|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
SPACK มั่นใจปีนี้โกยรายได้ 1,170 ล้านบาท เหตุโรงงานกล่องลูกฟูกเดินเครื่องมากขึ้นและรับรู้รายได้จากโรงพิมพ์ตะวันออก เล็งเจาะกลุ่มลูกค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูง ผู้บริหารเผยผลประกอบการปี 49 จ่ายปันผลมากว่าปี 48 เนื่องจากไม่มีการลงทุนเพิ่ม แจงขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาผลิตกล่องบรรจุอาหารที่มีความสะอาดสูง คาดลงทุนปี 50 ประมาณ 40-50 ล้านบาท
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) (SPACK ) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้ 1,170 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 15% จากปี 48 ที่มีรายได้รวม 1,015.16 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 93.70 บาท เนื่องจากปีนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตในกล่องลูกฟูกมากขึ้นเป็น 50-60% จากกำลังการผลิตรวม 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่ผลิตอยู่ 25% ของกำลังการผลิตรวม
เนื่องจากเพิ่งเปิดดำเนินงาน และบริษัทได้รับคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มจากผู้ผลิตเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ และยังมีส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน)หรือ EPCOอีกประมาณ 25 ล้านบาท และคาดว่าในปี50จะได้รับส่วนแบ่งกำไรประมาณ 28-30 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 30% จากปี 48 ที่มี 25.40% ผลจากบริษัท แคนนอน จำกัด จะมีการนำสินค้าคุณภาพสูงมาผลิตในประเทศไทย ที่ย้ายฐานผลิตไปเวียดนามและจีน และจากสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม อาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง 25% ถุงมือยาง 25% สื่อสิ่งพิมพ์ 14-15% และรายได้อื่น15%
“บริษัทคาดรายได้ไตรมาสแรกปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 15%จากไตรมาสเดียวกันปี ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกที่สร้างเสร็จเมื่อปี 48 ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้รายได้จากกล่องกระดาษลูกฟูกเพิ่มอีก 120 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงพิมพ์ตะวันออก ”นายยุทธ กล่าว
นายยุทธ กล่าวว่าปีนี้บริษัทจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีการผลิตสินค้าที่มีความแปลกใหม่ และต้องการกล่องที่มีความสวยงามมากว่ากระดาษลูกฟูกที่มีสีน้ำตาล โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาที่จะผลิตกล่องกระดาษบรรจุอาหารที่มีความสะอาดสูง ซึ่งจะมีการลงทุนซื้อเครื่องจักรในการผลิตกล่องกระดาษดังกล่าว โดยคาดว่าจะมีการลงทุนในปีหน้าประมาณ 40-50 ล้านบาท โดยมีปีนี้บริษัทจะยังไม่มีการลงทุนใดๆเพิ่ม เนื่องจากปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนสร้างโรงงานผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกถึง 400 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลของผลประกอบการปี 49 ในอัตราที่สูงกว่าผลประกอบการของปี 48 ที่มีการจ่าย 0.25 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 80% ของกำไรสุทธิ เนื่องจากปีนี้บริษัทไม่ได้มีการลงทุนและจะนำส่วนแบ่งกำไรจาก EPCO ทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง
โดยบริษัทได้ซื้อหุ้นของ EPCOจำนวน 43.28 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.02 บาท และ ในวันที่ 31 มีนาคม 49 บริษัทจะมีการแปลงสภาพวอแรนต์เป็นหุ้นสามัญอีก 43.05 ล้านหน่วย ทำให้บริษัทถือหุ้นทั้งหมดเป็น 86.33 ล้านหุ้น หรือ 22.4% ของหุ้นทั้งหมดของ EPCO และหลังจากที่ EPCO มีการแตกพาร์จาก 4 บาท เป็น 1 บาท จะทำให้บริษัทถือหุ้นรวมเป็น 330 ล้านหุ้น หรือ 22.4% ของหุ้นทั้งหมดของ EPCO
อย่างไรก็ตามเมื่อ EPCO กลับมาซื้อขายในหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ ประมาณเดือน เม.ย.นี้ คาดว่าราคาหุ้นจะสูงกว่าราคาที่บริษัทได้ซื้อหุ้นที่ 2.02 บาท ต่อหุ้นมากพอสมควร ซึ่งการซึ่งการซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าวนั้นบริษัทจะได้ประโยชน์ในการร่วมมือด้านการขายและด้านเทคนิคและช่วยพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้แก่ทั้ง 2 บริษัท และได้รับลูกค้าเพิ่มขึ้น
|
|
|
|
|