|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
คลังแจ้งตัวเลขส่งออก-นำเข้าสินค้าขยายตัว 22.9% และ 19.0% ตามลำดับ สูงกว่าประมาณการณ์ ระบุตัวเลขบ่งชี้ว่าเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมั่นคงในระดับน่าพอใจ "นริศ" เผยผลสัมมนาผู้บริหารระดับสูงเอซีดีพบการพัฒนาตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นเว้นญี่ปุ่นขยายตัวถึง 48% ของจีดีพี พร้อมเสนอลดควบคุมด้านบัญชีทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ ขณะที่ภาคเอกชนแนะให้กระจายความเสี่ยงในการลงทุนเพิ่ม
นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคระหว่าง สศค.และสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (สวค.) พบว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 มูลค่าส่งออกสินค้าจำนวน 9,515.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราเร่ง 22.9% ต่อปี สูงกว่าเกณฑ์ที่คาดไว้ในระดับมาก ในขณะที่มูลค่าสินค้านำเข้าจำนวน 9,801.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 19.0% ต่อปี สูงกว่าเกณฑ์ที่คาดไว้ในระดับปานกลาง การขยายตัวดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังคงได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ภายนอกประเทศ
ขณะที่ดุลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ขาดดุล 286.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ น้อยกว่าที่คาดไว้ 691 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และขาดดุลลดลงจากเดือนมกราคมที่ขาดดุล 442 พันดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ดุลการค้ารวม 2 เดือนแรกของปี 2549 ขาดดุล 728.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าใน 2 เดือนแรกจะขาดดุลถึง 1,676 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“การที่มูลค่าการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัวในอัตราเร็วกว่ามูลค่าการนำเข้าแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังคงได้รับและสนับสนุนจากอุปสงค์ภายนอกประเทศที่ยังคงขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องและเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2549 และหากดูข้อมูลจริง 2 เดือน จะพบว่าทั้งปี 2548 ดุลบัญชีเดินสะพัดอาจจะขาดดุลน้อยกว่าที่ทางสศค.คาดการณ์ไว้ ซึ่งถือว่ายังคงมีความมั่นคงของเสถียรภาพในระดับที่น่าพอใจ” นายนริศกล่าว
เผยพันธบัตรเอเชียรุดหน้า
นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยถึงการสัมมนาผู้บริหารระดับสูงของประเทศสมาชิกภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชีย(เอซีดี)เรื่องการส่งเสริมความร่วมมือทางการเงินผ่านการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชียว่า ภาพรวมของการพัฒนาตลาดพันบัตรในภูมิภาคเอเชีย ช่วงที่ผ่านมามีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นขนาดตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกไม่รวมญี่ปุ่น ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 16.5% ของจีดีพีปี 2540 มาเป็น 48% ของจีดีพี ในปี 2548
โดยในการสัมมนามีความเห็นว่าความสำเร็จในการพัฒนาตลาดพันธบัตรในภูมิภาคนั้นจำเป็นต้องมีการออกพันธบัตร หุ้นกู้ที่เป็นสกุลเงินท้องถิ่น มากขึ้น โดยรัฐบาลต้องเป็นผู้นำ ส่วนการพัฒนาด้านอุปสงค์ ต้องเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เข้มแข็งควบคู่กัน
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนได้เสนอที่ประชุม ให้เพิ่มมูลค่าพันธบัตร โดยให้มีการออกพันธบัตรอย่างต่อเนื่องในระดับเหมาะสม ลดมาตรการการควบคุมด้านบัญชีทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ และสร้างความโปร่งใสและพัฒนาโครงสร้างทางกฎหมายสำหรับการบังคับคดี รวมทั้งส่งเสริมธุรกิจจัดการสินทรัพย์
ในขณะเดียวกันภาคเอกชนก็ควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนของเงินสกุลต่างๆ ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสกุลเงินของเอเชียให้มากขึ้น และพิจารณาการเพิ่มความหลากหลายของพันธบัตร หุ้นกู้ประเภทใหม่ๆ รวมถึงพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกรรมทางการเงิน
|
|
|
|
|