Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2540
การลงทุนทุกก้าวของธีรพงษ์ จันศิริ ต้องมั่นคง             
โดย มานิตา เข็มทอง
 


   
search resources

ไทร-ยูเนี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล
ธีรพงศ์ จันศิริ




"เจ้าพ่อทูน่า"-ธีรพงษ์ จันศิริ ได้ชื่อใหม่กลายเป็น "นักเทกโอเวอร์ตัวยง" ไปแล้ว เมื่อซื้อกิจการ 2 แห่งในสหรัฐฯ และ 1 แห่งในไทยเพื่อขยายตัวอย่างก้าวกระโดด เขาใช้แนวคิดที่ว่าของดีไม่ได้หมายความว่าต้องมีราคาแพง ของดีต้องเป็นของที่ราคาเหมาะสม และเราสามารถที่จะทำกำไรกลับคืนมาได้ ในยุคเศรษฐกิจขาลงภุมิภาคเอเชียยามนี้ การลงทุนครั้งนี้อาจเป็นแนวทางที่จะช่วยกิจการของเขาในยามนี้ได้หรือไม่ ต้องจับตาต่อไป

ธีรพงษ์ จันศิริ เจ้าพ่อทูน่าแห่ง TUF จัดได้ว่าเป็นนักเทกโอเวอร์ด้วยคนหนึ่ง เพราะในช่วงระยะเวลาเพียง 2 ปีที่ผ่านมา เขาก็ได้ทุ่มเงินร่วม 200 ล้านเหรียญสหรัฐในการซื้อกิจการถึง 3 กิจการ ได้แก่ บริษัท Pan Pacific ซึ่งเป็นโรงงานผลิตปลาทูน่าที่อเมริกา โรงงานกุ้ง Aquastar ที่สงขลา และบริษัท Van Campp Seafood Company ผู้ผลิตและจำหน่ายปลาทูน่า ปลาแซลมอน และอาหารทะเลบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของอเมริกาภายใต้แบรนด์เนม "Chicken of the sea" โดยแต่ละบริษัทที่เขาเข้าไปซื้อล้วนแต่เป็นบริษัทที่ประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ และอยู่ในช่วงเวลา down turn ทั้งสิ้น แต่ธีรพงษ์กลับมองว่าช่วงเวลา ณ ขณะนั้นคือเวลาของการซื้อ แต่ต้องเป็นการซื้อที่มีเหตุผลและมีข้อมูลสนับสนุนไม่ใช่ซื้อเพราะอารมณ์

นับตั้งแต่ต้นปี 2539 เขาได้ก่อตั้งบริษัทไทร-ยูเนี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล โดยเป็นการร่วมทุนกันระหว่างบริษัท ไทยยูเนี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TUF กับบริษัท ไทร-มารีน อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ค้าทูน่าอันดับหนึ่งของโลก และเดอะ แกนน์เฟมมิลี่ ทรัสต์ เจ้าของกองเรือจับปลาทูน่าในน่านน้ำแปซิฟิก ในสัดส่วน 50 : 25 : 25 ตามลำดับ เพื่อซื้อกิจการของ Pan Pacific โรงงานผลิตปลาทูน่าที่อเมริกาด้วยเงินลงทุนเพียง 6.7 ล้านเหรียญฯ

จากนั้นช่วงปลายปีเดียวกันนั้น TUF ก็ได้เข้าไปซื้อโรงงาน Aquastar ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกุ้งแช่แข็งที่สงขลาของกลุ่ม British Petrolium (น้ำมัน BP) ที่กำลังจะเลิกกิจการเนื่องจากในปีนั้นเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดของอุตสาหกรรมกุ้ง ซึ่งต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันด้วย แต่ธีรพงษ์ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมกุ้งมองว่าธุรกิจนี้ยังพอไปได้ จึงตัดสินใจซื้อโรงงาน Aquastar ด้วยราคา 63 ล้านเหรียญฯ ซึ่งเขาคิดว่าเป็นราคาที่เหมาะสม

"เวลาที่เราจะประมูลซื้อของ เราจะมีตัวเลขในใจ ถ้าเกินกว่าที่ตั้งใจไว้บาทหนึ่งเราก็ไม่เอา" เป็นหลักการประจำใจของธีรพงษ์

สำหรับดีล Aquastar นั้นก็เกือบไม่ประสบความสำเร็จ แต่ในที่สุดก็สามารถยุติลงได้ด้วยราคาที่ถูกกว่าที่เขาตั้งใจไว้เสียอีก เขาได้เล่าถึงเบื้องหลังดีลนี้ว่า

"เมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้วดรงงานนี้ใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างประมาณ 400 ล้านบาท และเป็นโรงงานที่ดีที่สุดในเอเชียในตอนนั้น แต่ต่อมาเมื่อประสบกับปัญหาตลาดกุ้งที่ย่ำแย่มาก จึงทำให้เจ้าของต้องขายกิจการ และก่อนที่เราจะยื่นซองประมูล เราก็เช็กตลาดดู ปรากฏว่ายิ่งแย่มากขึ้น มีแต่คนอยากจะปิดกิจการ มองแล้วไม่มีใครอยากจะซื้อซึ่งเท่ากับว่าเราไม่มีคู่แข่ง เราเลยตั้งราคาที่ 70 ล้านเหรียญฯ ตัดใจว่าได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ พอถึงวันเปิดซอง เขาก็แจ้งมาว่าเราไม่ได้ เนื่องจากมีคนให้ราคาดีกว่าเราคือ 100 ล้านเหรียญฯ เราก็ OK จบดีล แต่อาทิตย์ถัดมาเขากลับติดต่อเราให้ไปยืนยันราคาเดิมที่เราเสนอ เนื่องจากรายแรกที่ได้เขาไม่มีเงินมาจ่าย เราก็บอกว่าเราเปลี่ยนแผนการลงทุนแล้ว แต่เขาก็ขอร้อง เราก็เลยเรียกกรรมการบริษัทประชุมตกลงกันว่า ถ้าจะซื้อก็ต้องที่ราคา 60 ล้านเหรียญฯ จากนั้นก็มีการต่อรองราคากันจนยุติที่ 63 ล้านเหรียญฯ โรงงานผลิตกุ้ง 20 ตันต่อวัน พื้นที่ 83 ไร่ จึงกลายเป็นของเรา ซึ่งถือเป็นแหล่งวัตถุดิบทางใต้ ทำให้เราสามารถครอบคลุมวัตถุดิบได้มากขึ้น นอกเหนือจากที่มหาชัย"

ล่าสุด เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ธีรพงษ์ก็ได้นำ TUF ก้าวสู่การลงทุนครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งด้วยการก่อตั้งบริษัทไทร-ยูเนี่ยน ซีฟู้ดส์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่างพันธมิตรกลุ่มเดิมที่ซื้อ Pan Pacific เพื่อทำการซื้อทรัพย์สินของบริษัท Van Camp Seafood ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายปลาทูน่า ปลาแซลมอน และอาหารทะเลกระป๋องด้วยราคา 97 ล้านเหรียญฯ โดยสินทรัพย์ที่ได้มาประกอบด้วยลูกหนี้ วัตถุดิบ สินค้าคงเหลือ โรงงาน VCS Samoa packing company ที่อเมริกันซามัว และแบรนด์เนม "Chicken of the sea" ที่มีส่วนแบ่งตลาดทูน่าประมาณ 15% ซึ่งถือเป็นอันดับ 3 ในอเมริกา

จากการที่ธีรพงษ์มีนโยบายการลงทุนที่ชัดเจนโดยให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาและราคาที่เหมาะสม ดีลล่าสุดนี้จึงใช้เวลานานถึง 1 ปีเต็ม เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม

"ของดีไม่ได้หมายความว่าของนั้นต้องแพง ของดีต้องเป็นของที่ราคาเหมาะสม และเราสามารถที่จะทำกำไรกลับคืนมาได้ ซึ่งเมื่อปี 1988 บริษัทนี้ถูกขายก่อนหน้าที่เราจะเข้าไปซื้อด้วยราคา 265 ล้านเหรียญฯ แต่วันนี้เราจ่ายแค่ 97 ล้านเหรียญฯ" นักเทกฯ หนุ่มกล่าวถึงผลงานที่เขาเฝ้ารอมานับ 10 ปีด้วยความภูมิใจ

แม้ว่า VAN Camp Seafood ซึ่งปัจจุบันใช้ชื่อว่า Chicken of the sea international ได้กลายมาเป็นทรัพย์สินของกลุ่มพันธมิตรของธีรพงษ์แล้ว แต่การดำเนินงานต่างๆ ก็มิได้ยุติเพียงเท่านั้นธีรพงษ์ในฐานะหัวเรือใหญ่ จะต้องหาหนทางที่จะสร้างกำไรให้เกิดขึ้นแก่บริษัทนี้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยยูนิคอร์ดที่ล้มเหลวเพราะบัมเบิลบี

เป็นที่สังเกตว่าการลงทุนในแต่ละธุรกิจของธีรพงษ์เขาจะไม่ได้ดำเนินการเพียงลำพัง แต่เขาจะมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งเข้าร่วมด้วยเสมอ นี่คืออีกหนึ่งนโยบายในการลงทุนของเขา

"นโยบายของเราคือ TUF จะไม่ถือหุ้น 100% เราใช้นโยบายช่วยกันทำ ตอนที่ซื้อ Pan Pacific และ VAN Camp เราก็ใช้พันธมิตรกลุ่มเดียวกัน เพราะพันธมิตรของเราทั้ง 2 รายนี้มีศักยภาพในธุรกิจนี้สูง และเป็นผู้ที่ชำนาญตลาดในอเมริกาเป็นอย่างดี ซึ่งหากเราเอาคนของเราไปอยู่ที่อเมริกาจะไปรู้ดีกว่าคนในท้องที่ได้อย่างไร แม้แต่ดีล Aquastar เราก็ถือหุ้นแค่ 51% ที่เหลือเป็นผู้บริหารกลุ่มเดิมของเขาที่เป็นคนไทยเขาจะได้มีกำลังใจในการทำงานและเราก็มีคนเยอะขึ้น"

วันนี้ "Chicken of the sea international" เป็นเสมือนสิ่งที่ท้าทายความสำเร็จของเขาและ TUF อีกขั้นหนึ่ง ซึ่งหากเขาสามารถฟื้นกิจการนี้ให้ผงาดขึ้นอีกครั้งได้สำเร็จ เราก็จะได้เห็นอะไรที่สนุกกว่านี้แน่นอนเขากล่าวกับ "ผู้จัดการ"

"เรามองไปไกลถึงการจดทะเบียนในตลาด NASDAQ เราเชื่อว่าไม่มีใครโง่และไม่มีใครฉลาดกว่าใคร แต่เราต้องทำให้มันกำไรก่อน ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า ถ้าเรา list ได้ สนุกแน่" นี่คืออีกหนึ่งความฝันที่รอวันให้เป็นจริงของคนหนุ่มที่ชื่อ ธีรพงษ์ จันศิริ

"ข้อมูล" จังหวะเวลา "ราคาที่เหมาะสม" และ "พันธมิตร" ถือเป็นหัวใจการลงทุนของธีรพงษ์เพื่อทุกก้าวของการเดินบนถนนสายธุรกิจของเขาจะได้มั่นคง

"เราต้องซื้อบริษัทที่ขาดทุนและมาทำให้กำไร ต้องซื้อในช่วงที่ธุรกิจกำลังแย่ และที่สำคัญคือ ซื้อแล้วต้องไม่มีภาระหนี้สิน นโยบายของเราก็คือซื้อแต่สินทรัพย์และต้องเป็นสินทรัพย์ที่ดีด้วย"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us