Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์27 มีนาคม 2549
"HOME&AWAY"ยุทธศาสตร์แบงก์นอก HSBCอิมพอร์ตไอเดียโกลบอลเขย่าบัตรเครดิต             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย

   
search resources

Credit Card
ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย




การเปิดตัวในธุรกิจบัตรเครดิตอย่างเอาจริงจัง ของสาขาแบงก์จากเกาะอังกฤษ "HSBC" เมื่อ 2 ปีก่อน ในมุมมองแบงก์ทั่วๆไปจึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา และอาจจะไม่ธรรมดายิ่งกว่านั้น ถ้าสังเกตุเห็นรูปแบบการโปรโมชั่นหนักๆ โดนใจ แบบรัวถี่ยิบแทบจะทุกสัปดาห์ พร้อมๆกับการเปิดตัว "มือการตลาด" คนใหม่ที่อิมพอร์ตตรงจากสิงคโปร์ ซึ่งกำลังเริ่มวาง "ยุทธศาสตร์" HOME&AWAY คอนเซ็ปท์ที่ว่ากันว่า เป็นข้อได้เปรียบของแบงก์นอก ที่แม้จะมีสาขาเพียงหนึ่งเดียว แต่ก็สามารถเขย่าตลาดบัตรเครดิตให้สั่นคลอนได้ในเวลาอันรวดเร็ว...

มาริอาโน เรซิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสาร ธนาคาร เอชเอสบีซี ประเทศไทย(HSBC) ถูกส่งตรงมาประจำในประเทศไทย เพื่อรับภารกิจขยายตลาดธุรกิจบัตรเครดิต และคิดค้น พัฒนาโปรดักส์ทางการเงินสำหรับลูกค้าประเภทบุคคลโดยตรง โดยย้ายจากสิงคโปร์มาตั้งแต่ธันวาคมปีก่อน

การอิมพอร์ตผู้บริหารที่ถือเป็น "มันสมอง" ของกลุ่มที่มีประสบการณ์ในสายงานบัตรเครดิตและผลิตภัณฑ์ทางการเงินในระดับโกลบอล จึงน่าจะบอกได้ถึงการรุกอย่างเต็มตัวในธุรกิจที่แบงก์หรือแม้แต่นอนแบงก์ต่างๆ กำลังจดจ้องตาเป็นมัน

ขณะเดียวกันก็เป็นสเต็ปที่สอง ภายหลังการสร้างแบรนด์ หรือ "รีแบรนดิ้ง" อย่างคึกคักมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน ของแบงก์ที่มีอายุยาวนานถึง 117 ปีจากเกาะอังกฤษ

ในช่วงแรกๆของการปลุกปั้นแบรนด์ระดับ "เวิล์ดคลาส" ให้เป็นที่จดจำในระดับ "โลคอล" ดูได้จากการกวาดสายตาไปยังมุมไหนๆก็จะปะทะกับโลโก้ HSBC อยู่ในทุกจุดของสายตา ไล่มาตั้งแต่โลโก้ที่ติดอยู่ภายในบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง จนลงมาถึงสื่อกลางแจ้ง ป้ายรถเมล์ และร่วมกับพันธมิตรนกแอร์ เดอะ มอลล์ เอ็มพอร์เรียมและทรู มูฟ

ทั้งหมดนี้จึงอธิบายได้ถึง แบรนด์ระดับโกลบอลที่กำลังรุกคืบเข้าสู่ทุกประตูบ้านลูกค้ารายบุคคลในตลาดที่มีทำเลที่ตั้งสาขากระจายอยู่

มาริอาโน ยอมรับว่า การมีสาขาเพียงหนึ่งเดียวหรือ " วัน เพลส วันโลเคชั่น" มีทั้งข้อได้เปรียบ และเสียเปรียบ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยับขยายตลาดบัตรเครดิตหรือสินเชื่อบุคคล ที่HSBC กำลังเวิล์คเต็มที่

ฐานลูกค้าบัตรเครดิตค่ายนี้ในปัจจุบันอยู่ในระดับเกือบ 4 แสนใบ ปีที่แล้วมีลูกค้าใหม่ประมาณ 1.25 แสนใบ ในขณะที่แผนโปรโมชั่น ที่เน้นสิทธิประโยชน์และพาร์ทเนอร์ก็ยังมีให้เห็นละลานตามาตลอดตั้งแต่ต้นปี

การมีสาขาเดียวโดดๆ อาจเป็นข้อจำกัดสำหรับธุรกิจบางอย่างที่ลูกค้าต้องการคำปรึกษา ในขณะที่บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลไม่จำเป็นต้องพึ่งพากิ่งก้านสาขา แต่หากอนาคตมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ มาริอาโน่ก็ไม่ปฏิเสธว่า การให้บริการอาจเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่านี้ นอกจากนั้นธุรกิจก็จะขยายตัวได้ไม่จำกัด

แต่ที่ใครต่อใครมองข้ามไปก็คือ คอนเซ็ปท์ แบงก์ท้องถิ่นในรูปแบบเวิล์ดคลาส ซึ่งแม้จะมีสาขาตั้งอยู่เพียงแห่งเดียวในประเทศนั้นๆ HSBC ก็ยังขยายตลาดได้อย่างน่าตื่นตะลึง

มาริอาโน บอกถึงข้อได้เปรียบของแบงก์ท้องถิ่นระดับเวิล์ดคลาสอย่าง HSBC เลือกใช้คอนเซ็ปท์ง่ายๆคือ "HOME&AWAY"โฮมคือ โลคอล ส่วนอเวย์ก็คือ ต่างประเทศ แปลความได้ว่า ลูกค้าที่ถือบัตร HSBC ทุกมุมโลก จะได้รับสิทธิประโยชน์และบริการเท่าเทียมกัน ข้อได้เปรียบตรงนี้จึงกลายเป็นความแตกต่างไปด้วยในตัว

" พาร์ทเนอร์ของเราก็จะได้ฐานลูกค้าจากต่างประเทศที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ในขณะที่คนไทยที่มีบัตร HSBC ที่ไปเที่ยวต่างประเทศก็จะได้สิทธิประโยชน์เหมือนๆกัน"

ตลาดภูมิภาคเอเชีย มีผู้ถือบัตร HSBC ร่วม 13 ล้านใบ โดยฮ่องกงมีผู้ถือบัตรประมาณ 4 ล้านใบ ซึ่งการมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลกจึงทำให้นักท่องเที่ยวทั้งจากฮ่องกง สิงคโปร์เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในไทยอยู่ไม่น้อย

" สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นประเทศขนาดเล็ก แต่เรื่องบัตรเครดิตเขาล้ำหน้าค่อนข้างมาก การทำตลาดหรือให้บริการลูกค้าของ HSBC ก็จะเรียนรู้จากประเทศเหล่านี้ รวมถึงอเมริกา ยุโรป และอังกฤษ ที่มีรูปแบบการให้สิทธิประโยชน์ที่ก้าวหน้าไปก่อนนานแล้ว"

นอกจากนั้น การตลาดรูปแบบนี้ก็จำเป็นต้องให้สาขาในแต่ละประเทศตั้งโปรแกรมมองหาสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าเพื่อเสริมการให้บริการซึ่งกันและกันในตลาดระดับภูมิภาค

" ทีมงาน HSBC ในไทยเป็นโลคอลทั้ง 100% แต่ก็สามารถนำเอาไอเดียจากต่างประเทศมาใช้ได้ บางครั้งแคมเปญบัญชีเงินฝากในไทยก็นำไปใช้กับสาขาต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนกันได้ HSBC จึงพยายามจะมีไอเดียหลากหลาย และใช้ช่องทางต่างๆ รวมถึงมีกิจกรรมที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย"

มาริอาโน ยอมรับว่า แทบทุกแบงก์ต้องเผชิญกับการคุมเพดานดอกเบี้ยของทางการ ที่ทำให้ปริมาณบัตรขยายตัวไม่มาก แบงก์รวมถึงนอนแบงก์ต่างๆก็จะหันมาล่อใจด้วยสิทธิประโยชน์หลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นในสนามแข่งขันก็จะเพิ่มอุณหภูมิร้อนไม่หยุด

ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า การตั้งเป้าเป็นผู้นำในตลาด ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยที่ควบคุมได้และยากจะควบคุม เช่น อัตราดอกเบี้ย และเศรษฐกิจภาพรวมที่มีผลต่อการเติบโต แต่ก็เป็นเรื่องนอกเหนือการควบคุม

แต่ที่ควบคุมได้ก็คือ การลงทุนด้านการตลาด โดยการมอบสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าสามารถทำอะไรได้อีกมากมาย เพื่อดึงให้ลูกค้ามาใช้บริการ รายได้ธุรกิจก็จะเติบโต

" การเติบโตจะหมายถึงยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรมากกว่าจำนวนบัตร บางแบงก์อาจออกให้ลูกค้ารายเดียวกันถือทั้งบัตรเติมน้ำมัน บัตรห้างสรรพสินค้าและบัตรเครดิตของแบงก์ รวม 1 คน 3 บัตร สำหรับเราจะไม่ขยายจำนวนบัตรให้กับลูกค้าคนเดิมๆ"

จากสถิติพบว่า ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 50% มาจากการช้อปปิ้ง เติมน้ำมันและซื้อของในศูนย์สรรพสินค้า...

มาริอาโน่บอกว่า ปีที่แล้วอัตราการเติบโตยอดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงกว่าตลาดถึง 20% ขณะเดียวกันก็ทำให้ธุรกิจบัตรเครดิตโดยรวมมีสีสันมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องตั้งคำถามว่า จะทำอย่างไรให้คนมีบัตรใช้จ่ายผ่านบัตร คำตอบก็คือ ให้ส่วนลด และสิทธิประโยชน์เป็นตัวนำ

ทั้งหมดนี้จึงขึ้นอยู่กับ HSBC ต้องมองหาพาร์ทเนอร์ เพื่อร่วมเป็น Co Brand เพื่อให้สิทธิประโยชน์ตรงใจกับลูกค้า

มาริอาโน่ บอกว่า ในฮ่องกง แบรนด์ HSBC ค่อนข้างแกร่ง เปรียบเหมือนแบงก์ประจำชาติ ส่วนในสิงคโปร์ อินเดีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ก็แข็งแรงไม่แพ้กัน

อย่างไรก็ตาม ปริมาณบัตรในแต่ละประเทศก็ยังไต่ขึ้นค่อนข้างช้า ขณะที่อัตราการเติบโตในตลาดเมืองไทยปี 2547-2548 กลับสูงเป็นเท่าตัว

ดังนั้นปีนี้จึงมีโครงการจะขยายทุกช่องทางจำหน่าย ตั้งแต่ ตัวแทนฝ่ายขาย เทเลมาร์เก็ตติ้ง ช่องทางออนไลน์ ระบบกรอบแบบฟอร์มสมาชิกในจุดสำคัญ และการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ในทุกจุดที่สายตาส่ายไปถึง ซึ่งปลายเดือนก่อนก็เพิ่งยิงโฆษณาทางสื่อโดยเน้นสิทธิประโยชน์ออกมาหลากหลาย

ขณะเดียวกัน HSBC ก็ยังยืนยันจะลงทุน มีกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยี และด้านบุคลากร ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ลงทุนไปมากพอสมควร โดยปีนี้จะเน้นการให้บริการและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตรงใจลูกค้า

การขยายตลาดบัตรเครดิตจึงเป็นจุดเริ่มต้นเปิดตัวกับลูกค้ารายย่อย ก่อนจะต่อยอดไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคล ที่เริ่มเปิดตัวอย่างเงียบๆควบคู่กันไปไม่นาน

มาริอาโน บอกว่า ถ้ามีโอกาสในการทำตลาด ก็จะพยายามศึกษาความคืบหน้าในการทำธุรกิจใหม่ๆต่อไป ส่วนบัตรเดบิตติดอยู่ที่ต้องมีบัญชีเงินฝากค่อนข้างมาก และสาขาที่กระจายครอบคลุมเพียงพอ ดังนั้นการเปิดตัวในช่วงแรกๆจึงมีข้อจำกัดที่มีสาขาที่มีเพียงหนึ่งเดียว...

ทำเลที่เป็นสาขาแห่งเดียวของ HSBC อาจจะครอบคลุมลูกค้าไม่ทั่วถึง แต่ถ้านึกถึงความเป็นแบงก์ระดับโกลบอลที่มีกลุ่มลูกค้าทั้งใหญ่ กลาง เล็ก รวมกัน ก็อาจจะมองเห็นเครือข่ายที่เชื่อมไปถึงทุกจุดที่ต้องการเข้าไปจับจองพื้นที่

วันนี้อาจจะเป็น "วันเพลส วันโลเคชั่น" แต่ถ้าตะเข็บที่เป็นพรมแดนระหว่างประเทศถูกโละออกจนหมด ในวันนั้นก็อาจจะเห็นชื่อ HSBC ติดหราไปทุกหนทุกแห่ง...ถึงวันนั้นแบงก์ไทยก็ต้องออกอาการหนาวๆ ร้อนๆไปตามกัน...   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us