Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 มีนาคม 2549
พันธมิตรแฉทักษิณขายชิน แลกสิงคโปร์ฮุบที่คลองเตย             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ชินคอร์ปอเรชั่น, บมจ.
เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์
Economics
Political and Government




เวทีพันธมิตรลากไส้เน่า “ทักษิณ” ประจานความฉ้อฉลไม่หยุด เปิดข้อมูลขายหุ้นชินคอร์ปแลกเทมาเส็กฮุบที่ดินคลองเตย นักเรียนมัธยมฯ จวกกองทุนกู้ยืม-โรงเรียนในฝันเหลว ละเลงงบทาสีอาคาร ซื้อคอมพ์ห่วยราคาแพงแพร่เว็ปโป๊ แกนนำพันธมิตรประกาศยุทธการดาวกระจายเดินสายปลุกพลังจัดตั้งมวลชนทั่วประเทศลุกฮือ “แก้วสรร” เตรียมฟ้องศาลปกครองตำรวจสน.ดุสิตยึดหนังสือหยุดระบอบทักษิณ ด้านข้อเสนอ “ราชประชาสมาศัย” ขอรัฐบาลพระราชทานมีทั้งเสียงหนุนและค้าน

เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมยื้อเยื้อเพื่อขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมาจากท้องสนามหลวงเคลื่อนขบวนมาปักหลักยังหน้าทำเนียบรัฐบาลจนถึงวานนี้ (9 มี.ค.) รวม 14 วันแล้ว แต่การชุมนุมยังเป็นไปด้วยความคึกคักและเนืองแน่น ขณะที่การอภิปรายบนเวทีเต็มไปด้วยเนื้อหาที่ลากไส้เน่าระบอบทักษิณ ออกมาประจานให้สาธารณชนได้รับรู้ถึงความฉ้อฉลในทุกรูปแบบ

น.ส.รสนา โตสิตระกูล หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีว่า ขณะนี้รัฐบาลเตรียมให้กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์เข้าสำรวจที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทยบริเวณที่เป็นชุมชนคลองเตย ซึ่งเป็นที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ประมาณ 2,300 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นย่านธุรกิจ โดยไม่ได้นำเข้าในโครงการเมกะโปรเจกต์ แต่กลับเจรจาทางลับกับริษัทเทมาเส็กแลกเปลี่ยนกับการขายหุ้นชินคอร์ปมูลค่า 73,000 ล้านบาท

น.ส.รสนา กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทราบว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ตั้งนายบุญคลี ปลั่งศิริ เป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกคนทราบดีว่านายบุญคลี มีฐานะใด ก็เหมือนกับการที่นายกรัฐมนตรีเข้ามาเป็นอินไซเดอร์เพื่อดึงข้อมูลไปใช้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นทั้งหมดที่ผ่านมาจะเห็นว่านายกรัฐมนตรีนำสมบัติทุกอย่างของประเทศไปขาย หากยังไม่ลาออก ประเทศชาติจะเกิดความเสียหายมากขึ้น

นอกจากนี้ เธอยังเรียกร้องคนไทยทั่วโลกประท้วงประเทศสิงคโปร์ผ่านสถานทูตเพื่อแสดงให้รู้ว่าคนไทยไม่ต้องการให้สิงคโปร์ยึดครอง และเลิกใช้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายเอไอเอส

เวทีของพันธมิตรฯ ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เช่น ปตท. กฟผ. และได้เชิญชวนประชาชนไปร่วมรับฟังการไต่สวนคดีที่ศาลปกครองพิจารณากรณีการขายหุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นัดแรกในวันนี้ (20 มี.ค.) อีกด้วย

**โรงเรียนฝันร้าย ปฏิรูปการศึกษาเหลว

นายธีระมาศ ผาสุก นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมหนองแขม ขึ้นกล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ที่สี่แยกมิสกวัน ข้างทำเนียบรัฐบาล ถึงความล้มเหลวในการปฏิรูปการศึกษาในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า เมื่อรัฐบาลประกาศจะปฏิรูปการศึกษานั้นนักเรียนทุกคนต่างดีใจ แต่เมื่อมาถึงทุกวันนี้กลับพบว่าตัวเองโง่ลง เพราะความล้มเหลวของรัฐบาล ดังนั้น จึงขอเป็นตัวแทนนักเรียนที่ไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ ร่วมกับพันธมิตรฯ ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ลาออกไป

ตัวแทนนักเรียนจากหนองแขม กล่าวว่า ตัวอย่างความล้มเหลวที่ชัดเจนที่สุด คือ โครงการโรงเรียนในฝัน “1 อำเภอ 1 โรงเรียน” ซึ่งกลายเป็นโรงเรียนในฝันร้าย และโรงเรียนมัธยมหนองแขม ก็เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ

“เมื่อจะเข้าสู่โครงการก็มีการตรวจสอบ มีคนระดับที่ปรึกษานายกฯ ไปตรวจที่โรงเรียนผม และโรงเรียนผมก็ได้งบประมาณเป็นเงินสนับสนุนจาก กฟผ.10 ล้านบาท แทนที่งบฯจะเข้าสู่โรงเรียนผ่านสื่อการเรียนการสอน แต่มีคนที่กระทรวงศึกษาฯ มาบอกว่า โรงเรียนในฝัน อาคารสถานที่ต้องดี ต้องมีต้นไม้ ห้องเรียนต้องสะอาด แล้วก็เอางบฯ ไปทาสีห้องเรียน ปลูกต้นไม้จนหมดงบ ส่วนที่ให้ไปซื้อคอมพ์ก็ใกล้เจ๊งแล้ว เพราะเอาคอมพ์ห่วยๆ มา” นายธีระมาศ กล่าว

ตัวแทนนักเรียนจากหนองแขม ยังกล่าวถึงการจัดโครงการประชาสัมพันธ์กองทุนเงินให้กู้ยืมทางการศึกษา ภายใต้ชื่องาน “มหกรรมขุมทรัพย์ทางปัญญากับกองทุน กรอ.” ที่เซ็นเตอร์พอยต์ สยามสแควร์ ในขณะนี้ว่า งานนี้มีการประชาสัมพันธ์ว่าเด็กๆ ทุกคนต้องได้เรียน มีการประกาศให้นักเรียนทั่วประเทศ ทั้งที่อยู่ชนบทห่างไกล ต้องการได้ที่เรียนให้มาที่งานนี้ แล้วจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับกองทุนฯ แต่พอไปดูกลับไม่มีรายละเอียดอะไรเลย มีแต่การแนะนำชื่อกองทุนเท่านั้น

“วันนี้ผมไปดูมาแล้วพี่น้อง มันไม่มีอะไรเลย หลอกนักเรียนทุกคนว่าจะให้เรียนฟรี อยากเรียนต้องได้เรียน แต่วันนี้ไปแค่แนะนำชื่อ เสียค่ารถค่ารา ซึ่งก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ที่เสียดายมากๆ คือเสียดายเวลาที่จะได้อยู่กับพ่อแม่” ตัวแทนนักเรียนจากหนองแขม กล่าว และยังบอกอีกว่า รัฐบาลทักษิณนำพากิเลสตัณหาเข้าไปในโรงเรียนผ่านเทคโนโลยีการสื่ออินเทอร์เน็ตโรงเรียน มีแต่เว็บโป๊เต็มไปหมด ขณะที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ก็เอาเครื่องละ 1 หมื่นกว่าบาท แต่บอกว่าเป็นเครื่องละ 3 หมื่นกว่า เอาไปใช้งานจริงๆ ก็ใช้ไม่ได้

นายธีระมาศ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรี ก็มีการเรียกประชุมผู้บริหารโรงเรียนทุกแห่งใน ชกทม.ให้สั่งห้ามให้นักเรียนไม่ให้มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตร “แต่ผมจะมา ลองห้ามดูสิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเรียนแล้ว แต่เป็นเวลาที่จะไล่คนทรยศต่อประเทศชาติ เป็นเวลาที่จะบอกว่าแผ่นดินนี้ไม่ต้องการคนหน้าเหลี่ยม”

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตเทเวศร์ คณะครุศาสตร์ สาขาวิศวอุตสาหกรรม ประมาณ 100 คน ภายใต้การนำของนายตฤณ ดิษลำภู อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ สาขาวิศวอุตสาหกรรม ได้ร่วมกันเดินขบวนเท้า และนั่งรถกระบะ ชูธง "ยิกทักษิณ" โดยกลุ่มนักศึกษาได้อัญเชิญรูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากที่ประดิษฐานภายในวิทยาเขตมายังถนนราชดำเนินนอก เป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ และเป็นกำลังใจให้กลุ่มพันธมิตร

นายตฤณ กล่าวว่า พระบรมฉายาลักษณ์นี้เป็นสัญลักษณ์และเป็นที่เคารพนับถือของทหารเรือ ที่ผ่านมากลุ่มทหารเรือเป็นที่พึ่งของประชาชนมาโดยตลอด การกู้ชาติครั้งนี้ก็จะให้พระบรมฉายาลักษณ์เป็นกำลังใจให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวจนกว่านายกฯทักษิณ จะลาออกไป

**ตำรวจยึดหนังสือ"หยุดระบอบทักษิณ"

เวลา 16.00 น. ในวันเดียวกันนี้ ขณะที่นายชำนาญ บุญยิ้ม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 321/25 หมู่ 1 ต.ตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ นำหนังสือ "หยุดระบอบทักษิณ" ซึ่งมีเนื้อหากล่าวโจมตีการทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เขียนโดยนายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กรุงเทพมหานคร และนายขวัญสรวง อติโพธิ จำนวน 20,000 เล่ม ใส่รถกระบะนิสสัน สีบรอนซ์ ปพ 2308 กรุงเทพมหานคร ไปส่งให้นายอนุสรณ์ ไม่ทราบนามสกุล บริเวณถนนลูกหลวง ติดสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพาณิชยการพระนคร เพื่อส่งไปให้กลุ่มพันธมิตรแจกจ่ายให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าที่ 4 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจยึด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ส่งหนังสือและนายชำนาญ ไปพบ พ.ต.ต.ทัชวัฒน์ สายโยธา พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน โดย พ.ต.ต.ทัชวัฒน์ ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ ศาสนอนันต์ ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ 4 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ในฐานะเจ้าพนักงานการพิมพ์ โดย พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ ได้ให้ความเห็นว่าหนังสือดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและผิดกฎหมาย พ.ต.ต.ทัชวัฒน์ จึงทำบันทึกส่งหนังสือทั้งหมดไปยังสันติบาลเพื่อตรวจสอบ

นายแก้วสรร และนายสมยศ เชื้อไทย อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และทีมงานได้เดินทางไปยัง สน.ดุสิต เพื่อแสดงตัวว่าเป็นผู้เขียนหนังสือดังกล่าว พร้อมขอให้ตำรวจคืนหนังสือให้กับกลุ่มพันธมิตรที่มีความจำเป็นต้องนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ชุมนุมที่แยกสวนมิสกวัน

นายแก้วสรร แย้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความชัดเจนว่าหนังสือดังกล่าวผิดกฎหมายตรงไหน จึงไม่มีอำนาจยึดเพราะไม่ได้แจ้งข้อหา แต่หากจะตรวจสอบก็นำไปเพียง 10-20 เล่มก็เพียงพอ และหนังสือเหล่านี้ก็เผยแพร่ตั้งแต่การชุมนุมที่ท้องสนามหลวง เพราะตนสั่งพิมพ์ไปจำนวน 70,000 เล่ม ต่อมากลุ่มพันธมิตรต้องการพิมพ์เผยแพร่ จึงอนุญาตไป และตอนท้ายหนังสือก็ลงชื่อรับผิดชอบไว้ หากเจ้าพนักงานการพิมพ์เห็นว่าผิดกฎหมายก็สามารถสั่งระงับในภายหลังและยุติการเผยแพร่

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจต้องทำเช่นนี้ ถ้าไม่มีใครสั่งก็คงไม่ทำ เพราะผมพิมพ์แจกจ่ายมาตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมทั้งที่สีลมและสนามหลวง” นายแก้วสรร กล่าว

ต่อมานายแก้วสรร ได้โทรศัพท์ประสานไปยัง พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ เพื่อสอบถามเหตุผลในการยึดหนังสือไปทั้งหมดและขอหนังสือคืน โดย พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ แจ้งว่าวันที่ 20 มีนาคม จะเชิญคณะกรรมการการพิมพ์มาประชุมและให้ความเห็นว่าหนังสือดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนจะคืนให้เท่าไหร่นั้นเป็นอำนาจของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่เป็นผู้สั่งอายัดหนังสือดังกล่าว

นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนได้ประสานกับ นายศุภประวัติ พึ่งอวยผล ผู้ประสานงานฝ่ายข่าว เครือข่ายพันธมิตร ให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอคืนหนังสือดังกล่าวแล้ว ซึ่งหากภายในวันนี้ ไม่ได้รับหนังสือคืน ก็จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป

ส่วนทนายความของศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะนำยกกรณีนี้เป็นคดีตัวอย่างกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐยึดของประชาชนไปโดยไม่มีความผิดและไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา

ขณะเดียวกันชุดสืบสวน สน.ดุสิต เชิญตัวนายอภิชัย ไม่ทราบนามสกุล อายุ 34 ปี พร้อมใบปลิวมีข้อความเขียนว่า”สมควรหรือไม่”อยู่บนภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำบุญประเทศภายในอุโบสถวัดพระแก้ว ขณะกำลังเข้าประตูด้านกระทรวงศึกษาธิการ มาสอบสวนที่สน.ดุสิต

นายอภิชัย กล่าวว่าตนเดินทางมาร่วมชุมนุมกับเครือข่ายพันธมิตรฯ และมารู้จักกับนายเอก ไม่ทราบนามสกุล โดยนายเอก กล่าวว่าตนให้ไปรับเอกสารที่ตำรวจยึดจากร้านเอกสารย่านเทเวศน์ ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นเอกสารอะไร เมื่อมาถึงจุดดังกล่าวถูกตำรวจตรวจค้นและยึดเอกสารดังกล่าว ไปทั้งหมด จากนั้นจึงถูกเชิญมาที่ สน.เพื่อลงบันทึกประวัติโดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาอะไร ก่อนที่ตำรวจแนะนำให้กลับบ้าน

**รัฐบาลพระราชทาน มีทั้งหนุนและค้าน

จากกรณีที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาทนายความได้ร่วมกันเสนอทางออกให้ทุกฝ่ายร่วมแสดงพลังเพื่อขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานแนวทางต่อการกู้วิกฤตการเมืองที่เข้าสู่วิกฤตขณะนี้ หรือ ที่เรียกว่าการร่วมราชประชาสมาสัยนั้น มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ศ.ดร.วรวิทย์ บารู นักวิชาการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ.ปัตตานี) กล่าวว่า เห็นด้วยกับทางแนวทางนี้อย่างยิ่ง อยากให้กลุ่มองค์กรดังกล่าวหาแนวทางให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างเร่งด่วน โดยที่ให้พระองค์ท่านระคายเบื้องพระยุคลบาทให้น้อยที่สุด ทั้งนี้เพราะเห็นว่าการเมืองในยุคปัจจุบันหรือภายใต้การบริหารของระบอบทักษิณเริ่มไม่มีทางออกแล้ว

สำหรับนายสมพันธ์ เตชะอธิก นักวิชาการมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการสูญเสีย เกรงว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เชื่อว่าทางที่ดีกว่านี้คือควรให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี

ผศ.ธัญญา สังขพันธานนท์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ถ้ามองถึงวัฒนธรรมคนไทย เชื่อว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับวิธีนี้ และสอดคล้องกับคนส่วนใหญ่ที่รู้สึกอึดอัดกับสภาวะบ้านเมือง ที่กำลังเป็นอยู่ในทุกวันนี้ ถ้าเกิดมีทางเบี่ยงออกมาอย่างนี้เชื่อว่าทุกคนยอมรับได้ จากนั้นประเทศไทยต้องมีการปฏิรูปการเมืองใหม่ ซึ่งตรงนี้หากตั้งหลักได้จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองมาก โดยการปฏิรูปการเมืองต้องมอบให้กับคนที่ประชาชนส่วนใหญ่ไว้ใจได้เท่านั้น

ด้าน ผศ.ไกรสร ศรีไตรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะเป็นการโอนถ่ายปัญหาทั้งหมดให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งที่พระองค์ควรอยู่เหนือการเมือง อยากเสนอให้ทุกฝ่ายที่เป็นต้นเหตุของปัญหาได้หันหน้าพูดคุยกันเพื่อหาข้อยุติก่อน จากนั้นเมื่อได้ข้อสรุปอย่างไรจึงค่อยนำเรียนหรือถวายให้พระองค์ท่านได้รับทราบ

นายเอกกมล สายจันทร์ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าว ยังไม่สมควรที่จะนำรัฐธรรมนูญมาตรา 7 มาใช้ เพราะสังคมยังมีทางออกทางการเมืองอยู่ สิ่งที่เป็นปัญหาขณะนี้อยู่ที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังไม่ยอมรับความจริงว่าเป็นผู้สร้างปัญหาทั้งหมดขึ้นมา หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมลาออกปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวันนี้ก็จะยุติและเข้าสู่กระบวนการทางการเมืองทันที

ด้านนายแพทย์เหวง โตจิระการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ว่า ทั้งส่วนตัวและสมาพันธ์ฯ เห็นด้วยกับเป้าหมายขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่จะให้ใช้ ม.7 เพราะขณะนี้ยังไม่ถึงจุดคับขัน ที่สำคัญกลไกตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ยังดำเนินการใช้ได้อยู่ กฎหมายไม่ถึงขั้นพิการจนใช้ไม่ได้เลย ดังนั้นแนวทางการใช้ ม.7 จึงยังไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม และยังจะเป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาทด้วย

“ปมปัญหาเดียวที่สำคัญอยู่ที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่า หากยอมลาออกก็จะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด” นายแพทย์เหวงกล่าว

ด้านนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กทม. กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดของแถลงการณ์ของสภาการฯ แต่เห็นด้วยว่าในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่หมายรวมแค่การเลือกตั้ง เพียงอย่างเดียว แต่ต้องหมายถึงประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งหมายถึงการมีส่วนร่วมในการรับรู้ข่าวสารและการตรวจสอบ แต่งตั้ง

“ไม่เถียงว่า การเลือกตั้ง เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่ทางออกทางเดียวในการแก้ปัญหาวิกฤติของบ้านเมือง การที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าจะร่วมกันขอให้พระองค์ลงมาแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองก็เป็นเพียงการมีส่วนร่วมของประชาชนในประบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญท่ามกลางวิกฤติของผู้นำ”

นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า การมีรัฐบาลพระราชทานตามมาตรา 7 ถือเป็นรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่าจะปล่อยให้ปัญหาของชาติบานปลาย จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้และเชื่อว่าผู้ที่สนับสนุนนายกฯและผู้ที่คัดค้านก็คงจะเห็นด้วยกับแนวทางออกนี้

นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า การใช้กระบวนการมาตรา 7 เป็นวิธีการหนึ่งที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศรูปแบบหนี่งที่ผ่านพระมหากษัตริย์และจะเป็นการลดการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย จากการที่ตนไปสัมมนาที่ต่างจงหวัดมีประชาชนถามว่าการมาตรา 7 เป็นการคืนพระราชอำนาจใช่หรือไม่ ตนก็เห็นว่า ไม่ใช่เป็นการคืนพระราชอำนาจ แต่เป็นการแก้ปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองชั่วคราว ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ยอมรับได้

“โลกนี้ไม่ใช่มีขาวกับดำเท่านั้น เหมือนกับระบอบประชาธิปไตยที่ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่มีแค่การเลือกตั้ง แต่ต้องเป็นเรื่องที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม การที่ประชาชนจะร่วมกันเรียกร้องให้ใช้มาตรา 7 ถือเป็นการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยทางหนึ่ง ขณะนี้แม้แต่ทหารเองก็ยังถูกปิดกั้นไม่ให้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่กลับมองว่าทหารจะออกมาปฏิวัติ ทั้งที่ทหารก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ก็ต้องมีสิทธิในการแก้ปัญหาบ้าเมืองเช่นเดียวกับข้าราชการ จึงอยากเรียกร้องให้ทหารและข้าราชการได้เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อขอให้มีรัฐบาลพระราชทาน” นายเจิมศักดิ์ กล่าว

ด้านนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีข้างต้นว่า รัฐบาลยึดกรอบรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ การตีความกฎหมายใดๆนั้น เช่น มาตรา7 แห่งรัฐธรรมนูญนั้น จะถูกบังคับใช้เมื่อไม่มีกฎหมายใดๆระบุไว้ วันนี้ทุกอย่างอยู่ในรัฐธรรมนูญ เท่าที่ทราบมานั้นตัวแทนสภาทนายความบางคนได้แถลงข่าวว่า การร่วมกับสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาตินั้นไม่ใช่มติของสภาทนายความ แต่ความเห็นนี้เป็นความเห็นที่ต้องการแก้ปัญหาบ้านเมืองรัฐบาลขอรับฟังไว้แต่ยืนยันว่ารัฐบาลดำเนินการภายใต้กติการัฐธรรมนูญทุกอย่าง

**อดีตรองอตร.วอนยุติการชุมนุมชั่วคราว

วันเดียวกันที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)พล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ และอดีตรมช.สาธารณสุข ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกฯ นำส้มเขียวหวาน 20 เข่งมามอบให้ตำรวจนครบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กลุ่มพันธมิตรที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลต่อเนื่อง ถนนราชดำเนินนอก โดยมี พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.พร้อมด้วย รอง ผบช.น.รับมอบ และได้ฝากแสดงความห่วงใย และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนใช้ความอดทนอดกลั้น ดูแลผู้ชุมนุมทุกฝ่ายให้ดีที่สุด

พล.ต.อ.จำลองกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองราชย์ครบรอบ 60 ปี จึงอยากจะขอวิงวอนไปยังผู้ชุมนุมทุกฝ่ายให้ยุติการชุมนุมชั่วคราว ให้พ้นงานพระราชพิธีเฉลิมฉลองไปก่อน เนื่องจากระหว่างนี้เริ่มมีพระราชอาคันตุกะ และแขกบ้านแขกเมืองเดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นระยะ ตนในฐานะเป็นประธานอนุกรรมการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ต้องดูแลความสะดวกแขกบ้านแขกเมืองจึงอยากให้ทุกฝ่ายยุติการชุมนุมไว้ก่อนหลังการเฉลิมฉลองแล้วค่อยกลับมาชุมนุมกันต่อ

**ขยับเวที-เปิดยุทธการดาวกระจาย

สำหรับการตั้งเวทีของพันธมิตรฯ ที่สี่แยกมิสกวัน ที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลต่อรองให้เคลื่อนย้ายเวทีไปยังหน้ากระทรวงศึกษาธิการ เพราะจะมีงานกาชาดในระหว่างวันที่ 29 มี.ค. – 6 เม.ย. นั้น แกนนำพันธมิตรฯ ประชุมร่วมกันแล้วมีมติว่าจะใช้พื้นที่ร่วมกัน

ส่วนยุทธวิธีดาวกระจายในการกดดันนายกรัฐมนตรีลาออก โดยการเปิดแนวรบเพิ่มเติม คือในวันอังคารที่ 21 มี.ค.เวลา 09.00 น.ทางแกนนำพันธมิตรฯ จะนัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ ร.6 สวนลุมพินี เพื่อเชิญชวนประชาชนให้เดินไปรณรงค์ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถนนสีลมทั้งสาย โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมหลายพันคน วันพุธ จะไปที่กกต.

ส่วนในวันพฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. เวลา 09.00 น. ทางพันธมิตรฯจะนัดเจอที่หน้าสถานีรถไฟสามเสน และเคลื่อนขบวนไปที่กระทรวงการคลังเพื่อให้กำลังใจกับข้าราชการที่ทำงานอย่างสุจริต และตำหนิข้าราชการระดับสูงและข้าราชการการเมืองที่ทำงานให้ทักษิณและพวกพ้อง จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปที่กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อประณามในฐานะที่เป็นปากกระบอกเสียงที่รายงานข่าวเท็จให้กับประชาชนมาตลอด 5 ปี การเคลื่อนไหวทั้ง 2 ครั้งนี้แกนนำทั้ง 5 คนของพันธมิตรฯจะร่วมเคลื่อนขบวนไปพร้อมกับประชาชนด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us