กฤษดาฯงัดแผนล้างขาดทุนสะสมกว่า 3,000 ล้านบาท เตรียมลดมูลค่าหุ้น หลังจากกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้รุดหน้า แถมมีสิทธิ์ซื้อทรัพย์สินคืนได้ ฟุ้งผู้ถือหุ้นเตรียมรับเงินปันผล
แหล่งข่าวจากบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พยายามที่จะปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างทุนให้มีฐานะการเงินที่แกร่งขึ้น โดยที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มทุน ลดทุนโดยลดหุ้นบุริมสิทธิลง ซึ่งในไตรมาสที่ 4 ปี 2548 ก็เช่นกัน ทางบริษัทก็ได้ขอปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารกรุงเทพอีกครั้ง เพื่อปรับสถานะทางการเงินในระยะยาวให้ดีขึ้น โดยทางบริษัทจะโอนทรัพย์เพื่อชำระหนี้เป็นที่ดินในโครงการกฤษดาซิตี้ กอล์ฟ ฮิลล์ บริเวณถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรีทั้งหมด ยกเว้นสนามกอล์ฟที่ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง
โดยการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งนี้ สามารถลดหนี้ได้ทั้งสิ้นประมาณ 1,500 ล้านบาท ทำให้หนี้สิ้นรวมของบริษัทเหลือประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยเงื่อนไขการโอนทรัพย์นี้ ทางบริษัทยังมีสิทธิทางด้านการขายและบริหารโครงการเหมือนเดิม ซึ่งในรายการดังกล่าวทำให้บริษัทขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้ประมาณ 920 ล้านบาท และการตั้งสำรองการเสื่อมค่าของที่ดินที่เป็นสินทรัพย์ของบริษัท โดยในปัจจุบันทางบริษัทได้มอบหมายให้ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ทำการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ใหม่ เพื่อปรับราคาที่ดินให้สอดคล้องกับราคาตลาดในปัจจุบัน โดยรายการนี้ทางบริษัทขาดทุนจากการตั้งสำรองอีก 1,400 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองรายการดังกล่าว จะส่งผลดีกับบริษัทระยะยาว โดยทำให้บริษัทสามารถขายและรับรู้กำไรจากการขายได้ในระยะยาวต่อไป
สำหรับผลประกอบการในปี 2549 นี้ ในไตรมาสที่ 1 บริษัทจะมียอดรับรู้รายได้จากการขายโครงการเดอะคริส คอนโดมิเนียมใจกลางเมือง รัชดา-สุทธิสาร ประมาณ 320 ล้านบาท และโครงการอื่นๆอีก ทั้งโครงการเก่าและโครงการใหม่ ทำให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 คาดว่าคงจะมีกำไรอย่างแน่นอน และผลประกอบการในไตรมาส 2-4 ก็คาดว่าน่าจะมีกำไรเช่นกัน มีโครงการเปิดใหม่ เช่น โครงการกฤษดานคร วงแหวน-อ่อนนุช ก็เริ่มทำการขายแล้ว สำหรับโครงการ เดอะคริส บริษัทก็มีการเปิดขายอาคารที่ 2 แล้ว มียอดขายประมาณ 80-90% คาดรับรู้รายได้ในปีนี้ โดยทางบริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
สำหรับการขาดทุนสะสมสิ้นสุดในปี 2548 ทางบริษัทขาดทุนสะสม 3,101.19 ล้านบาท นั้น ทางบริษัทมีนโยบายที่จะล้างขาดทุนสะสมให้หมดภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยอาจใช้วิธีการลดมูลค่าพาร์ลง เนื่องจากปัจจุบันมูลค่าพาร์ของบริษัทอยู่ที่ 8.8 บาท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีอยู่แล้ว ก็จะลดพาร์ลงเพื่อล้างขาดทุนสะสมให้หมด และคาดว่าปีนี้จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้
|