|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กระแสต่อต้านสิงคโปร์ลามเข้าสู่ตลาดทุนไทย กลุ่มนักลงทุนเริ่มรวมตัวต่อต้านโบรกเกอร์ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นสิงคโปร์ ด้วยการหยุดซื้อขาย และหันไปเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์รายอื่นแทน ขณะที่ "มนตรี ศรไพศาล" บิ๊ก บล.กิมเอ็งฯ ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นสิงคโปร์ ออกโรงแจงไม่เกี่ยวข้องกัน ระบุบริษัทแม่จากสิงคโปร์ให้อิสระในการบริหารงานเต็มที่ ด้านนักลงทุนต่างชาติ ยังทิ้งหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 และมีการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กแทน
จากระแสการรณรงค์ต่อต้านการใช้สินค้าของกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และสินค้าจากประเทศสิงคโปร์ หลังจากที่กลุ่มเทมาเสก โฮลดิ้งส์ เข้ามาครอบงำกิจการ (เทกโอเวอร์) กลุ่มชินคอร์ป ด้วยการซื้อหุ้นทั้งหมดจากตระกูลชินวัตร และดามาพงษ์ รวมถึงรับซื้อหุ้นจากรายย่อย (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ทำให้มีหุ้นรวมทั้งสิ้นกว่า 96% นั้น
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ กล่าวว่า ขณะนี้กระแสการต่อต้านสิงคโปร์ได้รุกลามเข้ามาสู่ตลาดทุนแล้ว โดยได้มีกลุ่มนักลงทุนจำนวนหนึ่งได้เริ่มมีการพูดคุยที่จะต่อต้านบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นชาวสิงคโปร์ อาทิ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) และบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เป็นต้น
โดยแนวทางการหารือร่วมกันนั้น กลุ่มนักลงทุนได้ข้อยุติร่วมกันว่า หากมีการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (พอร์ต) กับโบรกเกอร์ที่มีผู้ถือหุ้นเป็นชาวสิงคโปร์ นักลงทุนกลุ่มนี้จะหยุดการซื้อขายกับโบรกเกอร์รายดังกล่าว และหันไปเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์รายอื่นแทน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักลงทุนดังกล่าวยังไม่กล้าที่จะแสดงตัวมากนัก และยังไม่มีแกนนำที่ชัดเจน แต่ถ้ากระแสต่อต้านสิงคโปร์ทวีความรุนแรงขึ้นในตลาดทุนไทย และมีจำนวนนักลงทุนที่จะเข้าร่วมต่อต้านมากขึ้น อาจจะทำให้กลุ่มนักลงทุนดังกล่าวกล้าที่จะแสดงออกมายิ่งขึ้น
"ช่วงที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวว่าลือว่าโบรกเกอร์ที่มีผู้ถือหุ้นจากสิงคโปร์ จะเอื้อประโยชน์ให้กับลูกค้าที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่มาก โดยจะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่จากสิงคโปร์ ซึ่งทำให้นักลงทุนรายใหญ่ยังซื้อขายอยู่กับโบรกเกอร์เหล่านี้ต่อไป" แหล่งข่าว กล่าว
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับนักลงทุนที่จะต่อต้านโบรกเกอร์ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่จากสิงคโปร์ แต่ถ้ามีการต่อต้านจริง บริษัทพร้อมที่จะชี้แจงให้กับนักลงทุนได้รับทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่เกี่ยวข้องกับบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ผู้ถือหุ้นใหญ่จากสิงคโปร์ได้ให้อิสระในการบริหารงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้เข้ามาควบคุมแต่อย่างใด และพนักงานของบล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประมาณ 1 พันกว่าคนก็เป็นคนไทยทั้งหมด จะมีผู้บริหารที่เป็นคนสิงคโปร์น้อยมาก
***ความเคลื่อนไหวดัชนีวานนี้ (15 มี.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อจากนักลงทุนซื้อหุ้นขนาดใหญ่ และเก็งกำไรหุ้นเล็ก ส่งผลดัชนีปิดที่ 741.21 จุด เพิ่มขึ้น 2.58 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.35% ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ 741.21 จุด และต่ำสุดระดับ 736.54 บาท มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 14,030.46 ล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างประเทศยังเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง คือ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 937.96 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 693.31 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 244.65 ล้านบาท
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นวานนี้ เกิดจากแรงซื้อที่มีเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน สื่อสาร ธนาคาร ซึ่งชดเชยการปรับตัวลดลงของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่มีการขึ้นเครื่อง XD บวกกับตลาดหุ้นในภูมิภาคมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่มูลค่าการซื้อขายมีเข้ามามากเช่นเดียวกัน จากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก
ทั้งนี้ การที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายหุ้นออกมาติดต่อกันเป็นวันที่ 7 แต่มูลค่าที่มีการขายออกมาถือว่ายังน้อยกว่าที่นักลงทุนต่างประเทศได้มีการซื้อสุทธิตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (16 มี.ค.) คาดว่าจะมีการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ขึ้นอยู่ปัจจัยสถานการณ์ปัจจัยภายในประเทศแต่ละวัน ซึ่งนักลงทุนเองคงจะเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก โดยมองแนวรับที่ 735 จุด แนวต้านที่ระดับ 743-745 จุด
นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่า ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผล และอาจมองเป็นช่วงจังหวะที่น่าเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อรับสิทธิในการจ่ายปันผล โดยเฉพาะหุ้นตัวใหญ่อย่าง ปตท. ปตท.สผ. และกระจายไปยังหุ้นกลุ่มอื่น อย่างกลุ่มแบงก์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ปัจจัยทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด ซึ่งส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเบาบางอย่างต่อเนื่อง ด้านนักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุน และรอจังหวะเพื่อเข้ามาลงทุนรวมถึงความชัดเจนทางสถานการณ์ทางการเมือง สำหรับปัจจัยอื่นๆ ภายนอก เป็นปัจจัยจากความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมัน โดยมองแนวรับที่ 732-735 จุด แนวต้าน 740-750 จุด
|
|
|
|
|