บอร์ด "ดิ เอราวัณ กรุ๊ป" ไฟเขียวเพิ่มทุนจดทะเบียนกว่า 820 ล้านบาท แบ่งจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเกือบ 500 ล้านบาท ในอัตราหุ้นส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคา 1 บาท ส่วนที่เหลือจัดสรรไว้รองรับวอร์แรนต์และตอบแทนกรรมการ-พนักงาน หวังนำเงินไปลงทุนก่อสร้างโรงแรมราคาประหยัดเพิ่ม 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4 พันล้านบาท
นายภูม โอสถานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERAWAN กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 2/2549 มีมติอนุมัติให้ลดทุนจดทะเบียนจาก 1,519,700,408 บาท เป็น 1,454,248,008 บาท ด้วยการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายจำนวน 65,452,400 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (ราคาพาร์) 1 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 65,452,400 บาท
หลังจากนั้น บริษัทจะทำการเพิ่มทุนจากเดิม 1,454,248,008 บาท เป็น 2,281,143,099 บาท โดยออกหุ้นสามัญไม่เกิน 826,895,091 หุ้น พร้อมทั้งออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (วอร์แรนต์) จำนวน 495,458,069 หน่วย อายุ 1 ปี อัตราการใช้สิทธิ 2 หน่วยต่อ 1 หุ้นสามัญ ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 2.15 บาท
สำหรับหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว แบ่งการจัดสรรออกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนแรก จัดสรรให้กับผู้ถือเดิมจำนวน 495,458,069 หุ้น อัตราส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1 บาท พร้อมวอร์แรนต์อีก 1 หน่วย ส่วนที่ 2 หุ้นสามัญจำนวน 247,729,034 หุ้น รองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญจำนวน 495,458,069 หน่วย ที่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นสามัญเดิม
ส่วนที่ 3 จำนวน 18,255,588 หุ้น รองรับการปรับสิทธิจากการเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่เป็นรายโครงการต่อกรรมการและพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยภายใต้โครงการ ESOP ที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และส่วนสุดท้าย จำนวน 65,452,400 หุ้น จัดสรรให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยภายใต้โครงการ ESOP ที่ได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต.
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนนั้น บริษัทจะนำเงินไปใช้รองรับการลงทุนและพัฒนาโครงการโรงแรมต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด ในช่วงปี 2549 - 2551 โดยบริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงแรมเพิ่มเติมจาก 2 โครงการที่ได้มีการประกาศไปแล้ว (Courtyard by Marriott Bangkok และ Six Senses Phuket) คือ โครงการโรงแรมระดับราคาประหยัดภายใต้ชื่อ "Ibis" ตามจุดท่องเที่ยวหลัก 6 จังหวัดในประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่ และกระบี่ และโครงการโรงแรมระดับ 4 ดาว ซึ่งสถานที่และผู้บริหารโรงแรมกำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการเจรจา
โดยบริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนสำหรับ 2 โครงการนี้รวมเท่ากับ 4 พันล้านบาท โดยประมาณ แบ่งเป็น 1 พันล้านบาทที่คาดว่าจะใช้ในปี 2549 และที่เหลือกระจายในปี 2550-2551 โดยเงินทุนส่วนที่เหลือจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและเงินกู้ยืมโครงการบริษัทได้เข้าทำบันทึกข้อตกลงฯ ร่วมกับ กลุ่มแอคคอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ "Ibis" เพื่อให้เป็นผู้บริหารโรงแรมระดับราคาประหยัด เป็นจำนวนไม่เกิน 10 แห่ง บริษัทคาดว่าจะเปิดได้ 6 โรงแรมภายในปี 2551 และอีกไม่เกิน 4 โรงแรมในปี 2553 แต่ละโรงแรมคาดว่าจะมี 200-250 ห้องโดยใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 300-400 ล้านบาทต่อ 1โรงแรม
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคตแล้ว บริษัทยังสามารถกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในด้านต่างๆ อย่างเหมาะสม รวมถึงเป็นการปรับโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสมต่อการขยายงาน คือ อัตราหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) หรืออัตราเงินกู้ยืมสุทธิส่วนกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ย และภาษี (Net Debt to EBITDA) อยู่ในระดับที่ไม่สูงจนเกินไป
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการยังได้อนุมัติให้บริษัทรับความช่วยเหลือทางการเงินจากนางจรรย์สมร วัธนเวคิน ซึ่งเป็นญาติสนิทของกรรมการและเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ERAWAN ที่ถือหุ้นรวมกันเท่ากับ 33% ด้วยการขยายระยะเวลาเงินกู้จำนวน 130 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระตามตั๋วสัญญาใช้เงินในวันที่ 28 มีนาคมนี้ ออกไปอีก 109 วัน (ตั้งแต่ 28 มี.ค.- 30 มิ.ย.2549) โดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินแบบมีกำหนดระยะเวลา อัตราดอกเบี้ย 5.00% ทำให้มีดอกเบี้ยจ่ายรวม 1,673,972.60 บาท
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุดวานนี้ (29 มี.ค.) ราคาหุ้น ERAWAN มีการปรับตัวลดต่ำกว่าจากราคาปิดวันก่อนหน้า ก่อนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อนสวนทางภาวะตลาดหุ้นโดยรวม โดยราคาหุ้นไปขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 4.18 บาท ต่ำสุด 3.59 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 3.94 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.18 บาท หรือ 4.79% มูลค่าการซื้อขายรวม 122.98 ล้านบาท
|