ทีทีแอนด์ที ลุ้นผลทดลองบริการไวแมกซ์ หาก กทช. เปิดให้ไลเซนส์พร้อมขอทันที ไม่สนมือถือ3 จี หวังหนีภาวะโทร.พื้นฐานตกต่ำ แถมกระจายไปหาลูกค้าไม่ทั่วถึง ปลายปี49 ส่ง “ทริปเปิล ที” รุกบริการโทร.พื้นฐานและบรอดแบนด์ประชาชนทั่วประเทศ 3 แสนเลขหมาย

นายประจวบ ตันตินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีทีแอนด์ที กล่าวว่า การได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม (ไลเซนส์) ประเภทที่ 3 ให้แก่บริษัท ทริปเปิล ที บรอดแบนด์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของทีทีแอนด์ที จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) บริษัทยังมีแผนยื่นขอไลเซนส์ใหม่จาก กทช. อีก โดยเฉพาะบริการในรูปของไวแมกซ์ ที่จะเน้นการให้บริการในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวถือเป็นบริการที่เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน ที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนด้านข่ายสาย ที่มีมูลค่าลงทุนสูง เมื่อเทียบกับการสื่อสารไร้สาย

“ระหว่างนี้ได้อยู่ในขั้นตอนรอการอนุมัติทดลองหลังจากที่ได้ยื่นขอทดลองให้บริการ ถึงแม้ในขณะนี้ กทช. ยังไม่มีการอนุมัติให้ทดลองแก่รายใดก็ตาม แต่หากรายใดได้หรือแอบทำก็ถือว่าซิกแซ็กพอสมควร”

การที่ ทีทีแอนด์ที จะลงทุนบริการในรูปเทคโนโลยีไวแมกซ์ เป็นผลมาจากเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ได้ดี ซึ่งในบางพื้นที่ประชาชนยังมีความต้องการใช้งานอย่างมาก ส่วนธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรูปแบบ 3 จี ทาง ทีทีแอนด์ที ยังไม่มีความสนใจในการให้บริการ เนื่องจากใช้ลงทุนสูงและประชาชนยังคงนิยมใช้บริการด้านเสียงมากกว่าการใช้บริการข้อมูลบนมือถือ

ผู้บริหารทีทีแอนด์ทีกล่าวว่า มุมมองการลงทุนจากนักวิเคราะห์ในต่างประเทศ ให้มองถึงการลงทุนที่คุ้มค่าหากทำไปแล้วไม่คุ้มหรือเติบโตดีพอไม่ควรทำ ซึ่งในหลายประเทศที่เริ่มทำ 3 จี ไปแล้วคุ้ม ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ชี้เทรนด์ของไวแมกซ์จะมาแรงกว่า เมื่อเทียบกับมือถือ ที่จะเริ่มอยู่นิ่ง คนจะใช้วอยซ์เป็นหลัก แต่ไวแมกซ์จะใช้ได้หลายรูปแบบและประชาชนยังใช้ได้ทั่วถึง บริการโทร.พื้นฐานจะกลับมาอีกครั้ง

สำหรับ ทริปเปิล ที บรอดแบนด์ บริษัทได้เตรียมงบประมาณลงทุนด้านโครงข่ายการให้บริการประมาณ 6,000 ล้านบาท รวมถึงแผนการตลาดของ ทริปเปิล ทีไว้พร้อมแล้ว ซึ่งคาดว่าใช้เวลาดำเนินการประมาณ 10 เดือน ก่อนที่จะเปิดให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ทีทีแอนด์ที พร้อมเปิดบริษัท ทริปเปิล ที

ทั้งนี้ กทช. ได้อนุมัติเลขหมายให้ ทริปเปิล ที 3 แสนเลขหมาย แบ่งเป็นเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 100,000 เลขหมาย ต่างจังหวัด 200,000 เลขหมาย โดย ทริปเปิล ที จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเลขหมาย 12 บาทต่อเลขหมายต่อปี ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต จ่ายให้ กทช. 3% ของรายได้รวมของบริษัท และค่าธรรมเนียมบริการเพื่อสาธารณะ (ยูเอสโอ) 4% ของรายได้บริษัท

นายประจวบ กล่าวว่า ทริปเปิล ที มีรูปแบบการดำเนินงาน หรือ ทางธุรกิจที่แตกต่างจาก ทีทีแอนด์ที เพราะไม่ได้อยู่ภายใต้การทำงานร่วมกับ ทีโอที ที่ได้รับสัมปทานบริการโทรศัพท์พื้นฐานเฉพาะฉะนั้นจะมีความคล่องตัวในทำงานมากกว่า

“ธุรกิจ ทีทีแอนด์ที นั้นยังสามารถดำเนินแข่งขันไปได้ แต่บางส่วนยังมีปัญหาในด้านเงื่อนไข หรือนโยบาย เป้าหมายของทริปเปิล ที ไม่ได้ต้องการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายเดิม แต่จะมุ่งขยายการให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน และบรอดแบนด์ไปในพื้นที่เศรษฐกิจ ชุมชน หรือหมู่บ้านที่มีการขยายการเติบโตใหม่ๆ ซึ่งยังขาดบริการดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ากรุงเทพฯมีการขยายตัวของชุมชน และพื้นที่ทางเศรษฐกิจอย่างมาก แต่บริการขั้นพื้นฐานยังกระจุกตัวในบางพื้นที่เท่านั้น” นายประจวบกล่าว

สำหรับปัญหาด้านการแข่งขันภายใต้สัญญาร่วมการงาน ทีทีแอนด์ที พยายามจะเจรจาเรื่องต่างๆ ให้เกิดข้อยุติ รวมถึงข้อพิพาท เพื่อให้ธุรกิจเกิดความคล่องตัว ถึงแม้ข้อพิพาทบางเรื่องได้มีการนำเข้าสู่กระบวนการทางยุติธรรม แต่บางเรื่องต้องการให้ ทีโอที เกิดความเข้าใจต่อการเป็นคู่สัญญา รวมถึงการร้องขอบริการใหม่ๆ

“เราเข้าใจถึงข้อตกลงต่างๆ ที่ได้ทำร่วมกันไว้ เราก็ยังคงเป็นคู่สัญญาที่ดีต่อกัน ปัญหาบางส่วน ทีโอที ควรที่จะเข้าใจ อย่างกรณีการลดค่าบริการโทร.ทางไกล จากอัตรา 3, 6, 9, 12, 16, 18 บาทต่อนาที มาเหลือ 3, 6, 9 บาท แต่ ทีทีแอนด์ที ยังคงจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้ 43% ให้กับ ทีโอที”

ล่าสุด ทีทีแอนด์ ที ได้ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ในโครงการ “อยากได้ทอง จากทีทีแอนด์ที ไปจ่ายค่าโทร.ที่ไปรษณีย์” ที่มีมูลค่ารางวัลเกือบ 6 ล้านบาท อาทิ ทองคำแท่ง หนัก 10 บาท 1 รางวัล โทร.ฟรี 12,000 บาท โทรศัพท์มือถือ LG 10 เครื่อง เป็นต้น เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ไปใช้บริการที่ทำการไปรษณีย์ 1,001 แห่งทั่วประเทศและรู้จักช่องทางใหม่นี้มากขึ้นจากเดิม โดยที่ผ่านมามีลูกค้าไปใช้บริการเฉลี่ย 60,000 รายต่อเดือน ซึ่งหลังจากทำแคมเปญนี้คาดว่าจะมีลูกค้าไปใช้บริการไม่น้อยกว่า 120,000 รายต่อเดือน