Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 มีนาคม 2549
KCเจ้าตลาดโซนมีนบุรีชิงตัดหน้าคู่แข่ง ขอจัดสรรทาวน์เฮาส์2พันยูนิตก่อนผังเมืองห้าม             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

   
search resources

เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.
Real Estate




เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ฯเจ้าตลาดโซนมีนบุรี บางกะปิ งัดจุดขายต้นทุนที่ดินต่ำ ผุดบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ระดับกลางสู้ศึก ระบุผังเมืองฉบับใหม่ไม่อนุญาตให้ก่อสร้างทาวน์เฮาส์ในบางพื้นแนวโน้มราคาพุ่ง พร้อมขออนุญาตจัดสรรล่วงหน้า 3 ปีกว่า 2,000 ยูนิต

ในภาวะที่ต้นทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนที่ดิน ค่าถมที่ดิน ค่าจ้างแรงงานก่อสร้างหรือผู้รับเหมา อัตราดอกเบี้ยส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ต้นทุนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นรวมไปถึงราคาขาย แม้ว่าทางแก้คือการปรับขึ้นราคาไม่เหมาะสมกับต้นทุน แต่ในภาวะที่การแข่งขันสูง การปรับราคาขึ้นย่อมไม่ส่งผลดี หากคู่แข่งไม่ได้ปรับตาม

ดังนั้น การบริหารให้มีต้นทุนต่ำที่สุด ย่อมเป็นโจทย์สำคัญที่ผู้ประกอบการต้องทำให้ได้ ทั้งการบริหารภายในและการก่อสร้าง และสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ผู้ประกอบการจะได้เปรียบคู่แข่งคือ การมีต้นทุนที่ดินต่ำ เพราะต้นทุนที่ดินคิดเป็น 50-60% ของค่าการพัฒนา

นายอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยในระดับราคา 800,000-กว่า 10 ล้านบาท ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ในโซนตะวันออกของกรุงเทพ โดยเฉพาะย่านบางกะปิ มีนบุรี มากว่า 10 ปี ซึ่งราคาบ้านที่ขายหากเทียบกับคู่แข่งในย่านเดียวกันแล้วถือว่าถูกกว่า เพราะมีต้นทุนที่ดินที่ต่ำ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแลนด์แบงก์ ในย่าน บางกะปิ ,มีนบุรี ,บึงกลุ่ม ,คลองสามวา, บางนา เทพารักษ์ เกือบ 600 ไร่ สามารถรองรับการพัฒนาไปได้ถึง 5 ปี นอกจากนี้บริษัทยังได้ขออนุญาตจัดสรรโครงการทาวน์เฮาส์ในย่านดังกล่าวกว่า 2,000 ยูนิต รองรับการพัฒนาภายใน 3 ปี ซึ่งในย่านดังกล่าว พื้นที่บางส่วนในกฎหมายผังเมืองฉบับใหม่ จะไม่สามารถพัฒนาโครงการทาวน์ได้อีก ทำให้ผู้ประกอบการที่จะขออนุญาตจัดสรรหลังจากผังเมืองประกาศใช้ไม่สามารทำได้

"ราคาที่ดินแค่เจ้าของยากขายกับไม่ยากขายก็ต่างกันแล้ว 20% และยิ่งเป็นคนซื้อในพื้นที่ รู้ว่าที่ดินตรงไหนเป็นยังไง ของใคร เจ้าของยากขายหรือไม่ยิ่งทำให้ซื้อที่ดินได้ถูก ต่างจากผู้ประกอบการข้างนอกที่จะเข้ามาแข่งขันเค้าจะไม่รู้รายละเอียดมาก บางรายต้องอาศัยนายหน้าซึ่งมีต้นทนเพิ่มเข้าไปอีก" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมแล้วบริษัทมีต้นทุนที่ดินเพียง 30-40% ของค่าพัฒนาเท่านั้น และในปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรขั้นต้นที่ 38-40% ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ส่วนกำไรสุทธิต่อยอดขายอยู่ในอันดับ 7 ของอุตสาหกรรม โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะรักษาอัตราดังกล่าวเอาไว้ โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโต 15% ปีที่แล้วที่มีกำไร 1,076 ล้านบาท

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2549 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่าโครงการ รวม 4,000 ล้านบาท มีทั้งทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว ได้แก่ โครงการเค.ซี. คลัสเตอร์รามอินทรา ทาวน์เฮาส์ จำนวน 450 ยูนิต บนเนื้อที่ 35 ไร่ ราคาขายเฉลี่ย 9 แสนบาท มูลค่าโครงการ 420 ล้านบาท, โครงการ เค.ซี.คลัสเตอร์ นิมิตรใหม่ ทาวน์เฮาส์ 460 ยูนิต บนเนื้อที่ 33 ไร่ ราคาเฉลี่ย 9 แสนบาท มูลค่าโครงการ 420 ไร่, โครงการเค.ซี.คลัสเตอร์ วงแหวนรามอินทรา และโครงการ เค.ซี.การ์เด้นโฮม อีก 1 โครงการ โดยเป็นทั้งโครงการเปิดเฟสต่อเนื่อง และโครงการใหม่

"ในปีนี้บริษัทตั้งงบประมาณซื้อที่ดินไว้ 300 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เป้าตายตัวเพราะหากมีที่ดินที่มีศักยภาพเข้ามาก็จะซื้อหากไม่มีก็ไม่ซื้อ" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ก่อนหน้านี้ บริษัทเค.ซี.บริษัทได้เซ็นสัญญากับบริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด (TLM) เข้าพัฒนาโครงการบ้านพักอาศัยในลักษณะของที่พำนักระยะยาว หรือลองสเตย์ โดยตามแผนจะก่อสร้างทั่วประเทศ จำนวน 1 แสนยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 2549-2550 เป้าหมายเพื่อก่อสร้างที่พักอาศัยสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้เกษียณอายุที่ต้องการเข้ามาพักในประเทศไทย การก่อสร้างโครงการจะกระจายไปตามเมืองในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ 12 แห่งทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวในปัจจุบันได้มีหลายประเทศเข้ามาดูงานบางแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อตกลงใดๆ เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาล เมื่อเกิดปัญหาความไม่สงบทางการเมือง ทำให้ต่างชาติไม่มีความมั่นใจ จึงชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนก่อน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us