|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้(23 มี.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ดันดัชนีปิดที่ 729.72 จุด เพิ่มขึ้น 5.31 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.73 % มูลค่าการซื้อขาย 9,858.65 ล้านบาท
การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,063.02 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 238.77 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 824.24 ล้านบาท
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างชาติ และหุ้นกลุ่มธนาคารก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่นักลงทุนความคลายความกังวลจากที่กองทุนกองทุน เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินได้มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารนครหลวงไทย และหุ้นกลุ่มพลังงานมีการปรับขึ้นจากที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 มี.ค.)คาดว่าจะมีการทรงตัว เนื่องจากยังคงได้รับความกดดันจากปัจจัยทางการเมือง และในวัน 27 มีนาคม 2549 ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะมีการจัดประชุม ซึ่งอาจจะมีผลทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีการชะลอการลงทุนในไทย ทำให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ก่อน โดยมองแนวรับที่ระดับ 728 จุด แนวต้านที่ระดับ 735 จุด
ทั้งนี้ การที่ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาตัดสินไม่ให้บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) มีการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO)นั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการภาวะตลาด เนื่องจากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และเรื่องดังกล่าวก็มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมาแล้ว แต่จะมีผลกระทบต่อบริษัทหลักทรัพย์ และมีผลต่อมูลค่าตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ซึ่งอาจทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการปรับเป้ามาร์เกตแคปใหม่
สำหรับการที่กฟผ.ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนได้นั้นก็จะมีผลกระทบต่อเม็ดเงินต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มนั้นไม่มี แต่เม็ดเงินต่างประเทศก็ยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยตามปัจจัยเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ส่วนจะมีผลต่อบริษัทรัฐวิสาหกิจอื่นๆไม่สามารถเข้าจดทะเบียนนั้นก็จะต้องมีการพิจารณาเป็นกรณีๆไป
“การที่กฟผ.สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยก็จะทำให้เม็ดเงินต่างประเทศเข้ามาลงทุนเพิ่มในกฟผ.แต่การที่กฟผ.ไม่สามารถขายหุ้นได้ก็จะทำให้เม็ดเงินที่จะเข้ามาเพิ่มไม่มี แต่ก็ยังคงมีเม็ดเงินลงทุนของต่างประเทศก็ยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยตามปัจจัยพื้นฐาน” นายสุกิจกล่าว
***มองมาร์เกตแคปไม่ได้ตามเป้า
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาค และจากการที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT,PTTEP,TOP รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่มีการปรับตัวลดลงแรง
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นก็คาดว่าดัชนีจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ ที่ 735 จุด และมีแนวรับที่ระดับ 725-728 จุด
ทั้งนี้ การที่ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาไม่ให้กฟผ.กระจายหุ้นนั้น ก็จะมีผลกระทบมาร์เกตแคปทำให้เป็นตามเป้าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการเลื่อนออกไปจากที่คาดการณ์ไว้ที่ 10 ล้านล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า และมีผลต่อเม็ดเงินต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนหากกฟผ.มีการเข้าจดทะเบียนก็จะไม่เข้ามาในส่วนของการลงทุนในกฟผ.แต่นักลงทุนต่างประเทศก็ยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อ เพราะที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศก็เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีการขายออกมาบ้างก็ตาม
***ก้องเกียรติชี้ทำให้ตลาดหุ้นน่าสนใจน้อยลง
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบจากการที่บริษัท กฟผ.ไม่สามารถขายหุ้นให้กับประชาชนอย่างแน่นอน เนื่องจากทำให้ความน่าสนใจของตลาดทุนไทยจะลดลงซึ่งแทนที่ควรจะเพิ่มขึ้น หากมีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมามีปัจจัยลบเข้ามากระทบหลายเรื่องทั้งเรื่องปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่นอกเหนือจากบริษัทกฟผ. ที่ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนได้ยังรวมถึงบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ที่ไม่สามารถจดทะเบียนได้เช่นกัน
****มาร์เกตแคปหาย1แสนล้าน
นายก้องเกียรติกล่าวว่า ผลกระทบในเรื่องดังกล่าว ส่งผลต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากความสนใจของตลาดหุ้นไทยน้อยลง ขณะขนาดของตลาดหลักทรัพย์จะเล็กลงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค อย่างไรก็ตามมาร์เกตแคปของบริษัทกฟผ. อยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านบาท
นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนักลงทุนต่างชาติจะต้องมีการซักถามอย่างแน่นอน ซึ่งคำตอบในเรื่องดังกล่าวก็คือหวังว่าในอนาคตกฟผ.จะสามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้
ทั้งนี้ บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องหาเงินทุนเพื่อนำมาลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งหากบริษัทจะต้องมีการกู้ลงทุนรัฐบาลก็จะต้องเป็นผู้ที่เข้ามาค้ำประกัน ซึ่งจะทำให้เงินในส่วนดังกล่าวแทนที่จะไปสู่การพัฒนาประเทศในรูปแบบต่างๆกลับต้องเสียประโยชน์ที่จะต้องนำมาค้ำประกันหนี้
***ภัทรหวั่นทุนนอกไหลเข้าตลาดสิงคโปร์แทน
นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด(มหาชน)ในฐานะแกนนำร่วมในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท กฟผ.เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดอย่างเป็นทางการในกรณีที่ศาลปกครองไม่อนุญาตให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้มากนัก ซึ่งรวมถึงการนำบริษัท ทศท.คอร์ปอเรชั่น ซึ่งบล.ภัทรเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเป็นอย่างไร
นายสุวิทย์กล่าวว่า การที่บริษัท กฟผ.ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้นั้น ก็อาจจะทำให้ความคาดหวังที่จะได้เห็นตลาดหลักทรัพย์นั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างที่ตั้งเป้าไว้ และอาจจะทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยลดน้อยลงได้เช่นกัน และสิ่งที่น่ากังวลคือเม็ดเงินจากต่างประเทศอาจจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นสิงคโปร์แทนก็ได้
***จับตารสก.อื่นอาจถูกเบรก
แหล่งข่าวกล่าวว่า หลังจากที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งห้ามไม่ให้บริษัทกฟผ.กระจายหุ้นนั้น ทำให้รัฐวิสาหกิจอื่นๆ อีกหลายแห่งที่เตรียมจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อาจจะถูกชะงักได้เช่นกัน จึงทำให้หลายฝ่ายกำลังจับตาว่ารัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆ จะทำอย่างไร
นายสิทธิไชย มหาคุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินหุ้นบริษัท กสท.โทรคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินที่จะนำบริษัท กสท.เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็ยังดำเนินการต่อไปเหมือนเดิม ส่วนกรณีที่บริษัท กฟผ.ถูกสั่งห้ามกระจายหุ้นนั้น เชื่อว่าคงจะไม่ส่งผลกระทบ เพราะเป็นคนละกรณี
ส่วนบริษัท กสท.โทรคมนาคมจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทันในปีนี้หรือไม่ ยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากจะต้องรอหารือกับคณะกรรมการบริษัท กสท.โทรคมนาคมเสียก่อน
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า การที่บริษัท กฟผ.ไม่สามารถกระจายหุ้นได้นั้น จะต้องดูรายละเอียดก่อนว่าติดปัญหาเกี่ยวกับประเด็นเรื่องใด แต่เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ที่จะเข้ามาระดมทุน เพราะธุรกิจของ กฟผ.นั้นมีลักษณะของการผูกขาด
ในส่วนของบริษัท กสท.โทรคมนาคม ที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นการแปรรูปจะต้องใช้เวลาพอสมควร และพิจารณาถึงความเหมือนและความแตกต่างกับ กฟผ.ว่าเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าบริษัท กสท.โทรคมนาคมนั้นมีลักษณะของการผูกขาดที่น้อยกว่า
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินออกมาแล้วนั้น ก็ต้องเคารพในคำตัดสินนั้น และตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายมาร์เกตแคปเป็นรายปีแต่อย่างใด
อนึ่งก่อนหน้านี้นางสาวโสภาวดีเคยแสดงความเห็นว่า ตลาดหลักทรัพย์ไม่เคยนับรัฐวิสาหกิจเข้ามารวมอยู่ในบริษัทเป้าหมาย เพราะการนำรัฐวิสาหกิจเข้ามาจดทะเบียนนั้น ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐบาลว่าจะเป็นอย่างไร
|
|
|
|
|