ยานภัณฑ์ อนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 4 พันล้านบาท หวังนำเงินไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายในช่วงขาขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิต ทุ่ม 2.5 พันล้านบาท ผุดโรงงานแห่งที่ 3 คาดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2549 นี้

นางจำลอง พันธ์พาณิชย์ ประธานกรรมการ บริษัท บริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ YNP กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 3/2549 มีมติอนุมัติจัดสรรกำไรสุทธิจากผลประกอบการประจำปี 2548 โดยแบ่งเป็นเงินทุนสำรองตามกฎหมายจำนวน 13.2 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 31 มีนาคมนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2549

พร้อมกันนี้ ยังได้อนุมัติให้ออกและการเสนอขายหุ้นกู้ภายในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ประเภทหุ้นกู้ด้อยสิทธิ หรือไม่ด้อยสิทธิ ชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นหรือชำระคืนครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน มีประกันหรือไม่มีประกัน อายุไม่มีเกิน 5 ปี สกุลเงินบาทหรือสกุลเงินต่างประเทศ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาวะตลาดขณะที่จะเสนอขายหุ้นกู้จำนวนดังกล่าว

สำหรับวัตถุประสงค์ของการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้ง บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และบางส่วนจะนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้ให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน ทั้งนี้บริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัท สำนักกฎหมายสากล สยามพรีเมียร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2548 บริษัทมีภาระเงินกู้ระยะสั้นกับสถาบันการเงินจำนวน 2,155 ล้านบาท และเงินกู้ระยะยาว จำนวน 2,841ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 4,996 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นบริษัทจะเสนอให้มีการอกหุ้นกู้เพื่อเป็นการบริหารต้นทุนทางการเงินที่

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเรียกประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2549 เพื่อพิจารณาอนุมัติเรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 เมษายน 2549 และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อกำหนดสิทธิในการเข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนน ตั้งแต่ เวลา 12.00 น.ของวันที่ 31 มีนาคม 2549

นอกจากนี้ ที่คณะกรรมการยังได้อนุมัติการลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงงาน 3 (โรงงาน 3) ที่ อ.บางปะกง (บ้านโพธิ์) จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งปัจจุบันได้ทำการซื้อที่ดิน และหาข้อสรุปในการจัดหาเครื่องจักรและผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง ประมาณไตรมาส 1 ปี 2549 และการก่อสร้างจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 4 ปีนี้ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 2,500 ล้านบาท

สำหรับรายละเอียดของการลงทุนก่อสร้างโรงงาน ประกอบด้วย ที่ดิน มูลค่ารวม 635,966,486 บาท ทรัพย์สินมูลค่าก่อสร้างอาคารโรงงาน 500 ล้านบาท เครื่องจักรรวม 24 รายการ ประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยราคาที่ดินได้อิงกับราคาประเมินโดยผู้ประเมินอิสระ 2 ราย คือ BELL Survey Ltd. ที่ประเมินราคาไว้ที่ 674,550,000 บาท และ 1989 Consultants Co.,Ltd ราคาประเมิน 719,500,000 บาท

โดยแหล่งเงินทุนที่จะในโครงการก่อสร้างคือ การระดมทุนผ่านบุคคลในวงจำกัด (Private Placement, PP) จำนวน 456 ล้านบาท ที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2548 และสินเชื่อจากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) 2,220 ล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อเพื่อซื้อที่ดิน ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง และซื้อเครื่องจักรเป็นจำนวน 2,000 ล้านบาท และสินเชื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 220 ล้านบาท

ส่วนผลประโยชน์ที่คาดว่าบริษัทจะได้รับจากการลงทุนก่อสร้างโรงงาน (โรงงาน 3) นั้น เป็นไปตามกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวของบริษัทที่ต้องการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยการลดต้นทุนการผลิต การขยายกำลังการผลิตและการรักษาระดับรายได้ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัท

สำหรับโรงงานแห่งใหม่จะทำการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ของรถถปิกอัพในโครงการ IMV มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คัน โดยโรงงานลูกค้าหลัก Toyota Gateway ปัจจุบันมีการผลิตรถยนต์รุ่น CAMRY,COROLLA, SOLUNA,VIOS และ WISH จะมีการขยายกำลังการผลิตจากเดิม 110,000 คันต่อปีเป็น 200,000 คันต่อปี