Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2540
ผลิตไฟฟ้า เย้ยเศรษฐกิจซบ ผุดโครงการทั้งในและต่างประเทศ             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ผลิตไฟฟ้า, บมจ.
Electricity




จากภาวะเศรษฐกิจไทยในรอบปีที่ผ่านมาที่ลุ่มๆ ดอนๆ ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศต่างออกอาการผวา ไม่มีกำลังใจในการลงทุนต่อไป เนื่องจากลงทุนต่อไปแล้วไม่ทราบว่าอนาคตผลตอบแทนที่จะกลับมานั้นคุ้มหรือไม่

หนทางออกของนักลงทุนก็คือชะลอการลงทุน หรือหันไปหาลู่ทางการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพมากกว่านี้

แต่ บมจ.ผลิตไฟฟ้าหรือ EGCOMP กลับทำในสิ่งที่สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจด้วยการลงทุนในโครงการต่างๆ อย่างมากมายทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้เนื่องจากเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ คือเป็นบริษัทที่ผลิตไฟฟ้าขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ทำสัญญาซื้อขายระยะยาวเป็นเวลาถึง 20 ปี ทำให้จะมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ

เริ่มตั้งแต่โครงการร่วมทุนเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อย (SPP) ซึ่งโครงการแรกได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า บริษัท อมตะ-เอ็กโก้ พาวเวอร์ จำกัด โดยเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อมตะ-พาวเวอร์ จำกัดกับ EGCOMP เพื่อพัฒนาและดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม โดยอมตะ-พาวเวอร์ถือหุ้น 74% และ EGCOMP ถือ 26%

"ตอนนี้กำลังก่อสร้างซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง อินดัสเตรียลปาร์ค 2 โครงการนี้มี 2 เฟส โดยเฟสที่ 1 มีขนาด 170 เมกะวัตต์ โดยระยะแรกจะแล้วเสร็จช่วง มิ.ย. 40 ประมาณ 120 เมกะวัตต์ และระยะที่ 2 อีก 50 เมกะวัตต์จะแล้วเสร็จ พ.ค. 41 ส่วนเฟส 2 คาดว่าจะเสร็จประมาณ ก.ค. 42 โดยมีกำลังผลิตไฟฟ้าขนาดเท่าเฟสแรก" มัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา กรรมการบริหาร และรองกรรมการบริหาร และรองกรรมการผู้จัดการสายบริหารและการเงิน กล่าว

สำหรับเงินลงทุนในระยะแรกนั้นจะใช้เงินทั้งหมด 4,500 ล้านบาท โดยจะใช้เงินในส่วนที่เป็นทุน (EQUITY) ประมาณ 1,000 ล้านบาท จาก EGCOMP 30% และ อมตะ-พาวเวอร์อีก 70% และอีก 3,500 ล้านบาท เป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน KRE-DITSTAN-STALT FUR WELDER-AUFBAU (Kfw) ประมาณ 2,500 ล้านบาทและกู้จาก ธนาคารกรุงเทพจำนวน 900 ล้านบาท

ถัดจากนั้นจะร่วมทุนกับ บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BPC) เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าโดยมีขนาดกำลังผลิตประมาณ 96 เมกะวัตต์

"สัดส่วนการลงทุนโครงการนี้จะถือฝ่ายละ 50% แต่ขณะนี้เรากำลังศึกษาอยู่ว่าจะใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ และมองหาแหล่งเงินกู้ด้วย คาดว่าเราจะกู้จากต่างประเทศประมาณ 50-60%" มัชฌิมา กล่าว

ด้านอัตราผลตอบแทนของโครงการ มัชฌิมาได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า IRR ของโครงการที่ร่วมทุนกับบางจากนั้นจะดีกว่าโครงการอมตะ-เอ็กโก้ พาวเวอร์เล็กน้อย เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะว่าผลิตไฟฟ้าป้อนให้กับโรงกลั่นบางจากกับ กฟผ.เท่านั้น ส่วนอมตะ-เอ็กโก้ พาวเวอร์จะขายให้กับโรงงานทั่วๆ ไปในนิคมอุตสาหกรรมบางปะกง

"IRR ของบางจากจะอยู่ที่ระดับประมาณ 20% ส่วนอมตะ-เอ็กโก้ พาวเวอร์ IRR จะได้ไม่ถึง 20% แต่ทั้ง 2 โครงการจะมีจุดคุ้มทุน 7 ปี เหมือนกัน"

ส่วนโครงการที่จะร่วมทุนกับ บมจ.ยูเนี่ยนอุตสาหกรรมสิ่งทอ (UT) แม้ว่าจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กันไปแล้วระดับหนึ่ง โดย EGCOMP จะเข้าไปถือหุ้น 24.50% แต่โครงการก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรมาก เนื่องจาก EGCOMP มองว่าผู้ที่จะมาใช้ไฟฟ้า นอกจาก กฟผ.ก็คือโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้ยังอยู่ในภาวะซบเซาอย่างมาก ดังนั้นจึงชะลอโครงการไปก่อนจนกว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอจะกระเตื้องขึ้น

นอกจากนี้มัชฌิมา ยังได้เปิดเผยว่า EGCOMP ยังมีโครงการในมืออีกหลายโครงการ "แต่เขายังไม่ให้ผมเปิดเผย ซึ่งจะเข้ามาอีกประมาณ 5 โครงการ"

และโครงการที่ EGCOMP ลุ้นที่สุดว่าจะได้ทำหรือไม่นั่นคือการเข้าร่วมประมูลโครงการ IPP เฟส 2 ซึ่งโอกาสที่จะชนะการประมูลนั้นมีค่อนข้างสูงพอสมควร แต่จนถึงปัจจุบันการเปิดประมูลดังกล่าวก็ยังไม่มีความชัดเจนและจะเปิดประมูลให้ทันภายในปี 40 ได้หรือไม่นั้นคงจะต้องติดตามกันต่อไป

อีกทั้ง EGCOMP ยังได้แตกไลน์ธุรกิจออกไปด้วยการจัดตั้งบริษัท เอ็กโก้ เอ็นจิเนียริง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (เอสโก้) ซึ่ง EGCOMP ถือหุ้น 99.99% และได้มีการเซ็น MOU กับ บริษัท จอห์น วูด กรุ๊ป บี.วี. จำกัด และนายพิชิต ติยะวุฒิโรจน์ เพื่อสร้างโรงงานซ่อมชิ้นส่วนเครื่องแก๊สเทอร์ไบน์ของโรงไฟฟ้า โดยเอสโก้และ บริษัท จอห์น วูด กรุ๊ป บี.วี.จะถือหุ้นเท่ากัน 45% ส่วนนายพิชิต ติยะวุฒิโรจน์ จะถือ 10%

เอสโก้ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ CMS ENERGY ASIA PTA TD. เพื่อจัดตั้งบริษัทบริการเดินเครื่องและบำรุงรักษาให้กับโรงไฟฟ้า อมตะ-เอ็กโก้ พาวเวอร์ โดยถือหุ้นบริษัทละ 50%

นอกจากนี้ EGCOMP ยังออกไปแสวงหารายได้จากต่างประเทศด้วยการตั้งบริษัทเอ็กโก้ ธุรกิจเหมือง จำกัด โดยมีผู้ถือหุ้นได้แก่ EGCOMP 40% บริษัท เอเชียเอ็นเนอร์ยี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด 40% บริษัท เจ.บี. เอ็นเนอร์ยี จำกัด 10% และ บงล.เอ ชี เอฟ 10% การจัดตั้งบริษัทดังกล่าวขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจำรวจและพัฒนาแหล่งถ่านหิน โดยจะเข้าร่วมกับ P.T. BORNEO INDOBARA LTD. ซึ่งเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ในเขตสัมปทานในอินโดนีเซีย โดยมีสัดส่วนการร่วมทุน คือ เอ็กโก้ ธุรกิจเหมืองถือหุ้น 75% และ P.T. BORNEO INDOBARA ถือ 25%

ส่วนโครงการสร้างโรงไฟฟ้าในต่างประเทศนั้นหลายแห่งอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาความเป็นไปได้ ครอบคลุมทั้งเวียดนาม จีน ลาว และพม่า

"ในเวียดนามเราเสนอตัวเข้าไปแล้วถ้าเกิดเราชนะเราก็สามารถดำเนินการได้เลยและเป็นโครงการที่ใหญ่มาก โดยมีขนาดผลิตไฟฟ้าประมาณ 600 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งจะลงทุนกับผู้ร่วมลงทุนฝ่ายละ 50%" มัชฌิมา กล่าว

โครงการในจีนเป็นโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน 1 แห่ง กำลังการผลิต 24 เมกะวัตต์และจะปรับปรุงโดยเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 124 เมกะวัตต์ในมณฑลเจียงซู มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ซึ่ง EGCOMP จะถือหุ้น 50% นอกจากนี้ยังมีโครงการจะสร้างโรงไฟฟ้าในมณฑลเซี่ยงไฮ้ขนาด 300 เมกะวัตต์ด้วย และโครงการในพม่าก็อยู่ระหว่างการยื่นประมูลสร้างโรงไฟฟ้าใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงกำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์

"ในลาวนั้นยังไม่มีความชัดเจนเพียงแต่มีผู้เชื้อเชิญให้เข้าไปทำ เพราะถ้าเราไม่ได้เป็น LEAD ในการสร้างเราก็จะไม่เข้าไปทำ"

จากการที่ EGCOMP ได้ผุดโครงการอย่างมากเช่นนี้ประเด็นที่ต้องชวนให้คิดก็คือจะนำเงินมาจากไหนเพื่อมาดำเนินงาน ซึ่งเรื่องนี้มัชฌิมาได้กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่าไม่มีปัญหาเนื่องจากปัจจุบันเรามีเงินทุนจากการออกหุ้นสามัญครั้งที่ 2 เหลืออยู่ประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท

"ถ้าเราทำโครงการเล็กๆ อย่าง SPP สัก 4-5 โครงการเราไม่มีปัญหาเรื่องเงินลงทุน นอกจากเราชนะการประมูล IPP เราถึงจะระดมทุนใหม่" มัชฌิมากล่าวปิดท้าย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us