|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ข่าวลือสะพัด อสมท. โดนใบสั่งซื้อหุ้นไอทีวีต่อชินคอร์ปอเรชั่นหากศาลปกครองตัดสินให้แพ้คดีค่าสัมปทาน แม้ก่อนหน้ามีข่าวลือ"อาร์เอส- สามารถฯ"สนใจ โบรกฯชี้ต้องใช้เงินกว่าหมื่นล้านซื้อกิจการ แนะรอลุ้นคำตัดสินศาล 11 เม.ย.นี้ ระบุหากต้องใช้เงินกู้สำหรับซื้อหุ้นทั้งหมดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนพุ่งจาก 0.2 เท่าเป็น 1.0-1.6 เท่า
จากกรณีที่ศาลปกครองสูงมีคำสั่งเพิกถอนพระราชกฤษฎีกาแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กฟผ. 2 ฉบับ ส่งผลทำให้เกิดกระแสข่าวลืออย่างต่อเนื่องกับบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการดำเนินการในขั้นต่อไปของบริษัท เนื่องจากปัจจุบันบมจ.ไอทีวียังมีคดีเกี่ยวกับคำพิพาทระหว่างสถานีโทรทัศน์ไอทีวีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ซึ่งศาลปกครองจะมีการชี้ขาดในเรื่องดังกล่าวในวันที่ 11 เมษายน นี้
ทั้งนี้ หลายฝ่ายยังคงจับตาคำตัดสินที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากเรื่องดังกล่าวอาจจะส่งผลดีต่อบริษัทอย่างมหาศาลหรือส่งผลกระทบอย่างชัดเจน ซึ่งหากศาลปกครองยืนคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวีชนะ ผลดีต่อบริษัทอย่างชัดเจนคือจะได้รับลดค่าสัมปทานเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งจ่ายค่าสัมปทานปีละ 230 ล้านบาท ขณะที่หากศาลปกครองมีคำสั่งให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวีแพ้ จะต้องจ่ายค่าสัมปทานเพิ่มปีละ 670 ล้านบาท หรือ 900 ล้านบาทต่อปีและยังรวมไปถึงผลภาระหนี้ผูกผันย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งจะทำให้บมจ.ไอทีวี จะมีภาระหนี้ 2,010 ล้านบาท และยังรวมไปถึงกอเบี้ยและค่าสินไหมอีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ กระแสข่าวที่ระบุว่า อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า บมจ.อสมท. อาจจะเข้าไปซื้อหุ้นบมจ.ไอทีวี เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าหากจะเข้าซื้อกิจการจะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่าในช่วงที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวว่าบริษัท อสมท.หรือMCOTมีแผนจะเข้าไปซื้อกิจการของบริษัทไอทีวี (ITV)ซึ่งถ้าเข้าไปซื้อกิจการจริงคาดว่าบริษัทอสมท.จะต้องเพิ่มทุนไม่ต่ำกว่า 1หมื่นล้านบาทเพื่อรองรับดังกล่าว เพื่อนำเงินไปกอบกู้สถานะทางการเงินให้กับทางไอทีวี
อย่างไรก็ตามภายในวันที่ 11เมษายนนี้ศาลปกครองจะมีการพิจารณาตัดสินเกี่ยวกับสัมปทานของไอทีวีซึ่งจะต้องรอดูผลการพิจารณาด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ก็มีกระแสข่าวว่าบริษัทอาร์เอสจำกัด(มหาชน)หรือ RS และบริษัทสามารถ คอร์ปอเรชั่นจำกัด(มหาชน)หรือ SAMARTที่มีความสนใจจะเข้าไปซื้อกิจการในไอทีวีเช่นเดียวกันเพราะมองว่าธุรกิจทีวีจะสามารถเกื้อหนุนในธุรกิจของบริษัททั้ง2 แห่งได้ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอฟังผลการพิจารณาจากศาลปกครองรวมถึงจะต้องรอดูว่าเทมาเส็กโฮลดิ้งส์ซึ่งเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยการเข้ามาซื้อหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่นนั้นจะยอมขายหุ้นไอทีวีออกมาหรือไม่และในระดับราคาใด
นักวิเคราะห์แห่งหนึ่งกล่าวว่าจากที่มีข่าวว่าบริษัทอสมท.จะเข้าซื้อหุ้นบริษัทไอทีวีนั้นมองว่ามีความเป็นไปได้เนื่องจากที่ผ่านมานายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กรรมการผู้อำนวยใหญ่ บริษัทอสมท.ได้เปิดเผยว่าจะมีการเข้าไปลงทุนใหม่ๆเพิ่มขึ้นและมีแผนที่จะทำทีวี 24 ชั่วโมงซึ่งเป็นเป็นลักษณะเฉพาะของตัวเองซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่นั้นก็ต้องติดตามต่อไปอย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากฐานะการเงินแล้วเชื่อว่ามีความสามารถที่จะทำได้
**โบรกฯแนะขาย MCOT
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ระบุว่าหากศาลปกครองมีคำตัดสินให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวีชนะคดี เชื่อว่าบริษัทชินคอร์ปอเรชั่นจะยังคงการลงทุนในบมจ.ไอทีวีต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT หากจะเข้ามาซื้อหุ้น ITV คาดว่าจะไม่ส่งผลดีต่อบมจ.อสมท เนื่องจากจะต้องใช้เงินลงทุนถึง 6.9 พันล้านบาทเพื่อซื้อหุ้น ITV ในส่วน 53% ที่บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น ถือครองอยู่และจะต้องใช้เงินเพิ่มถึง 1.3 หมื่นล้านบาทเพื่อรองรับการเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด(เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ขณะที่ MCOT มีเงินสดประมาณ 2.3 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2548 ซึ่งหากบริษัทใช้เงินกู้สำหรับส่วนที่เหลือทั้งหมด อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะเพิ่มขึ้นจาก 0.2 เท่าในปัจจุบัน เป็น 1.0-1.6 เท่า
นอกจากนี้ หากสถานีโทรทัศน์ไอทีวีแพ้ จะพลิกเป็นขาดทุน เนื่องจากจะมีรายจ่ายค่าสัมปทานเพิ่มขึ้นซึ่งจะฉุดกำไรของบริษัท ประกอบกับบริษัทอาจต้องตอบคำถามจากสาธารณชน ทั้งความโปร่งใสในการบริหาร หากลงทุนใน ITV ขณะที่ยังมีความเสี่ยงจากผลของคดี หรือ การเข้ารับภาระ ITV ต่อจาก SHIN หาก ITV แพ้คดี
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตชะลอตัวเพียง 6% ในปี 49 ทั้งจากการเติบโตของสถานีที่เริ่มชะลอตัวและภาพรวมของสื่อโฆษณาที่เติบโตชะลอตัวจากผลกระทบของประเด็นการเมือง ราคาหุ้น MCOT ปรับตัวขึ้นสูงกว่ามูลค่าพื้นฐาน 29.72 บาท (DCF) ที่เราประเมินไว้ถึง24% จึงคงคำแนะนำ 'ขาย' ทำกำไร
**MCOTร่วงสวนITVขึ้น3%
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น MCOT วานนี้(28 มี.ค.) ราคาปิดที่ 36.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.35% มูลค่าการซื้อขาย 2.71 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้น ITV ปิดที่ 10.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 2.91% มูลค่าการซื้อขาย 36.60 ล้านบาท
|
|
|
|
|