|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
นักลงทุนรายใหญ่แห่ไล่ดันราคาหุ้นเล็ก"บีเอ็นที-ปิคนิค--อีซึ่นเพ้นท์"ราคาวิ่งฉิวมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งขยายเวลาห้ามมาร์จิ้นและเน็ตเซทเทิลเม้นท์หุ้นไออีซีต่อ ขณะที่หุ้นไทยไวร์โพรดัคท์ กลับมาซื้อขายหมวดวัสดุก่อสร้างเป็นวันแรกราคาพุ่ง 497.32%
วานนี้ (21มี.ค.) หุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแรงและมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นหลายบริษัทซึ่งประกอบด้วย บริษัทบีเอ็นที เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BNT ราคาปิดที่ระดับ 0.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาทหรือ497.32 ล้านบาท, บริษัทปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ PICNI ราคาปิด 0.77 บาทเพิ่มขึ้น 0.12บาทหรือ 18.46% มูลค่าการซื้อขาย 381.41 ล้านบาท
บริษัท ไมด้า-เมดดาลิสท์ เอ็นเธอร์เทนเมนท์จำกัด (มหาชน)หรือ MME ราคาปิด 34.50 บาทเพิ่มขึ้น 4.25บาท หรือ 14.05% มูลค่าการซื้อขาย 206.48 ล้านบาท และบริษัท อีซึ่นเพ้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือEASON ราคาปิด 3.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.62 บาทหรือ 21.53% มูลค่าการซื้อขาย 201.50 ล้านบาท
ขณะเดียวกันหุ้นบริษัทไทยไวร์โพรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TWP ซึ่งย้ายออกจากหุ้นกลุ่มรีแฮปโก้ไปซื้อขายในหมวดวัสดุก่อสร้างเป็นวันแรก และราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยราคาปิดที่ระดับ 15.30 บาทเพิ่มขึ้น 12.60 บาทหรือ466.67% มูลค่าการซื้อขาย 196.01ล้านบาท
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า การที่หุ้นขนาดเล็กราคาปรับตัวขึ้นมาแรงส่วนหนึ่งเกิดจากนักลงทุนรายใหญ่ได้เข้ามาไล่ราคาและได้ทำราคาปิดในช่วงปลายให้ปิดอยู่ในระดับสูงโดยหุ้นบางบริษัทมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน เช่นบริษัทปิคนิค คอร์ปอเรชั่น ที่วานนี้ได้มีการประชุมผู้ถือหุ้นและได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจเกี่ยวข้องกับพลังงานและวิศวกรรมหรือลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือบริษัทที่ไม่จดทะเบียน รวมทั้งบางส่วนจะนำไปชำระหนี้และเงินทุนหมุนเวียน
ส่วนหุ้น BNT นั้น นักลงทุนได้เก็งกำไรในกระแสข่าวเก่าเกี่ยวกับการที่คณะกรรมการบริษัทได้มีมติล้างขาดทุนสะสมโดยจะมีการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจงเพิ่มขึ้น
ขณะที่บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC นั้น ล่าสุดวานนี้ (21 มี.ค.) รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่า ได้ขยายการสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) IEC ต่อไป เนื่องจากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา การซื้อขายหลักทรัพย์ IEC ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงของปริมาณและราคาอันไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด จึงขยายเวลาออกไปอีก 60 วันทำการนับตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม จนถึง 22 มิถุนายน 2549
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สั่งห้าม Net Settlement และ Margin Trading มาตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2548 จนถึงวันที่ 23 ธันวาคม 2548 และได้ขยายเวลาต่อไปอีก 60 วัน ตั้งแต่ 26 ธันวาคม 2548 - 21 มีนาคม 2549
สำหรับ TWP ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง เพราะนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรหลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ทำให้บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างไรก็ตามในระดับราคาดังกล่าวถือว่ามีความเสี่ยงในการที่จะเข้าไปลงทุน
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ ไซรัสได้ออกบทวิเคราะห์หุ้น TWP โดยประเมินราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ระดับ23-25 บาท หลังจากปรับโครงสร้างหนี้ได้มากกว่า 75%มีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก และมีกำไรจากการดำเนินงาน 3ไตรมาสติดต่อกัน
สำหรับรายได้ปี 2548 เติบโต 6.6%แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 14.4% จาก 3.2% ในปี 2547เพราะต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 23.7%แม้ว่าดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงถึง 100% แล้วก็ตามมีมูลค่าหุ้นทางบัญชี 15.66 บาท/หุ้น แต่ยังมีขาดทุนสะสมซึ่งทำให้ยังจ่ายเงินปันผลไม่ได้และหลังจากที่ปรับโครงสร้างแล้ว ก็ยังมี D/E ที่สูงถึง2.4 เท่าธุรกิจมีแนวโน้มแข่งขันสูงการก่อสร้างมีโอกาสชะลอตัวเพราะการเมืองและโครงสร้างทางการเงินของ TWP ไม่แข็งแรงนัก ถ้าประมาณการผลประกอบการปี 2549 คร่าวๆเห็นว่ากำไรมีโอกาสลดลง โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 3.63 บาท
|
|
 |
|
|