“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ชี้แจงรายละเอียดผู้ถือหุ้นบริษัท Win Mark Limited และ 2 กองทุนมาเลเซีย "OGF-ODF" ต่อก.ล.ต. ปฎิเสธเสียงแข็ง ยันตระกูลชินวัตรไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัทดังกล่าว ด้านเทมาเส็กไล่ซื้อไม่หยุด ล่าสุดทุ่มเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ซื้อหุ้นธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เกือบ12% จากกองมรดกนายคูเต็กพวต อภิมหาเศรษฐีชาวสิงคโปร์ ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานกรรมการบริหารบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้มีการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นของ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC, Overseas Growth Fund Inc. หรือ OGF, Offshore Dynamic Fund Inc. หรือ ODF และ Win Mark Limited หรือ Win Mark เนื่องจากปรากฏข่าวว่า ผู้ถือหุ้นดังกล่าวอาจมีความเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท SC คือ ครอบครัวชินวัตร
ทั้งนี้ บริษัท SC ได้ชี้แจงข้อมูลของผู้ถือหุ้นดังกล่าวนี้ไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนหุ้นของบริษัท SC ในปี 2543 ขณะนั้นใช้ชื่อบริษัทว่า บริษัท โอเอไอ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด พบว่า Win Mark ได้จดทะเบียนจัดตั้งมีสัญชาติประเทศ BRITISH VIRGIN ISLANDS ที่ตั้งคือ P.O. BOX 3151 Road Town TortolaBritish Virgin Islands
ภายหลังเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 Win Mark เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในทะเบียนบริษัท SC รวมจำนวน 55,079,999 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ขณะนั้นบริษัท SC มีทุนจดทะเบียน 2,200,000,000 บาท สัดส่วนการถือหุ้นคิดเป็น 25.04% ต่อมา ในปี 2545 บริษัท SC ได้มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยท้ายสุด Win Mark ได้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 61,165,144 หุ้น หรือสัดส่วน 32.99% และ Win Mark พ้นจากการเป็นผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2546 โดยการโอนหุ้นให้กับ VALUE ASSETS FUNDS LTD. นิติบุคคลสัญชาติมาเลเซีย
อย่างไรก็ตามกรณี Win Mark เป็นการเข้ามาถือหุ้นของบริษัท SC โดยการซื้อขายหุ้น และมีการชำระเงินถูกต้องครบถ้วน ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับครอบครัวชินวัตร
นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนของบริษัทพบว่าข้อมูลของบริษัท OGF และ ODF เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นในประเทศมาเลเซีย บริหารโดยบริษัท HLG Assets Management หรือ HLG ในกลุ่ม Hong Leong Company โดยมี Mr.Andrew Ng เป็น Contact Person สำนักงานตั้งอยู่ที่ Level 8, Menara HLA, No.3 Jalan Kia Peng 50450 Kuala Lumpur
ทั้งนี้ กองทุนทั้ง 2 แห่งเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท SC เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2546 ตามหลักฐานบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทส่งต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ฉบับลงวันที่ 1 กันยายน 2546 ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่มิได้มีความเกี่ยวข้องใดกับครอบครัวชินวัตรที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท SC
สำหรับข้อมูลที่บริษัท SC เปิดเผยในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี 2546 และ 2547 นั้น บริษัท SC ได้เปิดเผยชี้แจงตามข้อมูลที่ได้รับมาอย่างถูกต้องครบถ้วน และนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2546 ถึงปัจจุบัน บริษัท SC มีการประชุมผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น 2 ครั้ง คือ การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2547 และ 2548 โดยในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2547 OGF และ ODF มิได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม ส่วนในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2548 นายสมพงศ์ นครศรี กรรมการอิสระ เป็นผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นหลายราย รวมถึงของ OGF และ ODF ในการเข้าร่วมประชุม นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2546 จวบจนปัจจุบัน OGF และ ODF ไม่มีการส่งบุคคลใดเข้ามาเป็นกรรมการในบริษัท SC แต่อย่างใด
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น SC วานนี้( 28 มี.ค.) ราคาปิดที่ 15.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.64% มูลค่าการซื้อขาย 21.85 ล้านบาท
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า แม้ว่าจะมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นในกรณีที่ผู้บริหารบมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ชี้แจงข้อมูลต่อสำนักงานก.ล.ต. แต่นักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในหุ้นดังกล่าวยังคงต้องพิจารณาข่าวทางการเมืองในประเทศซึ่งบริษัทอาจจได้รับผลกระทบหากมีการประกาศนโยบายบอยคอตสินค้าภายใต้แบรนด์ SC ASSET เหมือนในกรณีการบอยคอตการใช้บริการโทรศัพท์มือถือ AIS
ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจ ส่งผลต่อราคาหุ้นมากกว่าผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ
**เทมาเส็กซื้อหุ้นใหญ่สแตนชาร์ต
ด้านเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ บริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ ยังคงขยายอาณาจักรไม่ยอมหยุด โดยล่าสุดแถลงวานนี้(28)ว่า จะเข้าไปซื้อหุ้นในธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เกือบ 12% ครองฐานะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในแบงก์อินเตอร์ฯสัญชาติอังกฤษแห่งนี้ โดยเข้าซื้อหุ้นสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจำนวน 152.4 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์ดังกล่าว โดยโดเวอร์ อินเวสต์เมนต์ส กิจการที่เทมาเส็กเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว จะเป็นผู้ซื้อจาก กองมรดกของนายคูเต็กพวต อภิมหาเศรษฐีชาวสิงคโปร์ ผู้ถึงแก่มรณกรรมในปี 2547
ตามคำแถลงร่วมระหว่างเทมาเส็กกับกองมรดกนายคู การตกลงกันคราวนี้ยังจะต้องเสนอให้หน่วยงานกำกับตรวจสอบอนุมัติ ทว่าธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดได้ออกคำแถลงจากสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอนแล้ว แสดงความยินดีต้อนรับเทมาเส็ก ที่จะเข้ามาเป็น "นักลงทุนระยะยาวในบริษัท"
ทางด้านนายรอเบิร์ก บรอดฟุต กรรมการผู้จัดการบริษัทโพลิติคัล แอนด์ อีโคโนมิก ริสก์ คอนซัลแทนซี บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ในฮ่องกง กล่าวว่า การซื้อหุ้นคราวนี้ สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของเทมาเส็กเป็นอย่างยิ่ง
เขาชี้ว่า เทมาเส็กกำลังให้น้ำหนักอย่างมากต่อภาคการเงินในเอเชียมาพักใหญ่แล้ว และการที่บริษัทของรัฐบาลสิงคโปร์แห่งนี้ สามารถเข้าไปในสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดเกิดใหม่ในเอเชียเช่นนี้ จะทำให้เทมาเส็กมี "ศักยภาพที่จะเข้าถึงกองกลางแห่งบรรดาผู้จัดการระดับดีเยี่ยมอย่างแท้จริง" ภายในธนาคารระดับนานาชาติแห่งใหญ่แห่งนี้
ส่วนนายแกนฉีเยน กรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการลงทุนของเทมาเส็ก แถลงว่า สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดอยู่ในฐานะที่ดีมากที่จะได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจอันรวดเร็วในเอเชีย และการได้เข้าถือหุ้นของธนาคารแห่งนี้ "เป็นส่วนสำคัญในความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนอยู่ในสภาพอันสมดุล"
ก่อนหน้านี้ เทมาเส็กถือหุ้นสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอยู่แล้วจำนวนประมาณ 0.07%
บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในกิจการสำคัญของสิงคโปร์จำนวนมาก อาทิ สิงคโปร์แอร์ไลน์ส, สิงคโปร์เทเลคอม, พีเอสเอ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้บริหารจัดการท่าเรือระดับยักษ์ใหญ่ของโลก, บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แคปิตอลแลนด์, รวมทั้งธนาคารใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง ธนาคารดีบีเอส นอกจากนี้ เทมาเส็กยังมีหุ้นในธนาคารต่างชาติจำนวนมาก ไล่ตั้งแต่ในจีนไปจนถึงอินโดนีเซีย
นายคูเต็กพวต ซึ่งเป็นนายแบงก์และนักการโรงแรมรุ่นเก่าที่ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ต้องการตกเป็นข่าว มีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ตอนที่เขาเสียชีวิตในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ด้วยวัย 87 ปี
ในปีนั้น นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐฯ ได้จัดอันดับให้นายคูเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดในสิงคโปร์ และมั่งคั่งเป็นอันดับที่ 108 ของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 4,300 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ เทมาเส็กเวลานี้บริหารโดยนางโฮชิง ภรรยาของนายลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนปัจจุบัน
ปีที่แล้ว นางโฮชิง อยู่อันดับที่ 30 ในบัญชีรายชื่อ 100 สตรีผู้ทรงอำนาจที่สุดในโลก ซึ่งจัดโดยนิตยสารฟอร์บส์ ทั้งนี้ที่สำคัญแล้ว เนื่องมาจากการที่เธอดำรงตำแหน่งซีอีโอของเทมาเส็ก ซึ่งมีพอร์ตการลงทุนทั่วโลกเป็นมูลค่ากว่า 63,000 ล้านดอลลาร์
รัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันเรื่อยมาว่า การตัดสินทั้งหลายทั้งปวงของเทมาเส็ก กระทำโดยเหตุผลทางธุรกิจอย่างแท้จริงทว่าการมุ่งมั่นขยายสู่ไปทั่วโลกของเทมาเส็ก ก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในหลายๆ ตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยเวลานี้ เมื่อบริษัทและประเทศสิงคโปร์ถูกต่อต้านโจมตีไปด้วย ภายหลังเทมาเส็กตกลงซื้อหุ้นชินคอร์ปจากครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
|