร์ตี้สะดุด ภัทรมารีน่าจำต้องเดินไปข้างหน้าคนเดียวเวลานี้
ในฐานะเพื่อนบ้าน วิโรจน์กล่าวว่า โครงการปราณบุรีพร๊อพเพอร์ตี้ส์มีลักษณะโครงการที่หลากหลายมาก
"เดิมเขาจะทำมารีน่า พอมาระยะหลังเขาไม่ได้ทำจริงจังอย่างที่นี่ เพราะเขาทำหลายอย่าง
พอเขาไปทำหลายกิจการแล้วเรื่องยอท์ชคลับเขาก็เลยบอกให้เราทำมากกว่า เพราะทางด้านนี้เขาก็ไม่ได้เข้ามาส่งเสริมอะไรมากก็หันไปส่งเสริมทางเครื่องบินรถแข่งอะไรของเขา
สำหรับปราณบุรี ซิตี้ มารีน่า เดิมที่มีแนวคิดจะพัฒนาให้มีส่วนของมารีน่าในโครงการเหมือนกันนั้นก็มาเน้นเป็นลักษณะของที่พักอาศัยมากกว่า
เช่นเดียวกับโครงการที่ทำเป็นที่อยู่อาศัยขายบ้าน มีเครื่องบินเล็กลง เป็นโครงการที่ต่างกัน
ต่างพัฒนา แต่ส่งเสริมซึ่งกันและกันกับโครงการของภัทรมารีน่า" วิโรจน์กล่าว
"พอมีปัญหาก็ยังไม่มีโอกาสเจอกัน จากที่เมื่อก่อนก็เจอกันบ้างเพราะเขามาเล่นเรือเร็วที่โครงการ
ก็แบบเป็นเพื่อนรู้จักกันที่นี่ กินข้าวด้วยกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน แต่ตอนนี้เรื่องสุรพงษ์อย่าให้วิพากษ์วิจารณ์เลย
เพราะเป็นเรื่องทางกฎหมายแล้ว พูดไปแบงก์กรุงเทพก็เสีย เขาก็เสีย โครงการเขาเกือบ
1,000 ไร่แต่ใช้เงินที่เรียกว่าไม่รู้มาจากไหนมันเหลือเชื่อ" วิโรจน์กล่าวตบท้ายที่จะไม่พูดถึงเรื่องของสุรพงษ์ที่เป็นคดีอยู่พร้อมกับยืนยันว่าไม่เคยได้รับการชักชวนให้เป็น
1 ใน 30 ของลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้านในโครงการปราณบุรีฯ
แต่ในฐานะเจ้าหนี้ วิโรจน์กล่าวว่า ทางภัทรเรียสเตทเองนอกจากจะเคยเช่าที่ดินต่อจากสุรพงษ์สมัยที่เข้ามาทำโครงการเมื่อปี
2537 แล้วก็มีส่วนให้สินเชื่อกับโครงการปราณบุรีฯ โดยภัทรธนกิจ แต่ถือเป็นส่วนน้อย
เพราะมีที่ดินอยู่แปลงเดียวที่ภัทรธนกิจเป็นผู้รับจดจำนอง ซึ่งบริษัทปราณบุรีฯได้นำที่ดินตรงข้ามอู่จอดเรือของภัทรธนกินที่ใกล้กับเขาเจ้าแม่
หรือบริเวณด้านหัวสนามบินปราณบุรี มาขอกู้ในวงเงินประมาณ 45 ล้าน สำหรับที่ดิน
200 กว่าไร่
"ของภัทรฯ เขากู้มีจำนำ ถ้าลูกค้าจำนำจำนองเราก็ดูว่าหลักการเขาไปได้ไหม
จำนองที่ในราคาที่ถูกเราก็ยินดีรับ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ก็เห็นทำไปอย่างต่อเนื่องเนิ่น
ๆ มันไม่ปรากฏว่ามีพิรุธ แต่ดู ๆ แล้ว เงินในการหมุนเวียนไม่น่าถึง 200 กว่าล้านนะ
อย่างโครงการที่เราทำวงเงินยังหมุนที่ 100-200 ล้าน โครงการที่เขาทำเราก็คิดว่าเหมือน
ๆ กัน คุณกู้บางส่วน ลงทุนบางส่วน อย่างกู้ภัทรฯ 45 ล้าน ลงของตัวเอกสัก
30-40 ล้าน โครงการก็น่าจะเดินแล้วค่อยขยับไปเรื่อย ๆ เราไม่นึกว่าเขาจะมีเงินกู้เยอะแยะ
ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ไปตรวจว่าจริง ๆ แล้วเขาเกิดมาอย่างไร เพราะโครงการทั้งหมดไม่ได้กู้อยู่กับเรา
แต่ตอนนี้ดู ๆ แล้วเคลียร์ว่าโครงการทั้งหมดของเขาที่ลงไปคงจะประมาณ 600-700
ล้านบาท แต่ผมไม่แน่ใจ เพราะบางทีโครงการมันเนิ่นไป ดอกเบี้ยก็เพิ่ม"
วิโรจน์ กล่าว
"ตอนนี้พอเขามีปัญหากับแบงก์กรุงเทพ เขาก็เริ่มติดขัดเพราะเวลามีข่าวลงหนังสือพิมพ์ใครก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย
จริง ๆ แล้วเขาค่อนข้างจะลอยตัวไม่มีปัญหา แต่พอไปโยงกับเรื่องของไพรเวทแบงกิ้ง
ทำให้เกิดเรื่อง แล้วรู้สึกจะมีปัญหาเกี่ยวกับทางด้านสินเชื่อ ตั้งแต่มีเรื่องฟ้องคุณนิตยา
คุณสุรพงษ์ก็ยังติดต่อกันบ้าง เขาก็มาติดต่อเรื่องขอเวลาเคลียร์โน้นเคลียร์นี้
เพราะผมขอดูเอกสารเขา เขาก็ไม่ค่อยให้ดู ไม่ค่อยเห็นระบบได้ชัดว่ามีปัญหาอะไร
ซึ่งผมคิดว่าเขาคงเอาเงินจากแบงก์กรุงเทพเป็นหลักใหญ่ แต่ก็ยังไม่รู้ด้วยวิธีการไหน
มันยังไม่เคลียร์ เพราะเจ้าหนี้ข้างนอกมีน้อยมากที่ยังฟ้องกันอยู่"
วิโรจน์กล่าวในฐานะเจ้าหนี้
ในส่วนของภัทรธนกิจ ซึ่งแม้จะมีที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่ ก็ได้ดำเนินการฟ้องปราณบุรี
พร๊อพเพอร์ตี้ส์แล้วเช่นกัน หลังจากที่ไม่มีการชำระดอกเบี้ยเกิน 3 เดือน
ซึ่งตามกฎของบริษัทก็จะฟ้องทันที และตอนนี้ยังคงอยู่ในช่วงดำเนินคดี ซึ่งวิโรจน์ยืนยันว่า
สุรพงษ์ยังมีสิทธิ์เข้ามาเจรจาผ่อนผันได้ ดีกว่าการหลบหน้า
สำหรับเรื่องความรับผิดชอบของธนาคารต่อกรณีนั้นวิโรจน์ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องวิจารณ์ลำบาก
เพราะอย่างกรณีนี้เอกสารต่าง ๆ พัวพันกันเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าทำไมจึงเกิดความหละหลวมมากจนเป็นปัญหา
แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าคงขึ้นอยู่กับพนักงานและตัวลูกค้าที่เกี่ยวข้องด้วย
ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะขึ้นอยู่กับแผนกไหน ตัวพนักงานถ้าตั้งใจโกง ก็สามารถทำได้ทุกคนขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล
หรือเงื่อนไขเอกสารทางกฎหมายว่าใช้กันในรูปแบบใด
วิโรจน์สนทนากับ "ผู้จัดการ" ในวันนั้นอย่างสบายอารมณ์ ไม่มีแวววิตกกังวลกับเจ้าหนี้รายนี้
แต่สำหรับในฐานะเพื่อนบ้าน เขาก็คงอดคิดถึงเพื่อนบ้านรายนี้ อย่างน้อย ๆ
มาแวะมาทักทายกันบ้าง โครงการจะได้ไม่สะดุด ความฝันที่จะสร้างปราณบุรีเป็นเมืองเรือยอชท์จะได้สำเร็จร่วมกัน
โอกาสเดียวกันก็จะได้ทวงหนี้ที่ค้างเสียด้วยเลย !