Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2539
"สมชัย จงสวัสดิ์ชัย แม้ 'ล่ำสูง' เข้าตลาดหุ้นก็ยังไม่ถึงเวลารุก"             
 


   
search resources

ล่ำสูง (ประเทศไทย), บมจ.
สมชัย จงสวัสดิ์ชัย
Commercial and business




"ตอนนั้นถ้าเราไม่เลิกทำตลาดสินค้าจำพวกสบู่และแชมพูแล้วหันกลับมาให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มเพียงอย่างเดียว เราคงไม่ได้เป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารอย่างเช่นทุกวันนี้" สมชัย จงสวัสดิ์ชัยผู้จัดการทั่วไป บริษัทล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เล่าให้ "ผู้จัดการรายเดือน"ฟัง

เหตุการณ์ที่สมชัยพูดถึงนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา อันเป็นช่วงที่การแข่งขันของตลาดสบู่ และแชมพูกำลังทวีความเข้มข้นขึ้น โดยปัจจัยที่ดึงดูดให้ล่ำสูงเข้าสู่ตลาดนี้ก็คือความใหญ่โตของขนาดตลาดและอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ ประกอบกับเห็นว่าวัตถุดิบในการทำสบู่และแชมพูเป็นผลพลอยได้จากน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นผลผลิตหลักของบริษัทอยู่แล้ว

การบุกเข้าสู่ตลาดสบู่และแชมพูในครั้งนี้ มี "ธัชชัย เผดิมชิต" ซึ่งเป็นญาติกับผู้หุ้นล่ำสูงเป็นแม่ทัพในการบุก

แม้จะได้เปรียบเรื่องที่มีวัตถุดิบอยู่ในมือก็ตาม แต่ "สบู่เมย์" และ "แชมพูซูเปอร์ซอฟต์" ของล่ำสูงอยู่ในตลาดได้เพียงปีเศษเท่านั้น ก็ต้องถอนตัวออกจากตลาดไป ขณะที่ธัชชัยก็หันไปเปิดบริษัท "บอดี้" ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาถนัดมากๆ

พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญของบริษัทคือ ยุติการทำตลาดสินค้าคอนซูเมอร์โพรดักท์แล้วหันมาให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มเพียงอย่างเดียวตั้งแต่บัดนั้นจนถึงปัจจุบันนี้

"ช่วงนั้นเราขยายไลน์ออกไปมาก เลยทำให้การมองภาพธุรกิจสับสน คอนเซนเทรชั่นของคนทำงานก็กระจาย ประกอบกับตลาดมีการแข่งขันสูง และคู่แข่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้น ถ้าจะสู้กันก็ต้องใช้เงินสูงและเหนื่อยมาก เราจึงต้องเลิกแล้วหันกลับมาทำธุรกิจหลักของเรา"

แนวทางนี้สอดคล้องกับแนวนโยบายการทำตลาดแบบอนุรักษ์นิยมมาก ๆ ของผู้ถือหุ้นล่ำสูงซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสิงค์โปร์

ขณะที่ล่ำสูงเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนั้น "สมชัย" ซึ่งเข้ามาทำงานกับล่ำสูงเมื่อประมาณปี 2530 มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน ก่อนที่จะขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปเมื่อปี 2534 ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีส่วนผลักดันให้ล่ำสูงประสบความสำเร็จในการรุกเข้าสู่ธุรกิจน้ำมันปาล์มสำหรับอุตสาหกรรมอยู่ไม่น้อย

สมชัยกล่าวว่า ล่ำสูงค่อนข้างโชคดีที่เลิกทำสินค้าคอนซูเมอร์โพรดักท์ในช่วงนั้นแล้วหันกลับมาผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มสำหรับอุตสาหกรรมอาหารต่อเนื่องแทน เพราะเป็นช่วงที่ตลาดตรงนี้กำลังมีการขยายตัวอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของตลาดฟาสต์ฟูด โรงงานผลิตนมข้นหวาน บะหมี่สำเร็จรูป อุตสาหกรรมการผลิตครีมเทียม เครื่องปรุงรสอาหาร ขนมขบเคี้ยวและเบเกอรี่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของล่ำสูงทั้งสิ้น

เมื่อประกอบกับสินค้าที่ล่ำสูงผลิตไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปาล์ม ซึ่งประกอบไปด้วยน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ น้ำมันปาล์มโอเลอีน น้ำมันปาล์มสเตียรีน ไฮโดรจีเนเต็ด ปาล์มออย ไขมันผสมหรือซอทเทนนิ่ง มาการีนเป็นสินค้าที่เกือบจะเรียกได้ว่าไม่มีคู่แข่งอยู่ในตลาดเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของไฮโดรจีเนเต็ด ปาล์มออย ที่ใช้ในร้านอาหารฟาสต์ฟูดและใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเนยเทียม ซุปก้อนสำเร็จรูป ซึ่งล่ำสูงมีเทคโนโลยีสำหรับผลิตสูตรพิเศษได้ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าแต่ละรายแล้ว ยิ่งเป็นสินค้าที่ไม่มีคู่แข่งใหญ่

จะมีก็แต่เพียงน้ำมันปาล์มบรรจุขวดยี่ห้อหยก,แสงจันทร์,ไนท์ และน้ำยาล้างจานยี่ห้อซิปและซิปปี้เท่านั้น ที่อาจจะเป็นที่รู้จักทั่วไปในท้องตลาดอยู่บ้างเพราะเป็นสินค้าที่จำหน่ายให้กับผู้บริโภคโดยตรง แต่ล่ำสูงก็ไม่ได้ทุ่มงบประมาณในการทำตลาดมากมายนัก ปล่อยให้สินค้าเดินในตลาดอย่างเงียบ ๆ มากกว่า

ดังนั้นแม้ชื่อเสียงของล่ำสูงจะไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก แต่สำหรับบรรดาผู้ผลิตอาหารแปรรูป อาหารปรุงสำเร็จและอาหารฟาสต์ฟูดแล้ว พูดได้ว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักล่ำสูง

ก่อนที่จะกลายมาเป็นผู้นำตลาดน้ำมันปาล์มสำหรับอุตสาหกรรมอาหารต่อเนื่องอย่างทุกวันนี้ ล่ำสูงเริ่มเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี 2517 ด้วยการนำน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียเข้ามาจัดจำหน่าย ขณะนั้นยังเป็นช่วงที่คนไทยนิยมบริโภคไขมันจากสัตว์มากกว่าน้ำมันพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันปาล์ม จึงถือได้ว่าล่ำสูงเป็นผู้ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยเป็นรายแรก

อีก 6 ปีหลังจากนั้นล่ำสูงจึงได้จัดตั้งโรงกลั่นน้ำมันปาล์มขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู ด้วยการกำลังการผลิตเริ่มต้น 50 ตันต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกในประเทศไทย

ในปี 2537 ล่ำสูงได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการกระจายสินค้าใหม่ ด้วยการยุติบทบาทการเป็นผู้แทนจำหน่ายของบริษัทบางกอก เอดิเบิล ออย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือล่ำสูงเองลงเมื่อวันที่ 1 เมษายน พร้อมกับได้โอนย้ายสินค้าให้ล่ำสูงเป็นผู้ดำเนินการเอง

ปัจจุบันล่ำสูงได้เพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันปาล์มขึ้นมาเป็น 250 ตันต่อวันหรือประมาณ 84,000 ตันต่อปี ซึ่งนับเป็นผู้กลั่นน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยในปี 2538 ที่ผ่านมามียอดขายรวม 1,800 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,900 ล้านบาทในปีนี้

สำหรับแผนการขยายธุรกิจของล่ำสูงนั้น สมชัยกล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันกำลังการผลิตที่ล่ำสูงมีอยู่ได้ใช้ไปจนไม่สามารถขยายการผลิตเพิ่มได้อีกแล้ว นอกเสียจากการลงทุนสร้างหอกลั่นน้ำมันแห่งใหม่ เงินลงทุนที่จะนำมาใช้ครั้งนี้จะเป็นการระดมจากตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งล่ำสูงกำลังอยู่ระหว่างการรออนุมัติจากคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้กระจายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 8 ล้านหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป คาดว่าจะสามารถกระจายหุ้นได้ประมาณเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม

โดยแผนการขยายกำลังการผลิตที่ล่ำสูงวางไว้คือ การเพิ่มกำลังผลิตขึ้นอีก 1 เท่าตัว โดยคาดว่าจะใช้เงินทุนประมาณ 200 ล้านบาท กำหนดการแล้วเสร็จในปี 2540

"ช่วง 2 ปีแรกหลังจากการเพิ่มกำลังการผลิต ผมคิดว่าเราคงยังมุ่งเน้นไปในส่วนของอุตสาหกรรมอาหารเหมือนเดิม หลังจากนั้นเราอาจจะหันมาผลิตสินค้าคอนซูเมอร์ โพรดักท์อีกครั้งก็ได้ แต่อาจจะไม่ใช่สบู่หรือแชมพูอย่างที่เราเคยทำมา คงจะเป็นอย่างอื่นที่เราคิดว่าดี ซึ่งขณะนี้เรากำลังเก็บข้อมูลอยู่" สมชัยกล่าว

เมื่อถึงตอนนั้นคงต้องดูว่าฝีมือการทำตลาดสินค้าคอนซูเมอร์ โพรดักส์ของล่ำสูงจะพัฒนาไปกว่าเดิมหรือเปล่า

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us