Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 มีนาคม 2549
LPNรื้อแผนทำคอนโด5แสนบาท หลังเจอกฎเหล็กคุมกำเนิดตึกสูง             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์

   
search resources

แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.
ทิฆัมพร เปล่งศรีสุข
Real Estate
โอภาส ศรีพยัคฆ์




ประกาศสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่เริ่มก่อผลกระทบในวงกว้าง ล่าสุดLPNทบทวนแผนพัฒนาคอนโดฯราคาขาย 5 แสนบาท หลังเงื่อนไขบังคับถอยร่น-ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงเฉกเช่นอาคารขนาดใหญ่ ดันต้นทุนในการพัฒนาเพิ่ม เล็งหากเลี่ยงไม่ได้อาจจะปรับราคากว่า 5.5 แสนบาท

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคา 5 แสนบาทต่อยูนิตซึ่งได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนและศึกษาแผนใหม่อีกครั้ง คาดว่าจะสรุปผลได้ภายใน 2 เดือน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกรณีประกาศของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้ออกประกาศมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างโครงการ ดังนั้น บริษัทจึงต้องศึกษาก่อนว่าต้นทุนจะเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน หากไม่สูงเกินไปก็จะยังคงพัฒนาอยู่ แต่หากเพิ่มสูงขึ้นมาก ก็อาจจำเป็นต้องปรับรูปแบบสินค้าใหม่เพื่อให้คุ้มทุน เพราะการสร้างคอนโดฯระดับราคา 5 แสนบาทต้องสร้างบนที่ดินที่มีราคาไม่เกิน 30,000-40,000 บาทต่อตารางวาเท่านั้น ซึ่งราคาที่ดินระดับดังกล่าวจะอยู่บริเวณชานเมืองหรือพื้นที่สีเหลือง ซึ่งตามกฎผังเมืองนั้นจะกำหนดให้สร้างอาคารได้ในอัตราส่วนระหว่างที่ดินกับพื้นที่ก่อสร้างรวม (เอฟเออาร์ ) ในอัตรา 4 ต่อ1 เท่านั้น ทำให้ไม่สามารถพัฒนาเป็นอาคารสูงได้

“ประกาศดังกล่าวกำหนดให้ อาคารพักอาศัยความสูงไม่เกิน 23 เมตร ตั้งแต่ 2 อาคารขึ้นไปที่ตั้งในพื้นที่เดียวกัน และมีเนื้อที่ก่อสร้างรวมกันเกิน 10,000 ตารางเมตร จะถือว่าเป็นอาคารขนาดใหญ่พิเศษทันที ซึ่งจะส่งผลให้อาคารที่เข้าข่ายจะต้องเพิ่มระยะถอยร่นโดยรอบอาคารจากเดิม3 เมตร เป็น 6 เมตร และเพิ่มอุปกรณ์ดับเพลิง และอื่นๆ ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า เฉพาะกรณีของอุปกรณ์ดับเพลิงจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นแล้ว 5% ยังไม่รวมค่าที่ดินที่ต้องถอยร่นเพิ่มขึ้น ทำให้ใช้ที่ดินได้น้อยลงอีกด้วย”นายโอภาสกล่าว

สำหรับทำเลที่บริษัทได้พิจารณาที่จะพัฒนาคอนโดฯขายระดับราคา 5 แสนบาทนั้น มีอยู่ 2 แปลง คือ ย่านงามวงศ์วานและอ่อนนุช (สุขุมวิท 101/1 ) ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา จึงต้องศึกษาให้รอบคอบก่อน เพราะเท่าที่ได้พูดคุยมานั้นทางสิ่งแวดล้อมคงจะไม่ยอมยกเลิกประกาศดังกล่าวแน่นอน แม้ว่า 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์จะทำหนังสือทักท้วงไปแล้วก็ตาม เพราะทางหน่วยงานราชการมองว่า กรรมการมีสิทธิที่จะออกประกาศได้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถทำได้ก็จำเป็นต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย คาดว่าจะอยู่ที่ระดับราคา 550,000 บาทต่อยูนิต หรืออาจจะทำสินค้าในลักษณะผสมผสาน

นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทได้ปรับแผนการรับรู้รายได้และการขายใหม่ จากต้นปีที่ผ่านมาที่ตั้งเป้ารับรู้รายได้ไว้ที่ 4,500 ล้านบาทและเป้ายอดขายที่ 7,500 ล้านบาท เป็น 5,000 และ 8,100 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการพัฒนาสินค้าใหม่ออกมาก อย่างไรก็ตาม ในด้านยอดขายในช่วง 3 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมา แต่ในแง่รับรู้รายได้คาดว่าจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการลุมพินี นวมินทร์เพียง 1 โครงการ จำนวน 3 อาคาร มูลค่า 480-500 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันปีก่อน แม้มียอดรับรู้รายได้จากโครงการสุขุมวิท 77 เพียงโครงการเดียว แต่มีจำนวน 9 อาคาร มูลค่าถึง 898 ล้านบาท

“การลงทุนของเราก็ระมัดระวังเรื่องการเมืองด้วยเช่นกัน ใน 2 เดือนแรกปีนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว แต่เข้าสู่เดือนมี.ค.เริ่มเห็นผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก " นายทิฆัมพรกล่าว

ขณะที่ในปี 2550 ทางบริษัทฯ ตั้งเป้ารับรู้รายได้ไว้ที่ 6,500 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้โครงการที่เปิดขายปี 2549 สัดส่วน 60%ประกอบด้วยโครงการลุมพินีเพลส นาราธิวาส-เจ้าพระยา ,โครงการลุมพินีพหลโยธิน-สะพานควาย และโครงการลุมพินีเพลส รัชดา-ท่าพระ และในปี 2551ทางบริษัทฯยังมีแนวโน้มรับรู้รายได้ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าไว้ที่ 8,000 ล้านบาท จากโครงการรัชดา-ท่าพระ ,โครงการลุมพินีเพลส ปิ่นเกล้า เฟส 2,โครงการลุมพินีเซ็นเตอร์, โครงการลุมพินีวิลล์ และโครงการลุมพินีเพลส

สำหรับบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯในเครือ ยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดโครงการปาร์ควิลล์วิภาวดีเฟส 1 และเฟส 2 น่าจะมียอดขายได้ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้กำไรจากแกรนด์ ยูนิตี้ฯมูลค่า 30-40 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้น 33%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us