*ทุนข้ามชาติหวั่นปัญหาการเมืองลุกลาม ติดเบรกลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลเงินลงทุนหยุดไหลเข้าไทยทันทีกว่า 10,000 ล้านบาท
*ชี้หากสถานการณ์สงบ เม็ดเงินจะไหลเข้ามาอีกไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีข้างหน้า
*เผยทุนใหม่ชะลอลงทุนใน เอส.ซี.แอสเสทฯในเครือชิน และโกลเด้นท์ แลนด์ อย่างไม่มีกำหนด
ช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีกลุ่มทุนข้ามชาติ ทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย เคลื่อนย้ายฐานการลงุทนมายังประเทศไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มทุนจากในย่านเอเชีย อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีนที่ดาหน้าขยายการลงทุนมายังไทยจำนวนมาก คิดเป็นเม็ดเงินมากกว่า 100,000 ล้านบาท ในหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงพยาบาล โรงแรม และไอที
เหตุผลที่กลุ่มทุนข้ามชาติขยายการลงทุนเข้ามายังไทยนั้น เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงมีโอกาสกอบโกยรายได้กลับประเทศตัวเองได้ไม่ยากนัก ประกอบกับ กลุ่มทุนดังกล่าวมีเม็ดเงินจำนวนมาก ทำให้ต้องขยายการลงทุนออกไปในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างรายได้ และกระจายความเสี่ยงออกไปในประเทศอื่น ๆ
นอกจากนี้ ในสิงคโปร์และฮ่องกง เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ไม่มาก และที่ผ่านมายังถูกพัฒนาไปแล้วเกือบหมด ทำให้นักลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องแผ่อาณาจักรการลงทุนออกไปยังประเทศอื่น ๆ และไทยเป็นเป้าหมายต้น ๆ ที่เข้ามาลงทุน ขณะเดียวกัน ความมีเสถียรภาพทางการการเมือง สังคม และภาวะเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักลงทุนข้ามชาติเข้ามาลงทุนในไทย
เผย 2 ปี เงินไหลเข้ากว่า50,000 ล้าน
ชายนิด โง้วศิริมณี กรรมการผู้จัดการ บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กล่าวว่า ในช่วง 2 -3 ปีที่ผ่านมา มีกลุ่มทุนข้ามชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยหลายราย คิดเป็นเม็ดเงินมากกว่า 50,000 ล้านบาท โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจหนึ่งที่กลุ่มทุนข้ามชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนจำนวนมาก เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็ว และค่อนข้างมาก หากเทียบกับการลงทุนในประเทศอื่น
โดยกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ติดอันดับท็อปไฟล์ในสิงคโปร์เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว อาทิ กลุ่มแคปปิตอล แลนด์ ,กลุ่มเซ็นเตอร์พอยท์ พร็อพเพอร์ตี้ ,กลุ่มเคปเปล แลนด์ ,กลุ่ม โฮเต็ล พร็อพเพอร์ตี้ (เอช พี แอล) และซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นต้น และกำลังจะขนเงินเข้ามาลงทุนอีกจำนวนมาก ในเบื้องต้นประเมินได้ว่า จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกราว ๆ 50,000 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีข้างหน้า หากสถานการณ์ด้านการเมืองคลี่คลายลงในทิศทางที่ดี
อย่างไรก็ตาม จากการเดินขบวนประท้วงและเรียกร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งนั้น ทำให้กลุ่มทุนข้ามชาติเริ่มเกิดความไม่มั่นใจในการลงทุน กลัวว่าเหตุการณ์จะลุกลาม จึงได้เบรกการลงทุนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อดูสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ คาดว่าการชะลอการลงทุนในช่วงนี้ คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนราว ๆ 10,000 ล้านบาท
ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ชายนิด กล่าวอีกว่า ในช่วงที่เกิดการประท้วงแรก ๆ นักลงทุนยังคงมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์บานปลาย จึงไม่ได้หยุดการลงทุน แต่อาจจะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีการสอบถามกันจำนวนมาก ทั้งที่จะลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วมมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และโครงการเมกะโปรเจกท์ขนาดใหญ่ของรัฐบาล แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป รัฐบาลไม่สามารถควบคุม หรือทำให้กลุ่มผู้ร่วมประท้วง หรือม็อบ ยุติการชุมนุมได้ ทำให้กลุ่มทุนข้ามชาติเริ่มเกิดความกังวล และตัดสินใจชะลอการลงทุนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
อย่างไรก็ตาม ชายนิด ยังเชื่อว่า เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มคลี่คลาย กลุ่มทุนกลุ่มดังกล่าว รวมถึงกลุ่มทุนกลุ่มใหม่ จะยังคงเข้ามาลงทุนในไทยเช่นเดิม แม้ว่าในช่วงนี้ ประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่ง อย่างเวียดนามจะเริ่มฉวยวิกฤตในไทย เป็นโอกาสเพื่อเชิญชวนนักลงทุนเข้าไปลงทุนในเวียดนามก็ตาม แต่ยังเชื่อว่ากลุ่มทุนกลุ่มนี้จะยังไม่รีบร้อนย้ายฐานการลงทุนไปยังเวียดนาม และยังสนใจลงทุนในไทยเช่นเดิม
“สำหรับกองทุนเทมาเส็ก เปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนใหม่ จากเดิมที่เน้นการลงทุนในสิงคโปร์ 90% และต่างประเทศ 10% แต่ในปัจจุบันได้ปรับพอร์ตการลงทุนเป็นลงทุนในสิงคโปร์ เอเชีย และในประเทศอื่น ๆ นอกเอเชียในสัดส่วนเท่ากันคือประมาณกว่า 30% เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน”
ในส่วนของบมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่ร่วมมือกับกลุ่มทุนจากฮ่องกง คือ กองทุน GAMS ไม่มีปัญหาอะไร ยังคงร่วมทุนเช่นเดิม เพราะเป็นกลุ่มทุนจากฮ่องกงซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากการประท้วง ที่พุ่งเป้าไปที่สิงคโปร์เป็นหลัก
ส่วนกลุ่มเซ็นเตอร์พอยท์ พร็อพเพอร์ตี้ ที่ร่วมทุนกับบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดินนั้น แม้ว่าจะเป็นกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ แต่ขณะนี้ยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการเช่นเดิม เพราะกระบวนการร่วมทุน ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะมีปัญหาการชุมนุม
ทุนข้ามชาติเบรกร่วมทุนSC-GOLD
แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ บอกว่า ปัจจุบันกลุ่มทุนข้ามชาติที่กำลังจะเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ได้ชะลอการลงทุน หรือร่วมทุนออกไปทั้งหมด อย่างไม่มีกำหนด ไม่ว่าจะเป็นทุนจากฮ่องกง สิงคโปร์ หรือจีน เพื่อขอดูสถานการณ์ด้านการเมือง หากปัญหาทุกอย่างสามารถยุติลงด้วยดี กลุ่มทุนใหม่ ๆ จะทยอยเข้ามาลงทุนอีกจำนวนมาก
“เท่าที่รู้มา กลุ่มทุนที่จะเข้ามาร่วมทุนกับบริษัท เเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และโกลเด้นท์ แลนด์ นั้น ชะลอแผนการร่วมทุนทั้งหมด เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะจบลงในรูปแบบไหน และจะต้องใช้เวลาแค่ไหนในการเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา”
ปริญสิริยันทุนใหม่ไม่หนี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ในภาพรวมกลุ่มทุนข้ามชาติ จะชะลอการลงทุนแต่ในส่วนของกลุ่มทุนที่จะเข้ามาร่วมทุนกับบมจ. ปริญสิริ กลับยังไม่มีการชะลอแผนการร่วมทุนแต่อย่างใด โดยชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องการประท้วง แต่กลุ่มทุนข้ามชาติ 2-3 ราย ที่อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับบริษัท ยังไม่มีแผนที่จะเลื่อนการเจรจา หรือเลื่อนการร่วมทุนออกไป ยังคงยืนยันที่จะร่วมทุนกับบริษัทเช่นเดิม เนื่องจากมีความมั่นใจในศักยภาพของไทย และโมเดลการทำธุรกิจของปริญสิริ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการร่วมทุน คาดว่าจะสรุปผลการเจรจาได้ในเร็ว ๆ นี้ หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนเม.ย.นี้ โดยจะเข้ามาถือหุ้นในปริญสิริในสัดส่วน 20%
“ทุนข้ามชาติที่จะเข้ามาร่วมทุนกับปริญสิริ มองปัญหาการเมืองตอนนี้เป็นปัญหาระยะสั้น และคาดว่าปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายลงเร็ว ๆ นี้ จึงยังคงยืนยันที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ที่สำคัญการลงทุน ของนักลงทุนจะมองถึงศักยภาพจากผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวมากกว่ามองแค่ปัญหาในระยะสั้น ๆ ”
|