|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"แบงก์กรุงไทย" เดินหน้าออกไฮบริด บอนด์ เม.ย.-พ.ค.นี้ วงเงิน 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จ่ายดอกเบี้ย 6% กว่า หลังจากต้นปีออกหุ้นกู้ไปแล้ว 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หวังนำเงินไปขยายสาขาในสิงคโปร์และอเมริกา เผยสภาพคล่องส่วนเกินล้นถึง 6 หมื่นล้าน มองแง่ดีไม่มีแรงกดดันต้องขึ้นดอกเบี้ย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เปิดเผยถึงการระดมเงินต่างประเทศของธนาคารว่า ธนาคารมีแนวทางที่จะออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิ์กึ่งทุน (ไฮบริด บอนด์) ซึ่งการออกไฮบริด บอนด์ ก็ถือว่าเป็นตราสารที่ไม่มีการกำหนดอายุไถ่ถอน และนับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ได้ ก็จะส่งผลดีต่อธนาคาร หลังจากที่ในช่วงต้นปีธนาคารได้มีการออกหุ้นกู้วงเงิน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงตลาดลอนดอน (ไลบอร์) 6 เดือนบวกด้วย 0.1 % หรือประมาณ 5 % ซึ่งการระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้ดังกล่าว เป็นการระดมทุนในประเทศและนำไปสว็อปเป็นเงินตราต่างประเทศ มีต้นทุนที่ถูกกว่าการที่ธนาคารจะไปออกเป็นเงินกู้ต่างประเทศโดยตรงที่มีต้นทุนอยู่ที่ไลบอร์ 6 เดือนบวกด้วย 0.2-0.3 %
"ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมี บล. เมอร์รินลินซ์เป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถนำออกโรดโชว์ได้ในช่วงปลายเดือนเมษายน หรืออย่างช้าประมาณต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะโรดโชว์ในเอเชีย อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 6 % กว่า และหลังจากการโรดโชว์แล้วธนาคารก็ทำการจะระดมทุน"
สำหรับวงเงินในการระดมทุนอยู่ที่ 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณหมื่นล้านบาท ซึ่งเงินจากการระดมทุนก็น่าจะไหลเข้ามาในธนาคาร จากนั้นธนาคารจะนำเงินดังกล่าวไปใช้เพื่อขยายสาขาที่สิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา ที่ปัจจุบันสาขาทั้ง 2 ของธนาคารมีต้นทุนเงินกู้ดอกเบี้ยสูง ดังนั้นจึงนำเงินดังกล่าวไปทดแทน และคาดว่าในปีนี้ธุรกิจต่างประเทศของธนาคารจะเติบโตประมาณ 6-7 %
ด้านความคืบหน้าการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจหลักทรัพย์ของธนาคารนั้น นายอภิศักดิ์เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทหลักทรัพย์จำนวน 3-4 แห่ง ซึ่ง บมจ.ทรีนีตี้ ก็เป็นแห่งหนึ่งที่ดูอยู่ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป และคาดว่าจะจบได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 2 จากเดิมที่คาดว่าจะจบในไตรมาสที่ 1
ทั้งนี้ ที่มีการเลื่อนเวลาออกไปเป็นไตรมาสที่ 2 เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย โดยการขยายเครือข่ายของธุรกิจหลักทรัพย์ ธนาคารอยากมีสัดส่วนการถือหุ้นตั้งแต่ 40 % ขึ้นไป ซึ่งธนาคารก็ต้องการให้หลักทรัพย์ที่ธนาคารถือหุ้นใหญ่ทำธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ ให้กับธนาคาร ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ของธนาคาร
ในส่วนของสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารนั้น ปัจจุบันธนาคารมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ประมาณ 60,000 ล้านบาท ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงทำให้ธนาคารไม่มีแรงกดดันที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากธนาคารยังมีเงินฝากไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และธนาคารก็มีการระดมเงินฝากในรูปแบบต่างๆ ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ยังขึ้นอยู่กับธนาคารพาณิชย์แห่งอื่น ซึ่งหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและทำให้มีเงินไหลออก ธนาคารก็จำเป็นที่จะต้องปรับดอกเบี้ยขึ้นตาม เพื่อรักษาฐานของลูกค้าธนาคารเอาไว้
สำหรับการระดมเงินฝากของธนาคารของการครบรอบ 40 ปี โดยการออกให้เงินฝากประเภท 9 เดือน จ่ายดอกเบี้ย 0.25 % ที่เริ่มเมื่อวันที่ 1-24 มีนาคม 2549 นั้นถือว่าประสบผลสำเร็จในการระดมเงินฝากจากรายย่อย โดยหลังการเปิดโปรแกรมในช่วง 1 สัปดาห์มีเงินไหลเข้ามา 24,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้เพียง 20,000 ล้านบาท
|
|
|
|
|