Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2549
TRINITY ลุยฟิวเจอร์ส             
โดย ณัฐวัฒน์ หอมจิตต์
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้

   
search resources

ทรีนิตี้, บล.
Bond
โพลาริส กรุ๊ป
ทรีนิตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์ส




ถึงแม้ภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ และผู้ร่วมก่อตั้งรายอื่นของทรีนิตี้ จะมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีนักกับอดีตผู้ร่วมทุนจากไต้หวัน แต่เมื่อถึงคราวต้องหาพันธมิตรเพื่อรุกตลาดอนุพันธ์ ก็ยังหนีไม่พ้นที่จะเป็นสถาบันการเงินจากไต้หวันอยู่นั่นเอง

ตลาดอนุพันธ์ที่จะเริ่มเปิดซื้อขายวันแรกในวันที่ 28 เมษายนที่จะถึงนี้ เปรียบเสมือนความหวัง ใหม่ที่จะสร้างรายได้ให้กับเหล่าโบรกเกอร์เพื่อช่วยชดเชยในช่วงที่ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะซบเซามีมูลค่าการซื้อขายไม่มากนัก โบรกเกอร์ที่ให้ความสนใจในตลาดอนุพันธ์มีจำนวนไม่น้อย แต่ละแห่งก็มีรูปแบบในการรุกตลาดนี้แตกต่างกันไป มีทั้งที่สร้าง ทีมงานขึ้นมาเอง อย่างในกรณีของ บล.ไทยพาณิชย์ และ บล.กรุงศรีอยุธยา หรือหากเป็นโบรกเกอร์ต่างชาติเช่น บล.กิมเอ็ง ก็มักจะใช้เทคโนโลยีและโนว์ฮาว รวมไปถึงฐานลูกค้าจากบริษัทแม่ในต่างประเทศได้เลย

สำหรับกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ทรีนิตี้เลือกใช้อีกแนวทางหนึ่งที่แตกต่างออกไป นั่นคือการหาพันธมิตรจากต่างประเทศ โดยดึงโพลาริส กรุ๊ปจากไต้หวันเข้าถือหุ้นในบริษัท ทรีนิตี้ ฟิวเจอร์ส ในสัดส่วน 24.5% และเปลี่ยนชื่อเป็น ทรีนิตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์ส

โพลาริส กรุ๊ป เป็นกลุ่มสถาบันการเงินที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2531 เริ่มต้นจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหุ้น ปัจจุบันมีธุรกิจในเครือที่ไต้หวัน ฮ่องกงและจีน ครอบคลุมทั้งในด้านหลักทรัพย์ อนุพันธ์ ประกัน การลงทุนและธนาคาร ก่อนการตกลงร่วมทุนในครั้งนี้ ทรีนิตี้ได้ศึกษาความเป็นไปได้ของพันธมิตรจากหลายที่ แต่สุดท้ายก็ตกลงใจกับโพลาริส กรุ๊ป โดยเหตุผลสำคัญประการหนึ่ง ก็คือ ความเป็นผู้นำในธุรกิจอนุพันธ์ที่ไต้หวันของโพลาริส กรุ๊ป

"ที่ไต้หวันฐานลูกค้าจะเหมือนของไทย มีรายย่อยเยอะและต่อมาค่อยพัฒนาเป็นนักลงทุนสถาบัน เราไปดูแล้วรู้สึกว่าตลาดเหมือนไทยมากกว่าที่อื่นและเราสามารถจะใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ตรงนี้ได้" ขนิษฐา สรรพอาษา กรรมการ บล.ทรีนิตี้ให้เหตุผล

ตลาด Futures ที่ไต้หวันเปิดดำเนินการซื้อขายครั้งแรกในปี 2541 เริ่มต้นด้วยสินค้าเพียง 1 ตัวคือ Index Futures เช่นเดียวกับตลาดอนุพันธ์ของไทย ในช่วงแรกมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 2,000-3,000 สัญญา หลังจากนั้นก็มีสินค้าเพิ่มขึ้นช่วยให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้น จนปัจจุบันมีการซื้อขายวันละกว่า 540,000 สัญญา คิดเป็นตลาด Futures ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา

Wayne Pai ประธานโพลาริส กรุ๊ป ให้ความเห็นว่า การเปิดตลาดอนุพันธ์ของไทย ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญมากของตลาดการเงินของไทย เพราะจะทำให้นักลงทุนมีเครื่องมือใหม่ๆ ในการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังจะช่วยให้ประเทศไทยมีโอกาสที่จะได้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย

"ตอนที่ไต้หวันเปิดตลาดฟิวเจอร์ทำให้นักลงทุนที่วอลล์สตรีทมาลงทุนที่ไต้หวันมากขึ้น ทั้งที่ตลาดหุ้นและตลาดฟิวเจอร์ส และยังทำให้เกิดการพัฒนาตลาดอื่นขึ้นอีก"

โพลาริส กรุ๊ป เชื่อว่า ความสำเร็จในตลาดฟิวเจอร์ที่ไต้หวันเกิดจากปัจจัยสำคัญ 4 ประการด้วยกัน ได้แก่ 1. ระบบไอที ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมให้บริการลูกค้าได้ในหลายแพลตฟอร์ม 2. การทำตลาดอย่างจริงจัง โดยโพลาริสมีสาขาในไต้หวัน 48 สาขาและมีการจัดสัมมนาให้ความรู้กับลูกค้ามากกว่า 1,000 ครั้ง 3. การร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก 4. ประสบการณ์และความชำนาญในการสร้างผลิตภัณฑ์ด้วย Financial Engineering

ซึ่งโพลาริส กรุ๊ป จะนำทั้ง 4 ประการนี้มาใช้ในประเทศ ไทยด้วยเช่นกัน โดยจะเน้นที่การให้ความรู้กับผู้ลงทุนในกลุ่มต่างๆ ทั้งที่เป็นนักลงทุนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงและนักลงทุนเพื่อการเก็งกำไร เพื่อให้สามารถป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่ภาวะตลาดไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

กลุ่มลูกค้าของทรีนิตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์สในระยะแรกจะเน้นไปที่ฐานลูกค้าของบล.ทรีนิตี้ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 12,000 ราย โดยคาดว่าในปีแรกจะมีลูกค้าประมาณ 2,000 รายและยังมีโอกาสที่จะดึงกลุ่มลูกค้าของโพลาริส กรุ๊ปที่มีอยู่ 1 ล้านรายทั้งที่เป็นนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเข้ามาเป็นลูกค้าด้วย โดยชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ ทรีนิตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์สคาดว่าจากความร่วมมือกับโพลาริส กรุ๊ปและฐานลูกค้าที่มีอยู่น่าจะช่วยให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในปีแรกได้ถึง 10%

"ช่วง 3-6 เดือนแรกปริมาณการซื้อขายจะยังไม่มากนัก เพราะเป็นช่วงเรียนรู้ของนักลงทุน หลังจากนั้นจะคึกคักมากขึ้น เราประมาณการว่าปริมาณการซื้อขายในปีนี้จะเฉลี่ยประมาณวันละ 1,000 สัญญา"

หากความร่วมมือระหว่างทรีนิตี้และโพลาริส กรุ๊ปครั้งนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี ผู้บริหารทั้ง 2 ฝ่ายตั้งความหวังว่าจะต่อยอดนำไปสู่ความร่วมมือในธุรกิจอื่นๆ ตามมาในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมในตลาดหุ้นหรือ asset management ที่จะเป็นตัวสร้างรายได้ จากค่าธรรมเนียมอีกส่วนหนึ่งให้กับทรีนิตี้

ประสบการณ์กับผู้ร่วมทุนไต้หวันสมัยเมื่อครั้งทำงานอยู่ที่ บล.เอกธำรงน่าจะเป็นบทเรียนที่สำคัญให้กับผู้บริหารทรีนิตี้ได้นำมาปรับใช้ในการเลือกพันธมิตรอย่างระมัดระวังมากขึ้นในครั้งนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us