นายวันชัย ศรีหิรัญรัศมี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท โกล์เด้นแลนด์ จำกัด (มหาชน)กล่าวถึงกระแสข่าวการเข้ามาเทคโอเวอร์บริษัท จากกลุ่มทุนใหม่ว่า กระแสข่าวการขายหุ้นที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่เป็นความจริง และบริษัทขอยืนยันว่ายังไม่มีการขายหุ้นของบริษัทให้กลุ่มทุนใหม่และบริษัทเองก็ไม่มีนโยบายในเรื่องดังลก่าวด้วย และจนถึงขณะนี้ผู้ถือหุ้นทุกรายก็ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนและจำนวนเท่าเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นแต่อย่างใด
สำหรับในปี2548 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รับรู้2,000 กว่าล้านบาทส่วนในปี49 นี้บริษัท ตั้งเป้าจะมียอดรายได้รับรู้ที่ 4,000 ล้านบาทเติบโตจากปี 2548 ประมาณ 50% โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจาก ยอดขายโครงการคอนโดมิเนียม 900 ล้านบาท ยอดขายจากโครงการบ้านเดี่ยว ซึ่งในส่วนของยอดขายโครงการบ้านเดี่ยวนี้จะเป็นยอดรับรู้รายได้ที่โอนจากปี48 มารับรู้ในปี49นี้ 1,700ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากอพาร์ทเมนท์เวอร์วิส 440 ล้านบาท และการขายโครงการสกายวิลล่า 300 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของยอดขายโครงการ ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากการขายอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยยอดขายดังกล่าวจะมาจาก การขายโครงการบ้านเดี่ยว 4 โครงการ ซึ่งจะทยอยรับรู้ในบางส่วนในปีนี้ ประมาณ 2,500 -2,600 ล้านบาท จากมูลค่ารวม 4 โครงการ 16,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการโกลเด้น เฮอร์ริเทจ 3,800 ล้านบาท โครงการ โกลเด้น โมนาโก 3,300 ล้านบาท โครงการโกลเด้นรีเจนท์ 3,900 ล้านบาท และโครงการ โกลเด้นนครา 5,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีการรับรู้รายได้ดังกล่าว ที่เกิดขึ้นในปีนี้ จะทำให้บริษัท สามารถล้างหนี้ในส่วนที่ยังมีการขาดทุนสะสมอยู่ประมาณ 119 ล้านบาทได้หมดในปี 49 นี้ และจำช่วยให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินการได้ ส่วนการปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทนั้น บริษัทจะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าจะมีการประกาศปันผลหรือไม่
นายวันชัย กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 49 ว่า ในปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 1 โครงการ โดยใช้ชื่อว่า โครงการ One Sathorn Square โดยในโครงการจะประกอบด้วย โรงแรม คอนโดมิเนียมจำนวน 100 ยูนิต และอาคารสำนักงานเช่า 2 อาคาร จำนวนพื้นที่ประมาณ 1.6-1.7 แสนตารางเมตร โดยโครงการนี้จะใช้งบในการลงทุนประมาณ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกระแสเงินสดของบริษัทเอง 1,000 กว่าล้านบาทส่วนที่เหลือ 5,000-6,000 ล้านบาท จะเป็นการกู้จากสถาบันการเงิน โดยขณะนี้สถาบันการเงินได้ตอบรับการขอกู้และพร้อมที่จะอนุมัติวงเงินกู้ให้กับบริษัทตามจำนวนดังกล่าวแล้ว
ส่วนปัญหาด้านการเงินหรือการขาดทุนสะสมจำนวน 119 ล้านบาท นั้นไม่น่าจะส่งผลต่อศักยภาพในการรองรับด้านหนี้สินของบริษัท เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทมีหนีสินต่อทุนอยู่ที่ 1.3 เท่า ส่วนหนี้สินที่มีต่อสถาบันการเงินนั้นในขณะนี้บริษัทมีหนีสินอยู่ที่ 0.9 เท่า เท่านั้น ดังนั้น ศักยภาพในการรับหนี้เพิ่มของบริษัทจึงยังมีอยู่ค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ สำหรับโครงการ One Sathorn Square นี้จะใช้พื้นที่ในการพัฒนารวม 9 ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของสถานฑูตรัสเซียเก่า โดยบริษัทใช้วิธีเช่าระยะยาว 50 ปี ดังนั้นในการพัฒนโครงการในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมจะเป็นการขายแบบเช่าซื้อระยะยาว ไม่ใช่การขายสิทธิ์ขาด โดยที่ดินดังกล่าวบริษัทได้เช่าซื้อระยะยาวมาในราคา 900 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ในช่วงของการยื่นขออนุญาต และการออกแบบโครงการทั้งหมด
โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มต้นการพัฒนาได้ในช่วงกลางปีและสามารถเปิดขายได้ในช่วงปลายไตรมาส 4 ของปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหาติดขัดในส่วนขแงการดำเนินงนโครงการขึ้นบริษัทอาจจะเลือกการเปิดขายออกไปในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะนำที่ดินในจังหวัดกระบี่ ซึ่งบริษัทมีที่ดินสะสมอยู่ประมาณ 110ไร่ มาพัฒนาโครงการใหม่ในรูปแบบลิวล่า และโรงแรม โครงการพัฒนาโครงการนี้คาดว่าจะสมารถดำเนินการได้ในปี50 โดยในส่วนของการพัฒนาวิลล่าจะพัฒนาในจำนวนไม่มาก โดยคาดว่าจะมีการพัฒนาประมาณ 70-80 ยูนิต โดยจะขายในราคา 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
|