“แอร์เทรน” ทุ่ม 500 ล้านบาท ย้ายโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังผลิตเพิ่ม 2 แสนยูนิตต่อปี ระบุสถานการณ์การเมืองพ่นพิษ โครงการเมกกะโปรเจกต์สะดุด กระทบตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์หดตัว เบนเข็มรุกตลาดเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก ทุ่มงบตลาด 60 ล้านบาท ล่าสุดเปิดตัวไฟติ้งโมเดล ทริปเปิ้ล อี สู้ศึกหน้าร้อน สิ้นปีรายได้ 4,000 ล้านบาท โต 10%
นายสุริชัย ภัทรกิจนิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทรน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศยี่ห้อเทรน เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทุ่มงบลงทุนเครื่องจักรและโรงงานใหม่ 500 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กและขนาดกลางเพิ่มเป็น 2 แสนยูนิตต่อปี จากเดิมที่ผลิตได้ 1 แสนยูนิตต่อปี โดยโรงงานใหม่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่บางนาตราด ขนาดพื้นที่ 20 ไร่ ซึ่งบริษัทฯได้ย้ายจากโรงงานเดิมตั้งอยู่ที่ อำเภอปู่เจ้าสมิงพราย จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่เพียง 12 ไร่
ทั้งนี้คาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ และจะเริ่มต้นผลิตได้ในต้นปีหน้านี้ โดยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯจะเน้นตอบสนองความต้องการภายในประเทศสัดส่วน 90% ส่วนที่เหลืออีก 10% จะเน้นส่งออกไปยังประเทศยุโรป ตะวันออกกลาง และประเทศในแถบอินโดจีน โดยคาดว่าปีนี้สัดส่วนรายได้จากการส่งออกจะเพิ่มเป็น 20% ขณะที่ภายในประเทศ 80%
แนวโน้มตลาดเครื่องปรับอากาศคิดเป็นมูลค่า 18,000 ล้านบาท ปีนี้มีอัตราการเติบโต 10% โดยภาวะตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมมูลค่า 4,000 ล้านบาท ปีนี้มีอัตราการขยายตัวลดลง โดยโตเพียง 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโต 10% ทั้งนี้เป็นเพราะได้รับผลกระทบการชะลอโครงการเมกกะโปรเจกต์ สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ขณะที่สภาพตลาดเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กมูลค่า 14,000 ล้านบาท ยังมีอัตราการเติบโต 20% หรือคิดเป็นจำนวน 7 แสนเครื่อง
ดังนั้นนโยบายการตลาดปีนี้ บริษัทฯหันมาให้ความสำคัญการทำตลาดเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กในเชิงรุกมากขึ้น ล่าสุดเปิดตัวไฟติ้งโมเดลเครื่องปรับอากาศรุ่น”ทริปเปิ้ล อี” ลงสู่ตลาด โดยมีจุดขายในเรื่องของเครื่องปรับอากาศราคาประหยัด โดยบริษัทฯได้วางราคาจำหน่ายทริปเปิ้ล อี ไว้ที่ 1.6 หมื่นบาท สำหรับขนาด 9,000 บีทียู และราคา 1.89 หมื่นบาทในขนาด 12,000 บีทียู ซึ่งมีราคาถูกกว่าเครื่องปรับอากาศในระดับบนจีนีโอของบริษัทฯอยู่ประมาณ 15-20%
“ตลาดแอร์ในประเทศยังเติบโตได้ดี เนื่องจากภาวะอากาศร้อน และการแข่งขันของผู้ประกอบการที่แข่งกันในเรื่องของราคา ทำให้แนวโน้มของราคาเครื่องปรับอากาศลดลงเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 10% ทำให้แม้ว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง แต่ก็สามารถซื้อเครื่องปรับอากาศได้ ซึ่งทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งปีนี้มีแนวโน้มว่าคู่แข่งหน้าใหม่จะเข้ามาสู่ตลาดเครื่องปรับอากาศ อาทิ แบรนด์จากจีน เกาหลี และไทย เป็นต้น”
ทั้งนี้บริษัทฯจะใช้งบทำตลาด 60 ล้านบาท แบ่งเป็นการสื่อโฆษณา 60% และกิจกรรมอีก 40% โดยจะใช้แนวทางการสื่อสารการตลาดภายใต้แนวคิด แอร์เทรน เย็นใจไม่ทอดทิ้ง ที่เน้นในเรื่องของบริการหลังการขายที่บริษัททำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา สำหรับการจัดกิจกรรมนำร่องในช่วงเดือนพฤษภาคม บริษัทฯได้อิงกระแสฟุตบอลโลก 2006 ด้วยการทำประชาสัมพันธ์ให้เข้ากับกระแส โดยคาดว่าในช่วงหน้าร้อนนี้ เครื่องปรับอากาศรุ่นทริปเปิ้ล อี จะมียอดขายหมื่นยูนิต
สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10% หรือมีรายได้ 4,000 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 3,650 ล้านบาท เติบโต 14% เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมีรายได้เพียง 3,500 ล้านบาท สัดส่วนรายได้แบ่งเป็น เครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก 50% ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่ง 8-9% ส่วนเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสัดส่วนรายได้ 50% มีส่วนแบ่ง 35% เป็นผู้นำตลาด
|