ธนินท์ เจียรวนนท์ ออกงานสังคมบ่อยครั้ง เข้าหาศูนย์อำนาจรัฐ ด้วยความเชื่อแบบเถ้าแก่
ใช้สายสัมพันธ์แก้ปัญหาธุรกิจ แต่บทเรียนที่ผู้นำซี.พี.ได้รับครั้งนี้ มีผู้นำการเมืองดีก็ทำให้ประเทศดี
ตราบใดผู้นำแก้ปัญหาของชาติไม่ตก แม้สัมพันธ์ล้ำลึกก็ช่วยไม่ได้
กิจการหลายสาขาของ ซี.พี. ชะงักงัน ชะลอการลงทุน ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
หนี้สินเพิ่ม การเดินเกมของเจ้าสัวธนินท์อาจเพื่อช่วยแก้ปัญหาของชาติ ? แต่ด่านแรกเพื่อพยุงธุรกิจ
ซี.พี. ไม่ให้ล้มกลางทางด้วยความเชื่อเรื่องสายสัมพันธ์นักการเมือง แต่ครั้งนี้
ซี.พี. ต้องเจอภาวะสะดุดขาตัวเองได้เหมือนกัน !!
ช่วงปี 2540 การเคลื่อนไหวของธนินท์มีมากจนเป็นที่น่าสังเกตว่าบุคคลที่เคยพยายามเกษียณอายุตนเองเมื่อประมาณ
3 ปีก่อน เหตุใดต้องหวนคืนสังเวียนอีกครั้ง ทำไมจึงมีภาพของธนินท์ที่ทำเนียบรัฐบาลพบปะอดีตนายกรัฐมนตรีพลเอกชวลิต
ยงใจยุทธ การร่วมหารือกับอดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษอย่างพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
หรือการนำดอกไม้ไปแสดงความยินดี กับนายกฯ คนล่าสุด ชวน หลีกภัย
ทำไมธนินท์ต้องหันมาทำกิจกรรมด้านการเมือง ทั้งที่ส่งผลเสียต่อภาพพจน์กับซี.พี.
แม้จะมีส่วนดี ในการแสดงท่าทีชัดเจนของนักธุรกิจ แต่ก็เป็นดาบสองคม
ความสัมพันธ์ที่มีกับนักการเมือง แสดงความชัดเจนขึ้น
กลางปี 2539 การแผ่ขยายอาณาจักรซี.พี.มีต่อเนื่อง แต่ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเข้าสู่วิกฤติ
ทำให้ธนินท์ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นบ่อยครั้ง
ธนินท์ก็ยังคงประกาศนโยบายและทิศทางของซี.พี. ยังจะมุ่งไปในธุรกิจด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก
ทั้งเทคโนโลยีที่ใช้กับการเกษตร ด้านสื่อสารโทรคมนาคม และใต้ทะเล แต่ก็ยังแสดงความเป็นห่วงว่าหากรัฐบาลไม่มีมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก
และรายกลาง โอกาสเติบโตก็คงมียาก
ธนินท์รับรู้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ เพราะซี.พี.มีธุรกิจในมือ 9 กลุ่มธุรกิจหลักกับอีก
2 ธุรกิจใหม่
ด้วยนโยบายการนำเทคดนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ในธุรกิจเกษตรที่ซี.พี.เชี่ยวชาญอยู่
เป็นการลดต้นทุนด้านบุคลากร และเพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิต ขณะที่เทคโนโลยีอวกาศเช่นการมีดาวเทียม
และอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมเป็นเรื่องของความจำเป็นที่จะใช้ในอนาคต ขณะที่ใต้ทะเล
เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ยังมีอยู่มหาศาลเพราะผืนน้ำมากกว่าผืนดิน
ธนินท์ยังมีความคิดที่จะมุ่งขยายธุรกิจในต่างประเทศให้มากขึ้นเพื่อห้เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นธุรกิจข้ามชาติเหมือนอย่างแดวู
หรือซัมซุงของเกาหลี ตลาดใหญ่ของเขาคือจีนที่มีฐานการลงทุนอยู่ถึง 70% เป้าหมายต่อไปของเขาคือสหรัฐอเมริกา
เมื่อคนอย่างธนินท์ลั่นวาจาเขาต้องเดินหน้าอย่างแน่นอน แม้จะมีคำถามตามมาเกี่ยวกับความมั่นใจในความสำเร็จ
ซึ่งธนินท์ก็ย้ำว่าหากไม่สำเร็จเขาก็จะไม่ทำ
ซี.พี.มีแผนเข้าไปลงทุนในสหรัฐอเมริกามากขึ้น ถึงกับได้มีโอกาสเข้าพบประธานาธิบดีสหรัฐฯ
บิลล์ คลินตัน เมื่อเดือนมิถุนายน 2539 และการนำพานักธุรกิจชาวไทยที่มีเชื้อสายจีนไปร่วมลงทุนในสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยมีการเตรียมการก่อนที่จีนจะรับเกาะฮ่องกงคืน
ในกลางปี 2540
เป้าหมายซี.พี.ชัดเจนแล้ว รอเพียงการกรุยทางต่อไปข้างหน้า แต่ใครจะรู้ว่า
ขวากหนามของเขาไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน แต่คือรัฐบาลที่มีนักการเมือง ซึ่งซี.พี.เชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าตนเองมีสายสัมพันธ์อันดีอยู่ด้วย
เมื่อเริ่มเข้าปี 2540 ธนินท์ก็ได้แสดงตัวออกงานสังคมประปราย เช่น การไปเปิดการร่วมปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับโอกาสและทิศทางธุรกิจภาคเหนือที่จังหวัดลำปาง
หรือการไปร่วมเปิดตัวโครงการเกษตรผสมผสานที่จังหวัดบุรีรัมย์ สื่อมวลชนได้มีโอกาสใกล้ชิดธนินท์มากขึ้น
และได้รับรู้วิสัยทัศน์และทิศทางของซี.พี.ในการมุ่งพัฒนาธุรกิจสู่ภาคเทคโนโลยีมากขึ้น
ไม่ใช่เพียงสื่อมวลชน หนังสือธุรกิจอย่างฟาร์อีสเทิร์น อิโคโนมิสต์ บิสซิเนส
วีค แม้กระทั่งเอเชีย วีค ก็ยังได้มีโอกาสเผยแพร่วิสัยทัศน์ และทิศทางธุรกิจของประธานฯ
ซี.พี.
แทนที่จะอยู่เบื้องหลัง คอยสั่งการด้านนโยบายเพียงอย่างเดียว เป็นการมุ่งเดินหน้าของซี.พี.
ขณะที่เศรษฐกิจไทยเริ่มเข้าสู่สภาวะถอยหลัง
มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นฤกษ์ดีซึ่งธนินท์ได้ไปร่วมเปิดศูนย์การค้าโลตัส
ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ที่นครเซี่ยงไฮ้ มีสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางร่วมไปด้วย
ธนินท์จึงถือเป็นโอกาสในการวิเคราะห์สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศอย่างเต็มตัว
เพราะธนินท์เห็นอุปสรรคชัดเจนของการขยายตัวของธุรกิจในเครือซี.พี.ว่ากำลังเริ่มส่งผลกระทบมากขึ้น
ขณะที่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา
ด้วยธุรกิจหลักของซี.พี.มุ่งไปที่ตลาดผู้บริโภคจำนวนมาก (mass market)
ที่เน้นไปที่ปริมาณผู้ซื้อจำนวนมากเพื่อสร้างผลกำไร หากลูกค้าของเจอผลกระทบ
แน่นอนว่าสินค้าของซี.พี.ก็เจอผลกระทบด้วย "ถ้าลูกค้ารวยเราก็รวย ถ้าลูกแย่
เราก็แย่" นี่เป็นปรัชญาทางธุรกิจที่เจีย เอ็ก ชอ บิดาของธนินท์สอนลูกไว้
ธนินท์เคยเผยความคิดในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในสมัยรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ไว้ว่า
จากการที่ภาคธุรกิจของไทยใช้หนี้เงินกู้ต่างประเทศถึง 6.3 ล้านล้านบาท
หากมีการลดค่าเงินบาทย่อมเกิดผลกระทบรุนแรง ทำให้ไทยอยู่ในภาวะย่ำแย่เหมือนเม็กซิโก
วิธีการที่รัฐควรช่วยเหลือนักธุรกิจก็คือการลดดอกเบี้ย แต่รัฐบาลไม่กล้าทำ
ส่วนสถาบันการเงินก็ไม่ควรปล่อยให้ล้ม ควรมีมาตรการมารองรับ เช่น การปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้นแม้จะเป็นต่างชาติก็ต้องยอม
เป็นการส่งผ่านความคิดของเขาผ่านสื่อมวลชนไปยังผู้นำรัฐ ย้ำว่าการลดค่าเงินบาทนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
แต่ก่อนหน้านี้ ธนินท์เคยเสนอแนวคิดเรื่องการปรับลดค่าเงินบาทต่ออำนวย
วีรวรรณ แต่อำนวยไม่เห็นด้วยกับวิธีดังกล่าว เพราะเห็นว่าไทยมีหนี้สินต่างประเทศอยู่สูงถึง
9 หมื่นล้านบาท โดยไม่ยอมรับข้อเสนอของประธานฯ ซี.พี. ซึ่งธนินท์ก็ยอมรับในเวลาต่อมาว่า
ต้องการให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวเพื่อแข่งขันด้านส่งออกของประเทศได้
แต่ธนินท์ก็ยังไม่ระงับการลงทุนต่างๆ ของซี.พี.
แต่วันนี้ต่างกับวันนั้น !
แม้ธนินท์จะเรียกระดมพลนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์การเงินหลายคนไปหารือถึงที่ทำงานแห่งใหม่ที่เทเลคอม
ทาวเวอร์ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่ารัฐบาลจะประกาศลดค่าเงินบาทในเวลาต่อมา
เพราะเชื่อมั่นในข้อมูลของ "วงใน" ที่ธนินท์รู้จักดีในรัฐบาลว่า
ไม่มีนโยบายเรื่องนี้ และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ถือได้ว่าสนิทสนมกับธนินท์เองนั้นก็ประกาศชัดเจนว่าจะไม่มีการลดค่าเงินบาท
แต่ก็ยังมีเรื่องที่ธนินท์ไม่รู้อีกมากโดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลของพรรคความหวังใหม่มีขุนคลังอย่าง
ดร.ทนง พิทยะ
2 กรกฎาคม 2540 เกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ของประเทศที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศเปลี่ยนระบบอัตราค่าเงินบาทเป็นแบบลอยตัวเพื่อกู้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจให้ผ่อนคลายไปในทางที่ดี
มีแต่ฟากของพล.อ.ชวลิตเท่านั้นที่รับรู้เรื่องนี้ ส่วนธนินท์กลายเป็นคน
"นอกวง" ไปเสียแล้ว
ผลจากการปรับค่าเงินบาทลอยตัวในช่วงแรก ซี.พี.ยอมรับเพียงว่ามีผลกับธุรกิจที่ต้องลงทุนด้วยการกู้เงินจากต่างประเทศ
คือบริษัทเทเลคอมเอเซีย จำกัด หรือ ทีเอ เพราะมีเงินกู้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เงินกู้ต่างประเทศก้อนใหญ่นี้ทีเอจำเป็นต้องนำมาใช้สำหรับเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคม
ซึ่งกำลังเติบโต และยังไม่มีรายได้เพียงพอที่จะคืนทุน เพราะการลงทุนครั้งนั้นทำไว้เพื่ออนาคต
ด้วยความมั่นใจในอาณาจักรของซี.พี. ว่าไม่มีปัญหา เพราะเป็นเงินกู้ระยะยาว
การเดินหน้าคงดำเนินต่อไปได้ แต่ในอีกทางหนึ่ง ซี.พี.ก็รับรู้ว่า การไม่ได้ทำประกันความเสี่ยงของเงินกู้ต่างประเทศ
หรือที่เรียกทั่วไปว่า hedging จะส่งผลกระทบรุนแรงอย่างไรหากค่าเงินบาทลอยตัวแบบไร้เสถียรภาพ
ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ศึกษาสถานการณ์ของทีเอ แล้วประเมินว่าปลายปีนี้ ทีเอต้องมีภาระดอกเบี้ยจ่ายถึง
4,200 ล้านบาท จากเดิมปี 2539 ที่มีประมาณ 2,000 ล้านบาทเท่านั้น
เพราะความไม่พอใจในผลงานของพล.อ.ชวลิต ทำให้ธุรกิจต้องพังพินาศเพราะค่าเงินบาทลอยตัวไม่หยุด
นักธุรกิจกลุ่มหนึ่งถึงกับรวมตัวเข้าพบพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติในตอนนี้ไม่มีการระบุว่ามีชื่อธนินท์อยุ่ด้วย
หลังการเปลี่ยนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จากเริงชัย มะระกานนท์ มาเป็น
ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัวดิ์ และปลด ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ปลัดกระทรวงการคลัง
และให้ศุภชัย พิศิษฐวานิช มาเป็นแทน ธนาคารชาติก็สั่งปิดกิจการของไฟแนนซ์เพิ่มอีก
42 แห่ง
มาตรการทั้งการลดค่าเงินบาทและปิดสถาบันการเงินนี้สวนทางกับแนวคิดการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของธนินท์โดยสิ้นเชิง
!
ซี.พี.เริ่มยอมรับสภาพว่ามาตรการของรัฐกระทบอย่างหนักกับธุรกิจโทรคมนาคมของทีเอ
ที่ใช้เงินกู้ต่างประเทศ ทำให้เจ้าสัวธนินท์ต้องประกาศนโยบายรัดเข็มขัดครั้งใหญ่กับกิจการในเครือ
โดยเฉพาะ เรื่องการลงทุนใหม่ที่ยังไม่มั่นใจ ก็สั่งระงับทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
บริษัทในเครือทุกแห่งต้องพัฒนาบุคลากรให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ถึงกับมีการระบุกันว่า ซี.พี.คงต้องหันกลับไปสู่ธุรกิจการเกษตรที่เชี่ยวชาญแทน
หากผลกระทบกับกิจการไฮเทครุนแรงขึ้น
แน่นอนว่าทุกบริษัทในเครือพร้อมใจตอบสนองนโยบาย เพราะธุรกิจหลายสาขาของซี.พี.
เจอพิษค่าเงินบาทอยู่ไม่น้อย
ทีเอนั้นถึงกับต้องขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยบางแห่งออกไปเพื่อลดภาระ !
ขณะที่กิจการปั๊มน้ำมันของปิโตรเอเชียที่มีอยู่ 7 สาขาต้องทำการปิดตัวเองในเวลาต่อมาเพราะก่อนหน้านี้ก้ไม่ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานอยู่แล้ว
เนื่องจากการแข่งขันด้านปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อในปั๊มแข่งขันกันอย่างหนัก
ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ไม่ได้มีแค่กิจการของทีเอ บริษัทด้านสินค้าเกษตรในตลาดหลักทรัพย์ฯ
อันประกอบด้วยบริษัทกรุงเทพผลิตผลอุตสาหกรรมการเกษตร จำกัด (มหาชน) หรือ
BPA บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารสัตว์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย หรือ CPF
และบริษัทกรุงเทพโปรดิวส์ จำกัด หรือ BKP ต่างก็เจอผลกระทบด้วยเช่นกัน และซี.พี.อาหารสัตว์เองแม้ทำกำไรแต่ก็น้อยกว่ายอดปีที่แล้ว
ส่วนด้านสินค้าอุปโภค บริโภคทั่วไป ซึ่งน่าจะเจอผลกระทบรุนแรง เพราะเป็นของจำเป็น
แต่ประวิตร ไวรุ่งเรืองกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทซี.พี. คอนซูเมอร์โพรดักส์
จำกัด ก็ตอบว่า ได้รับผลกระทบเหมือนกัน และที่ซี.พี.สามารถรับรู้ผลนี้ได้เร็วนั้นเพราะซี.พี.หยั่งขาลงไปในธุรกิจหลากหลายสาขานั่นเอง
ซี.พี.คอนซูเมอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภคทั้งของในเครือเอง
กับผู้ผลิตรายอื่น ที่ซี.พี.มีสายสัมพันธ์ด้วย ประวิตรประเมินอัตราการเติบโตของซี.พี.คอนซูเมอร์เองนั้น
จากเดิมที่วางไว้ประมาณ 30-40% ในปี 2541 คงจะเหลือแค่ประมาณไม่เกิน 20%
เท่านั้น และคงรอดูสถานการณ์ในช่วงที่เหลือของปี 2540 ไปก่อน ส่วนในปี 2541
หากเศรษฐกิจไม่แย่ลงไปกว่าที่เป็นอยู่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
ธุรกิจปิโตรเคมีเองนั้น แม้จะลงทุนไปมหาศาลประมาณ 8 ปีมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับผลกำไรตอบแทนกลับคืนมา
ยิ่งพิษเศรษฐกิจไทยเป็นเช่นนี้ นอกจากข้อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องภาษีนำเข้าอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังไม่ประสบความสำเร็จแล้วซี.พี.คงต้องพยุงกิจการให้อยู่รอดพ้นไปจนถึงปีหน้า
และปีต่อๆ ไป หรืออาจตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หากทุกอย่างไม่กระเตื้องขึ้น
ส่วนกิจการค้าปลีก ซึ่งดูเหมือนยังคงไปได้ดี ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ยังคงเดินหน้าขยายสาขาต่อไป
แม็คโครซึ่งกำลังรอความลงตัวของผู้ถือหุ้นโลตัสยังมีอนาคตที่ดีอยู่ เพียงแต่กิจการเหล่านี้ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์มากขึ้นอีก
สำหรับต่างประเทศนั้น ซี.พี.ก็ต้องสั่งชะลอการลงทุนทั้งหมด เช่น ที่เมืองจีน
แม้ซี.พี.จะมีฐานการลงทุนขนาดที่ใหญ่กว่าประเทศไทยอย่างมากก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถนำกลับมาเอื้อประโยชน์ให้กิจการในประเทศไทยได้
เพราะซี.พี.ถือว่าต้องมีการแยกการดำเนินงานกัน ที่สำคัญเงื่อนไขของรัฐบาลจีนนั้น
ต้องการให้บริษัทต่างประเทศที่เข้าไปลงทุน นำผลกำไรที่ได้ให้คงอยู่ในประเทศในรูปของการลงทุนเพิ่มเติม
กิจการหลากสาขาของนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทยที่ซี.พี. เป็นแม่งานพาไปลงทุนต่างก็ต้องระงับโครงการออกไป
โดยไม่มีกำหนดจากเหตุผลของสนั่น อังอุบลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์
จำกัด ก็คือเงินลงทุนที่ต้องใช้ในเมืองจีนเพิ่มขึ้นตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินที่ผันแปรไป
ซึ่งธนินท์เองก็เห็นด้วย เพราะนอกจากบริษัทในเครือจะไม่นำเงินไปลงทุนในเมืองจีนแล้ว
พันธมิตรเหล่านี้ก็ควรระงับด้วยเช่นกัน
"ค่าเงินหยวนแข็งขึ้น หากลงทุนในจำนวนเท่าเดิม เราก็ต้องใช้เงินบาทเพิ่มขึ้น
ซึ่งไม่คุ้ม คุณธนินท์ก็เห็นด้วยที่เราระงับการลงทุน และคิดว่าเราน่าจะเก็บเงินไว้ในประเทศเพื่อใช้หมุนเวียนให้เกิดสภาพคล่องดีกว่า"
สนั่นกล่าวย้ำนโยบายของธนินท์
กิจการของพันธมิตรซี.พี.หลายโครงการยังไม่ได้ลงทุนอย่างจริงจังจึงสามารถระงับไว้ได้โดยไม่ส่งผลกระทบรุนแรงนัก
แต่ก็ทำให้การแผ่ขยายอาณาจักรให้ครบทั้ง 30 มณฑลของจีนยังเกิดไม่ได้เต็มที่นัก
สำหรับสหรัฐอเมริกา ที่แม้จะไกลคนไทย แต่ธนินท์วางโครงการไว้ที่จะเริ่มเข้าสู่เมืองลุงแซมนี้เช่นกันจากที่มีบริษัทในเครือ
อย่างบริษัทเอ็กชอ ไชน่า มอเตอร์ไซเคิล จำกัด เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทแล้ว
ยังมีกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารสัตว์ จำกัด (มหาชน)
กับธุรกิจท้องถิ่นที่เมืองเมดิสัน รัฐอลาบามา เพื่อทำธุรกิจไก่ครบวงจร
แต่ด้วยภาพที่ธนินท์เข้าพบบิลล์ คลินตัน เมื่อเดือนมิถุนายน 2539 ทำให้ทางการสหรัฐฯ
ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้นำพรรคเดโมแครตที่พัวพันเกี่ยวกับการรับเงินนักธุรกิจต่างชาติ
6.25 แสนเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้หุ้นของซี.พี.ในตลาดหุ้นนิวยอร์กตกลง และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ
กวดขันมากขึ้นสำหรับธนินท์
แม้ภาคการส่งออกของซี.พี.จะดีขึ้นบ้าง เนื่องจากค่าเงินบาทที่ลดลงไปทำให้สินค้าเพิ่มปริมาณขายมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ
15% จากราคาของที่ถูกลง แต่ในระยะยาวปัญหาอื่นที่ตามมา ทั้งเรื่องการตัดสิทธิทางการค้าโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล
ภาระค่าใช้จ่ายด้านการขนส่ง เช่น น้ำมัน ค่าดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ที่ตามมา การส่งออกก็ยังคงไม่รุ่งอย่างแท้จริงอยู่ดี
การบุกสู่ตลาดต่างประเทศของซี.พี.จึงต้องรอการกู้สถานการณ์ในเมืองไทยก่อน
ผลกระทบที่เกิดกับซี.พี.ทำให้ธนินท์ไม่อาจนั่งนิ่งติดเก้าอี้ได้
ธนินท์เสนอแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เช่น เสนอให้รัฐต้องมีการแจกแจงให้เห็นถึงตัวเลขสำรองเงินตราต่างประเทศพร้อมกับมาตรการในการช่วยเหลือด้านอุตสาหกรรมขนาดกลาง
และขนาดเล็ก การรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน จนถึงมาตรการที่ชัดเจนในการฟื้นฐานะของสถาบันการเงิน
และไม่ควรปิดกิจการ
อีกทั้งการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นอกจากจะช่วยปรับฐานะการเมืองให้ดีขึ้นในระยะยาว
นโยบายด้านเศรษฐกิจก็จะมั่นคงตามมา และในระยะใกล้ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศมากขึ้น
ซึ่งการไม่ยอมรับร่างฉบับ สสร. ของพล.อ.ชวลิต ทำให้เกิดผลกระทบในด้านกระแสสังคมจนถึงด้านธุรกิจ
ธนินท์เองก็ร้อนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงต้องไปบ้านอดีตนายกรัฐมนตรี และเสนาะ
เทียนทอง อดีต "มท.1" ด้วยตนเองเพื่อให้ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ
สสร. เพราะผลที่ได้หากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะทำให้นักธุรกิจสามารถตั้งสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อให้นักธุรกิจสามารถเข้ามามีบทบาททางการเมืองได้ ตามมาตรา 89 หมวด 5
แม้อดีตนายกฯ จะเอ่ยปากแปลความได้ว่าจะยอมรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากมีการเปิดอภิปรายในสภาฯ
แต่ปัญหาเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น แนวทางข้อเสนอของธนินท์ คนในระดับข้าราชการทั้งการเมือง
ประจำไม่ยอมที่จะทำตามสิ่งที่ธนินท์ต้องการ ส่วนหนึ่งนั้นเห็นเป็นการอุ้มซี.พี.เสียมากกว่า
ดูเหมือนว่าเสียงของธนินท์จะเล็กลงสำหรับรัฐบาลของ "บิ๊กจิ๋ว"
หลังการรับร่างรัฐธรรมนูญสมาชิกของสภาหอการค้าไทย เห็นว่าปัญหาเศรษฐกิจยังไม่ได้รับการคลี่คลายจึงออกแถลงการณ์ส่งให้สื่อมวลชนเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก
จนวิเชียร เตชะไพบูลย์ต้องมาเคลียร์ว่าสมาชิกสภาหอการค้าไทยทั้งหมดไม่มีส่วนรู้เห็น
เป็นการกระทำโดยพลการของสมาชิกบางคน แต่ก็เป็นภาพที่เห็นได้ชัดว่าสายสัมพันธ์ของรัฐบาลกับนักธุรกิจขาดสะบั้นลง
เป็นความกล้าอย่างมากของบรรดานักธุรกิจที่อาจหาญไล่นายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง
เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นส่วนที่ทำให้พล.อ.ชวลิตต้องเอ่ยวาจา "มัน"
ที่ทิ่มแทงใจนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลต่อหน้าม็อบเกษตรกรภาคอีสานที่นั่งรถบัสมาให้กำลังใจจนทำให้ธนินท์ต้องฝ่าดงคนอีสาน
พร้อมนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงอีกหลายท่านไปพบอดีตนายกรัฐมนตรีถึงทำเนียบฯ
ในวันรุ่งขึ้น เพื่อเคลียร์ปัญหาด้วยความคิดถึงสายสัมพันธ์ที่เคยมีต่อกันมาก่อน
แต่ความพยายามแท้จริงของะนินท์ก็คือให้รัฐบาลเร่งมาตรการช่วยเหลือธุรกิจที่กำลังเจ็บหนัก
มีการทำข้อเสนอทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ก่อนหน้านี้แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้รับการสนองตอบ
ซึ่งพล.อ.ชวลิตจะยอมรับตามนิสัยของคนคุ้นเคย แต่เมื่อถึงขั้นตอนของการรับไปปฏิบัติก็ไร้ความเคลื่อนไหวชัดเจนใดๆ
ครั้งนั้นจึงเป็นครั้งสุดท้านที่ธนินท์ไปพบพล.อ.ชวลิตอย่างเป็นทางการ และด้วยความไม่เข้าใจว่าเหตุใดรัฐบาลไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชน
และไม่ยอมดำเนินมาตรการเร่งด่วนใดๆ เลยที่จะแสดงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
ธนินท์ยอมรับว่าเขาผิดหวังอย่างมากกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
"เสนอไปแล้วรัฐบาลก็ไม่ทำ แล้วไม่รู้ว่าทำไมไม่ทำ แล้วก็ไม่บอกผมว่าทำไม
เพราะเราเป็นคนธรรมดา" ธนินท์พูดในที่ประชุมของกลุ่มศึกษาติดตามปัญหานโยบายแห่งชาติ
กับผลของสิ่งที่เขาเสนอต่อรัฐบาล "บิ๊กจิ๋ว" (คอร์ปอเรท ไทยแลนด์
ต.ค.40)
สิ่งที่ประธานฯ ซี.พี.ต้องการคือมาตรการแก้ไขปัญหาไฟแนนซ์ 58 แห่งที่ปิดตัวไป
เพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องทางการเงิน จะได้มีผลสะท้อนกลับไปที่ธุรกิจด้านการส่งออกเพื่อช่วยพยุงฐานะของผู้ส่งออก
และอุตสาหกรรมการเกษตร เช่นการผลิตน้ำตาลจากอ้อย ผลผลิตมัน และข้าวนาปรัง
ที่จะเก็บเกี่ยวในช่วงปลายปีนี้ เพื่อให้เจ้าของโรงงานมีเงินทุนไปรับซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรได้
ใครๆ ก็รู้ว่าฐานด้านธุรกิจส่งออก และการเกษตรนั้นซี.พี.มีส่วนเข้าไปร่วมอยู่ไม่น้อย
จึงมีความกังขาเกิดขึ้นกับข้อเสนอของธนินท์
สิ่งที่ธนินท์เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ปฏิบัติอย่างแท้จริงในการแก้ปัญหาก็คือ
ไม่ได้มีการแพร่กระจายสภาพคล่องทางการเงินให้มากขึ้น ขาดการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทที่ปล่อยให้ลอยตัวไปตามสภาพอย่างไร้จุดยืน
และการปิดสถาบันการเงินโดยไม่มีมาตรการอื่นๆ มารองรับ
ผู้ที่ต้องรับผลของงานนี้อย่างเต็มตัวก็คือ ดร.ทนง พิทยะ รมว.กระทรวงการคลังในเวลานั้น
มีการระบุว่ามาตรการของดร.ทนงนั้นสวนทางกับวิธีคิดของซี.พี. แม้จะไม่มีการระบุชัดเจนว่าธนินท์ไม่พอใจมากน้อยแค่ไหน
แต่การพูดในที่ประชุมของกลุ่มศึกษาและติดตามนโยบายแห่งชาติของธนินท์ ซึ่งต้องการให้นายกฯ
ดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดในการแก้ปัญหา แต่นายกฯ เป็นนักการเมืองจึงไม่กล้าตัดสินใจ
"ก็น่าเห็นใจท่านนายกฯ เพราะเป็นคนไปเชิญทั้งดอกเตอร์ทนงและดอกเตอร์โกร่งมาเอง
เพราะถ้านายกฯ ไปเที่ยวล้วงลูก 2 คนนั้น อาจลาออกไปเลย"
มาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของนายกฯ "จิ๋ว" ธนินท์ยอมรับว่าเป็นการฟังจากกลุ่มที่ปรึกษาซึ่งมากกว่า
1 กลุ่ม และมีบางกลุ่มที่บอกว่าเศรษฐกิจยังดีอยู่ นายกฯ จึงเห็นว่าภาวะฯ
ยังไม่วิกฤติจนเกินไป
ธนินท์หันไปหาบ้านราชครู โดยมีพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ ประสานให้ได้เข้าร่วมประชุมกับพล.อ.ชาติชาย
ชุณหะวัณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีอีกคนที่ธนินท์รู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดีตั้งแต่เริ่มเสนอทำโครงการโทรศัพท์
3 ล้านเลขหมาย ดังนั้นในโต๊ะการประชุมหามาตรการด้านเศรษฐกิจของฝั่งพรรคชาติพัฒนา
จึงมีธนินท์มาร่วมวงอยู่ด้วย
ขณะที่ธนินท์ซึ่งหมดหวังกับพล.อ.ชวลิต ก็ใช้สายสัมพันธ์ที่มีอยู่กับพล.อ.เปรม
ซึ่งเป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์และทีเอ หารือร่วมกันภายในอาคารเทเลคอม
ทาวเวอร์ ตึกบัญชากการหลังปัจจุบันของธนินท์ เพื่อหามาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งลดความดื้อของนายกรัฐมนตรี
ส่วนบิ๊กจิ๋วก็เดินทางไปที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และแถลงการณ์ว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี
โดยทาบดร.อาชว์ เตาลานนท์ ประธานกรรมการทีเอ ให้มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ซึ่งเป็นเหมือนวิธีการหนึ่งของนายกฯ ที่จะเอาใจซี.พี. แต่มีเสียงปฏิเสธมาจากซี.พี.ในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นเพียง 4 วัน "ป๋าเปรม" ก็สร้างความฮือฮา ด้วยการยอมรับเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
และเสนอตัวเองขึ้นช่วยแก้ปัญหาของชาติด้วยการเสียสละเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ
โดยการเชิญบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ด้วยเหตุผลว่ามาอวยพรวันเกิดย้อนหลัง
แม้ไม่เป็นทางการแต่เสียงค้านจากนักการเมืองมีมากกว่ารัฐบาลแห่งชาติเป็นได้แค่ฝัน
หลังจากนั้นการประกาศด้านเศรษฐกิจเพื่อกู้ชาติฉบับ 14 ตุลาคม ของดร.ทนงไม่สัมฤทธิผลทั้งจากนักธุรกิจ
สื่อมวลชน หรือเจ้าหน้าที่ของธนาคารโลกเองก็ตาม ดร.ทนงได้รับความกดดันอย่างมาก
จากความไม่พอใจต่อดร.ทนงของนักการเมืองร่วมรัฐบาล จึงขอลาออกจากตำแหน่งโดยระบุว่าหากมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ก็ไม่ขอรับตำแหน่ง
การปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งของรัฐบาล "จิ๋ว" นอกจากจะไม่มีคนชื่อ
ดร.ทนงแล้ว ยังมีการระบุว่าคนที่มีสายสัมพันธ์กับซี.พี.ในสายชาติพัฒนาอย่างพิทักษ์
ไม่ได้เข้าร่วมเป็นรัฐมนตรีตำแหน่งสำคัญเลยเช่นกัน
และเมื่อเกิดม็อบนักธุรกิจอีกครั้งขณะที่ค่าเงินบาททะยานแบบไม่หยุดไปที่
41 บาทกว่า พล.อ.ชวลิตก็กู้สถานการณ์ของความหวังใหม่ด้วยการยอมลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี
ในที่สุดก็ได้ ชวน หลีกภัย จากซีกฝ่ายค้านมารับหน้าที่แทน ซึ่งความดีใจของธนินท์นั้นมีมาก
จนกระทั่งนำกระเช้าดอกไม้ไปให้กำลังใจชวนถึงที่ทำการพรรค
ทางหนึ่งธนินท์บอกว่ามาตรการของ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ และธารินทร์ นิมมานเหมินท์
ตรงกับใจที่ธนินท์ต้องการ รอเพียงการลงมือทำอย่างจริงจัง
"ตอนนี้เราก็ได้รัฐบาลที่มีภาพพจน์ดี โดยเฉพาะมีทีมงานด้านเศรษฐกิจที่ได้รับความเชื่อถือ
คือคุณศุภชัย พานิชภักดิ์ และคุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ หุ้นก็ดีขึ้น เงินบาทก็แข็งขึ้นด้วย
นโยบายถูกต้องแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการปฏิบัติเท่านั้น หากปฏิบัติให้ได้ตามมาตรการที่วางไว้
ก็จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้" นั่นคือบทสรุปของะนินท์ต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน
เป็นการประกาศตัวทางการเมืองชัดเจนว่าคราวนี้ธนินท์สนับสนุนชวนแน่นอนหลังจากที่เคยช่วยอุ้มนายกฯ
ของคนอีสานจนประสบความสำเร็จมาแล้ว